หุ้นในพอร์ตเริ่ม 21/7/2560 จะมีการเปลี่ยนแปลง ขอยกตัวอย่างข้างล่าง
ก. ต้นทุนในพอร์ต เพิ่มขึ้นเป็น (คูณด้วย 28.9)
0.05 1.445
0.10 2.89
0.15 4.335
0.20 5.70
0.50 14.45
1.00 28.90
1.50 43.35
2.00 57.80
ข. จำนวนหุ้นในพอร์ต หาร 28.9 เหลือ
100,000 3,460
500,000 17,300
1,000,000 34,600
1,500,000 51,900
2,000,000 69,200
สรุปสถานะ ssi ถึงขณะนี้
สิ้นสุด 31/12/2559 "ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ -43,439.48 ล้านบาท" ต้องพยายามทำอย่างไรถึงให้เป็นบวก ขั้นตอนยังอีกยาวนานยุ่งยาก เช่น
(๑) ลดทุนจดทะเบียน :
https://www.set.or.th/set/newsdetails.do?newsId=14893622259411&language=th&country=TH
จะมีผล 90 วันหลังศาลล้มละลายรับแผนฟื้นฟู
i. จำนวนหุ้นในพอร์ตจะลดลง 28.9 เท่า ส่วนต้นทุนจะเพิ่มขึ้น 28.9 เช่นกัน
เช่น มี 1,000,000 ssi @ 0.05 จะเหลือ 34,602 ssi @ 1.445 บาทต่อ 1 ssi
ii. ราคาปิด 0.05 ณ วันก่อน sp จะเปลี่ยนเป็น 1.45 บาท
iii. ณ 30/12/2559 ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 32,166,262,124 หุ้น พาร์ 1.00 จะเหลือ 1,113,019,451 หุ้น พาร์ 1.00
iv. จำนวนหุ้นที่ลด 31,053,242,673 หุ้นๆละ 1.00 = 31,053,242.67 บาท ล้าง
ก. ส่วนต่ำมูลค่าหุ้น -5,678.08 หมด
ข. ส่วนเหลือ 31,053.24 - 5,678.08 = 25,375.16 ล้านบาท ลด "ขาดทุนสะสม - 71,473.43 ล้านบาท"
v. ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ -43,439.48 ไม่เปลี่ยนแปลง (แก้ไขตามคำทักท้วง คคห 10)
น่าเป็นห่วงต้นทุนสูงๆโอกาสที่จะได้เงินคืนอย่างไรเมื่อ ssi กลับมาซื้อขาย ต้องเตรียมเงินเพิ่มทุนซึ่งขึ้นอยู่ราคาเท่าไร โอกาสที่จะได้คืนจากส่ว
ใช้สิทธิเพิ่มทุน + เล็กๆน้อยๆจากต้นทุนเดิม ลองคำนวนต้นทุนในพอร์ตแล้วจะรู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะตรงไหน ประเด็นอยู่จะกลับมาซื้อขายได้
เมื่อไร ที่จะเข้าหลักเกณฑ์กลับมาซื้อขายใหม่
(๒) ปรับโครงสร้างหนี้ : รอขบวนการปรับโครงสร้างหนี้
(๓) เพื่มทุน : มีแน่นนอนจะเป็นเท่าไร ลองจินตนาการเอง
(๔) ส่วนผู้ถือหุ้นบวก
(๕) ผลประกอบการมีกำไรอย่างเสถียรรูปธรรม ติดต่อกับ 4 ไตรมาสสุดท้าย; และ
(๖) สภาพคล่องกระแสการเงินตามหลักเกณฑ์ กลต/ตลท
บริษัทได้ประกาศจะมีการขายหุ้นใหม่เพิ่มทุน
ครั้งที่ 1 ยังไม่ได้บอกรายละเอียด ไม่เท่านั้นต้องมามากอีกหลายๆครั้งจนกว่า "ส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวก"
ต้องตืดตามดูว่า จะได้ haircut และ แปลงหนี้เป็นทุนเพียงพอล้าง "ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ -43,439.48 ล้านบาท" หมดไม่เหลือสักบาทเดียว ก็จะลดภาระกดดันราคาหุ้นใหม่เพิ่มทุน
เพื่อในกรณีศีกษา ผมได้ทำตาราง 6 SCENARIO ดังนี้
ปัญหา ssi หนักหนาที่มีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ -43,439.48 ล้านบาท (ไม่รวมผลประกอบการตั้งแต่ 1/2560 เป็นต้นมา) หนทางแก้ไข ซึ่งได้เป็นเป็นรูปธรรม คือ "ลดทุนลดจำนวนหุ้น" กระทบผู้ถือหุ้นอย่างมากมาย อันดับต่อไป ปรับโครงสร้างหนี้ มี "hair-cut" และ "แปลงหนี้เป็นทุน 0.05" จะได้เงินเท่าไรมาลดหรือล้าง "ส่วนผู้ถือหุ้นตืดลบ" ถ้าสามารถล้างได้หมดก็จะไม่มีแรงกดดันราคาหุ้นใหม่ ผมไม่รู้ว่าจะเป็นราคาเท่าไร รวมถึงจะเพิ่มทุนกี่รอบ ผมจึงให้ตัวอย่าง 2 รอบ และ ราคาต่างๆ ในแต่ละ Scenario จักได้เห็นเม็ดเงินจะได้จากการเพิ่มทุนเพียงพอหรือไม่ ผมไม่รู้ไม่ฟ้นธงต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้
