จะบอกที่บ้านอย่างไรดี เมื่อแฟนที่เคยมั่งมีแต่วันนี้ไม่มีแล้ว

สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่ากระทู้นี้อาจจะไม่เหมือนกระทู้คำถามเท่าไหร่นัก จะเป็นเชิงระบาย หรือ เล่าเรื่องซะมากกว่านะคะ
เราเจอกับแฟนเรา ตอนที่เราไปฝึกงานในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ก่อนที่เราจะตัดสินใจคบกับแฟน เราก็ชั่งใจอยู่นานจนตัดสินใจคบกับเขา เพราะเขาดูแลเราดีมาก ใส่ใจทุกอย่าง ตอนนั้นเรามองข้ามเรื่องอายุที่เขาห่างกับเรา 20 ปี และอดีตที่เขาเคยมีลูกเมียมาแล้ว  ซึ่งเขายืนยันว่าไม่มี และเราก็เชื่อ เพราะตลอดเวลาที่เราไปฝึกงานเราอยู่กับเขาทุกวัน เขาทำงาน เราก็ฝึกงาน วันไหนเวรพักเขาก็จะมาเฝ้าเราเป็นต้น 
แต่มีอยู่วันนึงเราคิดอะไรไม่รู้ เลยถามเขาไปว่า พี่แน่ใจนะว่าไม่มีลูกเมียอยู่ที่บ้าน เขาก็ตอบกลับมาว่า ไม่มีจริงๆเลิกกันไปนานแล้ว มีแค่ผู้หญิงคนนึงที่ติดต่อกับเขาเรื่องเอกสาร เพราะผู้หญิงคนนั้นอยู่ต่างประเทศ และจดทะเบียนสมรสกับชายต่างชาติอยู่แล้ว โอเคเราเชื่อเพราะเราหาเฟซแฟนจนเจอ ค้นอดีตสารพัดของเพื่อนๆเขา ตามกลุ่มต่างๆ และรู้ชื่อของผู้หญิงคนนั้นพอเราเห็นชื่อเฟซของผู้หญิงคนนั้น จึงไปค้นหาดู ระบุว่าจดทะเบียนแล้วจริงๆ เราก็สบายใจตัดสินใจคบต่อแบบไม่ลังเล
หลังจากฝึกงานเสร็จเรากลับมาเรียนอีก1 ปี ตลอดระยะเวลา 1 ปี ระยะทางที่ห่างกันเกือบ300กิโลเมตร เขาก็ยังมาหาทุกอาทิตย์ อาทิตย์แรกๆ เข้ามาบ้านได้แต่ที่บ้านเรายังไม่ให้นอนบ้าน เขาก็ไปหารีสอร์ทห้องพักใกล้ๆบ้านเรานอน เช้าอีกวันก็มาหาที่บ้าน เป็นแบบนี้สักระยะ จนพ่อกับแม่เราเห็นใจแหละ พ่อกับแม่จึงเอ่ยปากให้นอนที่บ้านได้ (บอกก่อนว่าที่บ้านเรามี 4 ห้องนอน ไม่ได้นอนห้องเดียวกับเรา เขานอนห้องว่าง)  ความรักเราก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เขาก็ยังใส่ใจเรา ดูแลบ้านเรา จู้จี้จุกจิกเรื่องการทำงานบ้านของเรา  ตามประสาคนมีอายุสอนลูกอย่างไงอย่างงั้น จนมาตอนนี้ คบกันได้ปีกว่าแล้ว เขาคุยเรื่องแต่งงานกับเรา ให้เราลองไปถามที่บ้านว่าสินสอดเท่าไหร่ (เรารู้อยู่ว่าที่บ้านจะเรียกเขาเยอะ เนื่องจาก 1.ก่อนหน้านี้เราเคยมีคนจะมาขอด้วยเลข7หลักแต่เราปฏิเสธไป เพราะเราให้เหตุผลกับทางบ้านเราว่าคนเราไม่ได้รักกันจะให้แต่งงานด้วยคงไม่ได้ และหมดสมัยที่จะยัดเยียดผู้ชายให้ผู้หญิงแล้ว ทำนองรวยๆก็เอาไปเถอะ จนที่บ้านเราก็ล้มเลิกไป และชาวบ้านก็ว่าเราโง่คนเอาเงินมาให้ตรงหน้ายังปฏิเสธ เราก็เฉยๆ เพราะ ยิ้มไม่ได้เป็นคนแต่งจะคิดยังไงก็ได้ และ 2. แฟนเราคนนี้ "ดูเหมือน" จะมีเงิน เพราะมี รถยนต์หลายคัน รถมอไซค์ Bigbikeหลายคัน เป็นต้น ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขับขี่มาบ้านเรา พาเราไปนั่นนี่ ซื้อของเข้าบ้านเราเป็นปกติ พาเราพาครอบครัวเราไปกินข้าว )