กรณีศึกษา มีต้นทุนที่ 0.60 บาท ได้เพิ่มขึ้น 17.34 บนสมมติฐานราคาหุ้นใหม่ เข่น
รอบแรก 1 : 10
ราคาหุ้นใหม่ สิทธิ 1 : 10 รวมต้นทุน เฉลี่ย
คูณ 10 17.34 หาร 11
0.20 2.00 19.34 1.758
0.30 3.00 20.34 1.849 Scenario I
0.40 4.00 21.34 1.94 Scenario II
0.50 5.00 22.34 2.03 Scenario III
0.60 6.00 23.34 2.12 Scenario IV
0.70 7.00 24.34 2.21 Scenari V
0.80 8.00 25.34 2.30 Scenatio VI
ต้นทุนเฉลี่ยขึ้นอยู่ "อัตราส่วน" และ "ราคาหุ้นใหม่" แต่ละรอบ
เมื่อ ssi กลับมาซื้อขาย ราคาซื้อขายจะถูกแรงกดดันจาก "ต้นทุนเจ้าหนี้ที่ 0.05" ขายได้กำไรทุกราคา รวมถึงราคาหุ้นใหม่ถ้ายิ่งต่ำยิ่งดีจักได้เปิดมาได้เป็นเด้งๆของราคาหุ้นใหม่ ขอให้จินตนาการตามมุมมอง ความเป็นไปได้ จะเล่นที่ราคาเท่าไรถึงจะเหมาะสม
นำแนวทางไปต่อยอดตามความต้องการตัวเอง จักได้วางแผนเตรียมตัวเครียมตังค์ไว้แต่เนินๆ แล้ว ภาวนาให้กลับมาซื้อขายได้อีกครั้ง จะนานเท่าไรลองจินตนาการเองครับ
ด้วยความปรารถนาดี
ปล :
เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแล้วมีผลอย่างไร
เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแล้วมีผลดังนี้
1.ห้ามมิให้ฟ้องหรือร้องขอให้ศาลพิพากษาสั่งให้เลิกนิติบุคคลที่ป็นลูกหนั้
2.ห้ามนายทะเบียนมีคำสั่งให้เลิกหรือจดทะเบียนเลิกนิติบุคคลที่เป็นลูกหนี้
3.ห้ามธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรมการ ประกันภัย หรือหน่วยงานของรัฐ แล้วแต่กรณี สั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของลูกหนี้ หรือสั่งให้ลูกหนี้หยุดประกอบกิจการ
4.ห้ามฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ และห้ามฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลาย
5.ห้ามเสนอข้อพิพาทที่ลูกหนี้อาจต้องรับผิด หรือได้รับความเสียหายให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด ถ้ามูลหนี้นั้นเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน
6.ห้ามเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ ถ้ามูลหนี้ตามคำพิพากษานั้นเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน
7.ห้ามเจ้าหนี้มีประกันบังคับคดีเอากับทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน 8.ห้ามมิให้เจ้าหนี้ที่บังคับชำระหนี้ได้บังคับได้เองตามกฎหมายยึดทรัพย์สินหรือขายทรัพย์สินของลูกหนี้
ประโยชน์จากการฟื้นฟูกิจการ
1.ฐานะทางการเงินของลูกหนี้จะมีสภาพคล่องมากขึ้น
2.ลูกหนี้ได้รับประโยชน์จากการประนอมหนี้
3.กิจการของลูกหนี้สามารถดำเนินต่อไปได้
4.ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ให้เเก่เจ้าหนี้ตามเเผนฟื้นฟูกิจการ
5.ลูกหนี้ไม่อาจถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องบังคับคดีกับทรัพย์สินได้ในระหว่างฟื้นฟูกิจการ
6.ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้ตามเเผนทั้งปวง
7.เจ้าหนี้ตามเเผนฟื้นฟูกิจการจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
8.ปัญหาด้านเเรงงานจะน้อยกว่าการที่ลูกหนี้ล้มละลาย
SSI fc : ลดทุนลดจำนวนหุ้นเริ่ม 21/7/2560
หุ้นในพอร์ตเริ่ม 21/7/2560 จะมีการเปลี่ยนแปลง ขอยกตัวอย่างข้างล่าง
ก. ต้นทุนในพอร์ต เพิ่มขึ้นเป็น (คูณด้วย 28.9)
0.05 1.445
0.10 2.89
0.15 4.335
0.20 5.70
0.50 14.45
1.00 28.90
1.50 43.35
2.00 57.80
ข. จำนวนหุ้นในพอร์ต หาร 28.9 เหลือ
100,000 3,460
500,000 17,300
1,000,000 34,600
1,500,000 51,900
2,000,000 69,200
สรุปสถานะ ssi ถึงขณะนี้
สิ้นสุด 31/12/2559 "ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ -43,439.48 ล้านบาท" ต้องพยายามทำอย่างไรถึงให้เป็นบวก ขั้นตอนยังอีกยาวนานยุ่งยาก เช่น
(๑) ลดทุนจดทะเบียน : https://www.set.or.th/set/newsdetails.do?newsId=14893622259411&language=th&country=TH
จะมีผล 90 วันหลังศาลล้มละลายรับแผนฟื้นฟู
i. จำนวนหุ้นในพอร์ตจะลดลง 28.9 เท่า ส่วนต้นทุนจะเพิ่มขึ้น 28.9 เช่นกัน
เช่น มี 1,000,000 ssi @ 0.05 จะเหลือ 34,602 ssi @ 1.445 บาทต่อ 1 ssi
ii. ราคาปิด 0.05 ณ วันก่อน sp จะเปลี่ยนเป็น 1.45 บาท
iii. ณ 30/12/2559 ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 32,166,262,124 หุ้น พาร์ 1.00 จะเหลือ 1,113,019,451 หุ้น พาร์ 1.00
iv. จำนวนหุ้นที่ลด 31,053,242,673 หุ้นๆละ 1.00 = 31,053,242.67 บาท ล้าง
ก. ส่วนต่ำมูลค่าหุ้น -5,678.08 หมด
ข. ส่วนเหลือ 31,053.24 - 5,678.08 = 25,375.16 ล้านบาท ลด "ขาดทุนสะสม - 71,473.43 ล้านบาท"
v. ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ -43,439.48 ไม่เปลี่ยนแปลง (แก้ไขตามคำทักท้วง คคห 10)
น่าเป็นห่วงต้นทุนสูงๆโอกาสที่จะได้เงินคืนอย่างไรเมื่อ ssi กลับมาซื้อขาย ต้องเตรียมเงินเพิ่มทุนซึ่งขึ้นอยู่ราคาเท่าไร โอกาสที่จะได้คืนจากส่ว
ใช้สิทธิเพิ่มทุน + เล็กๆน้อยๆจากต้นทุนเดิม ลองคำนวนต้นทุนในพอร์ตแล้วจะรู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะตรงไหน ประเด็นอยู่จะกลับมาซื้อขายได้
เมื่อไร ที่จะเข้าหลักเกณฑ์กลับมาซื้อขายใหม่
(๒) ปรับโครงสร้างหนี้ : รอขบวนการปรับโครงสร้างหนี้
(๓) เพื่มทุน : มีแน่นนอนจะเป็นเท่าไร ลองจินตนาการเอง
(๔) ส่วนผู้ถือหุ้นบวก
(๕) ผลประกอบการมีกำไรอย่างเสถียรรูปธรรม ติดต่อกับ 4 ไตรมาสสุดท้าย; และ
(๖) สภาพคล่องกระแสการเงินตามหลักเกณฑ์ กลต/ตลท
บริษัทได้ประกาศจะมีการขายหุ้นใหม่เพิ่มทุน ครั้งที่ 1 ยังไม่ได้บอกรายละเอียด ไม่เท่านั้นต้องมามากอีกหลายๆครั้งจนกว่า "ส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวก"
ต้องตืดตามดูว่า จะได้ haircut และ แปลงหนี้เป็นทุนเพียงพอล้าง "ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ -43,439.48 ล้านบาท" หมดไม่เหลือสักบาทเดียว ก็จะลดภาระกดดันราคาหุ้นใหม่เพิ่มทุน
เพื่อในกรณีศีกษา ผมได้ทำตาราง 6 SCENARIO ดังนี้
ปัญหา ssi หนักหนาที่มีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ -43,439.48 ล้านบาท (ไม่รวมผลประกอบการตั้งแต่ 1/2560 เป็นต้นมา) หนทางแก้ไข ซึ่งได้เป็นเป็นรูปธรรม คือ "ลดทุนลดจำนวนหุ้น" กระทบผู้ถือหุ้นอย่างมากมาย อันดับต่อไป ปรับโครงสร้างหนี้ มี "hair-cut" และ "แปลงหนี้เป็นทุน 0.05" จะได้เงินเท่าไรมาลดหรือล้าง "ส่วนผู้ถือหุ้นตืดลบ" ถ้าสามารถล้างได้หมดก็จะไม่มีแรงกดดันราคาหุ้นใหม่ ผมไม่รู้ว่าจะเป็นราคาเท่าไร รวมถึงจะเพิ่มทุนกี่รอบ ผมจึงให้ตัวอย่าง 2 รอบ และ ราคาต่างๆ ในแต่ละ Scenario จักได้เห็นเม็ดเงินจะได้จากการเพิ่มทุนเพียงพอหรือไม่ ผมไม่รู้ไม่ฟ้นธงต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้