แต่ แต่ แต่
ความเป็นจริงที่ทุกคนที่บ้านเราเห็นมันไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด  (จริงๆเรารู้มาว่า บ้าน รถที่เขามี ผู้หญิงคนที่อยู่ต่างประเทศมีสิทธิในการครอบครองตามกฏหมาย คือเป็นชื่อผู้หญิงเกือบทั้งหมด แต่เขาเป็นคนใช้และดูแล และมีจากหนี้สินที่ผู้ชายคือตัวแฟนเราแลกมาเพื่อซื้อ สิ่งของประดับบารมีเพื่อให้ทัดเทียมกับกลุ่มเพื่อนเขาแต่ละคนที่เป็น ทั้ง CEO, เจ้าของบริษัท หรืออื่นๆ ที่เพื่อนเขาเหล่านั้นสามารถซื้อได้โดยไม่เป็นหนี้มากเท่าแฟนเรา )  ก่อนที่เขาจะคุยเรื่องงานแต่งกับเรา เขาบอกกับเราว่า เขากับผู้หญิงคนนั้นจะเลิกติดต่อกันแล้วเพราะผู้หญิงคนนั้นกับสามีจะกลับมาอยู่เมืองไทย แต่เขาแทบจะไม่เหลืออะไรเลย ต้องไปฟ้องร้องกันตามสิทธิที่ควรจะได้ก็เท่านั้นตลอดเวลาเกือบ 10ปีที่เขาเป็นคนอาศัยและใช้รถเหล่านั้น นอกจากสิ่งที่เขาเป็นหนี้ผ่อนเอง เราควรจะดีใจที่รู้ว่าเขาจะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนนั้น แต่เปล่าเลย เรากลับมาคิดว่า เราจะทำอย่างไรต่อไปกับเรื่องอนาคตของเรากับเขา  เราก็ได้แต่คิดว่าตอนที่เขามีทุกอย่าง เขาก็ให้เราทุกอย่างตั้งแต่รู้จักกัน  แล้วตอนนี้เราเรียนจบแล้วมีงานทำ ถ้าจะช่วยกันเก็บกันสร้างก็คงจะเหมือนคู่ทั่วๆไปที่ ฐานะทางการเงินติดลบ หรือเริ่มจากศูนย์  อายุเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ เขาเคยร้องไห้กับเราด้วยเหตุผลที่ว่า เหมือนตอนนี้เขามีแต่ตัวอายุก็เยอะแล้ว อยู่กับเราที่กำลังมีหน้าที่การงานดี กำลังเป็นสาววัยทำงาน  ก็กลัวเราจะทิ้งเขาไป  เราก็เพียงตอบกลับไปว่า ไม่ว่าคบกับใคร ตัวเราเองก็ต้องช่วยสร้างอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะทิ้งกันไป คิดว่าทำยังไงไม่ให้ทิ้งกันดีกว่า เพราะที่ผ่านมาเขาดีกับเรามากจริงๆ 
ประเด็นอยู่ที่ว่า เรื่องแต่งงาน เขาคุยกับเราหลายครั้งแล้ว ว่าให้ไปถามที่บ้านว่าเรียกเท่าไหร่ เขาอยากแต่งงานกับเราแล้วเพราะอายุเขาไม่น้อยเลย เขาบอกอยากมีคนดูแลอยู่ข้างๆ
แต่ส่วนเราพึ่งจะเรียนจบมีงานทำ และพึ่งมารู้ปัญหานี้  
เราควรบอกกับที่บ้านเราถึงฐานะทางการเงินของแฟนเรามั๊ย เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ที่บ้านฟังดีหรือเปล่าค่ะ เพราะถ้าแฟนเราคุยจริงจังถึงเรื่องแต่งงานการเรียกสินสอดจากทางบ้านจะได้ตามฐานะของแฟนเราจริงๆ
เราเครียดด้วยสงสารด้วย ใจนึงก็รักใจนึงก็ลังเล ไม่ได้ลังเลที่จะเลิก แต่กลัวที่บ้านเราไม่โอเค ไม่รู้จะบอกกับทางบ้านอย่างไรดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่