กรณีศึกษา มีต้นทุนที่ 0.60 บาท ได้เพิ่มขึ้น 17.34 บนสมมติฐานราคาหุ้นใหม่ เข่น รอบแรก 1 : 10
ราคาหุ้นใหม่ สิทธิ 1 : 10 รวมต้นทุน เฉลี่ย
คูณ 10 17.34 หาร 11
0.20 2.00 19.34 1.758
0.30 3.00 20.34 1.849 Scenario I
0.40 4.00 21.34 1.94 Scenario II
0.50 5.00 22.34 2.03 Scenario III
0.60 6.00 23.34 2.12 Scenario IV
0.70 7.00 24.34 2.21 Scenari V
0.80 8.00 25.34 2.30 Scenatio VI
ต้นทุนเฉลี่ยขึ้นอยู่ "อัตราส่วน" และ "ราคาหุ้นใหม่" แต่ละรอบ
เมื่อ ssi กลับมาซื้อขาย ราคาซื้อขายจะถูกแรงกดดันจาก "ต้นทุนเจ้าหนี้ที่ 0.05" ขายได้กำไรทุกราคา รวมถึงราคาหุ้นใหม่ถ้ายิ่งต่ำยิ่งดีจักได้เปิดมาได้เป็นเด้งๆของราคาหุ้นใหม่ ขอให้จินตนาการตามมุมมอง ความเป็นไปได้ จะเล่นที่ราคาเท่าไรถึงจะเหมาะสม
นำแนวทางไปต่อยอดตามความต้องการตัวเอง จักได้วางแผนเตรียมตัวเครียมตังค์ไว้แต่เนินๆ แล้ว ภาวนาให้กลับมาซื้อขายได้อีกครั้ง จะนานเท่าไรลองจินตนาการเองครับ
ด้วยความปรารถนาดี
ปล :
เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแล้วมีผลอย่างไร
เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแล้วมีผลดังนี้
1.ห้ามมิให้ฟ้องหรือร้องขอให้ศาลพิพากษาสั่งให้เลิกนิติบุคคลที่ป็นลูกหนั้
2.ห้ามนายทะเบียนมีคำสั่งให้เลิกหรือจดทะเบียนเลิกนิติบุคคลที่เป็นลูกหนี้
3.ห้ามธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรมการ ประกันภัย หรือหน่วยงานของรัฐ แล้วแต่กรณี สั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของลูกหนี้ หรือสั่งให้ลูกหนี้หยุดประกอบกิจการ
4.ห้ามฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ และห้ามฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลาย
5.ห้ามเสนอข้อพิพาทที่ลูกหนี้อาจต้องรับผิด หรือได้รับความเสียหายให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด ถ้ามูลหนี้นั้นเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน
6.ห้ามเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ ถ้ามูลหนี้ตามคำพิพากษานั้นเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน
7.ห้ามเจ้าหนี้มีประกันบังคับคดีเอากับทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน 8.ห้ามมิให้เจ้าหนี้ที่บังคับชำระหนี้ได้บังคับได้เองตามกฎหมายยึดทรัพย์สินหรือขายทรัพย์สินของลูกหนี้
ประโยชน์จากการฟื้นฟูกิจการ
1.ฐานะทางการเงินของลูกหนี้จะมีสภาพคล่องมากขึ้น
2.ลูกหนี้ได้รับประโยชน์จากการประนอมหนี้
3.กิจการของลูกหนี้สามารถดำเนินต่อไปได้
4.ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ให้เเก่เจ้าหนี้ตามเเผนฟื้นฟูกิจการ
5.ลูกหนี้ไม่อาจถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องบังคับคดีกับทรัพย์สินได้ในระหว่างฟื้นฟูกิจการ
6.ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้ตามเเผนทั้งปวง
7.เจ้าหนี้ตามเเผนฟื้นฟูกิจการจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
8.ปัญหาด้านเเรงงานจะน้อยกว่าการที่ลูกหนี้ล้มละลาย