ก่อนเข้าโรงไปด้วยความที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับหนัง ตัวอย่างหนังดูครั้งเดียวเพราะเป็นคนไม่ชอบดูตัวอย่างหนังอยู่แล้ว(กลัวโดนสปอยล์) เพราะฉะนั้น ผมมั่นใจว่าผมจะแสดงความเห็นออกมาได้อย่างเป็นกลางและตรงไปตรงมาอย่างที่สุด
.
พูดถึงภาพรวม Dunkirk เป็นหนังสงครามที่ไม่มีความเป็นสงครามเสียเท่าไหร่เพราะตัวหนังจะพูดถึงเฉพาะกลุ่มทหารอังกฤษที่ต้องการเอาชีวิตรอดจากดันเคิร์กมากกว่า เพราะฉะนั้นถ้าคุณหวังจะได้เห็นฉากต่อสู้ ดิบ เถื่อน ตูมตาม ก็เตรียมตัวผิดหวังกันได้เลย เพราะหนังจะพูดถึงภาพรวมของทหารที่พยายามกลับบ้านโดยส่งความรู้สึกผ่านตัวละครบางกลุ่มเท่านั้น ออกจะเป็นแนว Drama, History ซะมากกว่านะสำหรับผม
.
พูดถึงข้อเสีย
1.ที่เห็นได้ชัดเลยคือการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างทำออกมาได้ไม่ดี โดยโนแลนใช้การเล่าถึง 3 ช่วงเวลาและสถานที่ ก่อนที่จะมาบรรจบกันตอนกลางเรื่อง ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ คนที่ไม่ค่อยได้ดูหนังแนวนี้ หรือไม่คุ้นชินกับสไตล์หนังแบบนี้ จะงงมากๆ และไม่เข้าใจ
2.ตัวละครไม่มีความน่าจดจำ โดยหนังไม่ได้สื่อความรู้สึก ความสัมพันธ์ระหว่างคนดูกับตัวละคร หรือให้ความสำคัญกับตัวละตัวใดตัวหนึ่งเป็นหลัก แต่จะพูดถึงในภาพรวม ทั้ง 3 part ที่จะมาบรรจบกัน ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าเป็นข้อเสีย ทั้งๆที่มันอาจจะไม่ใช่ในอีกมุมหนึ่ง แต่เมื่อหนังไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับตัวละได้ ความทรงพลังของฉากบีบคั้นอารม หรือฉากที่จะต้องสูญเสียเลยทำออกมาได้ไม่ค่อย "ถึงของ" เท่าไหร่
3.ความง่อยของตัวละครบางตัว และการตัดสินใจแบบโง่ๆที่ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นข้อเสียน้อยนิดมาก แต่โดยรวมแล้วก็ยังคงเป็นข้อเสีย เพราะหาไม่เจอแล้ว
.
.
พูดถึงข้อดี
1.งานสร้างที่อลังแบบสุดๆ และฉากทิ้งบอมที่ทำออกมาได้แบบว่าโคตรสมจริง ทำให้เหมือนกับเราเข้าไปอยู่ตรงนั้นจริงๆได้เลย ลุ้นและกดดันไปกับตัวละครว่าจะโดนหรือไม่โดน แล้วยังฉากเรือจมที่ เอาเรือไปจมจริงๆรึปล่าว 555 (จริงๆแล้วจมเรือจริงๆรึปล่าว ผมไม่รู้ แต่สมจริงมาก)
2.ฉากลุ้นระทึก/กดดัน ที่ใช้แค่เสียงกับความสมจริง และการแสดงของตัวละครก็ทำให้คุณลุ้นระทึกไปกับหนังได้ตลอดทั้งเรื่อง โดยไม่ต้องมีฉากตูมตาม หรือกระหน่ำยิง ใดๆทั้งสิ้น
3.การโชว์เทพของโนแลนที่ทำให้คุณไม่ต้องแม้แต่จะให้ห็นหน้าค่าตาของข้าศึก แต่ทำให้คุณกลัวข้าศึกได้แบบขี้หดตดหาย
.
.
โดยรวมแล้ว ผมชอบในความดูเรียลของหนัง และเหมือนเป็นการเสนออีกด้านที่ผู้คนอาจไม่รู้ในเหตุการณ์ที่ดันเคิร์ก ดูๆแล้วเหมือนเป็นหนังสดุดีมากกว่า แต่เรื่องนี้ทำได้ไม่ถึงมาตรฐานของ โนแลน ที่ผมคิดเอาไว้ ไม่น่าจดจำเหมือนหนังเรื่องอื่นของโนแลนที่ใช้ตัวละครเป็นตัวสื่อเรื่องราวออกมา ซึ่งกับเรื่องนี้เขาเลือกที่จะใช้ภาพโดยรวม ซึ่งผลมันออกมาไม่ดีกว่าของเดิม 7.5/10
Dunkirk 2017 งานสร้างดี สมจริง แต่ไม่น่าจดจำ
.
พูดถึงภาพรวม Dunkirk เป็นหนังสงครามที่ไม่มีความเป็นสงครามเสียเท่าไหร่เพราะตัวหนังจะพูดถึงเฉพาะกลุ่มทหารอังกฤษที่ต้องการเอาชีวิตรอดจากดันเคิร์กมากกว่า เพราะฉะนั้นถ้าคุณหวังจะได้เห็นฉากต่อสู้ ดิบ เถื่อน ตูมตาม ก็เตรียมตัวผิดหวังกันได้เลย เพราะหนังจะพูดถึงภาพรวมของทหารที่พยายามกลับบ้านโดยส่งความรู้สึกผ่านตัวละครบางกลุ่มเท่านั้น ออกจะเป็นแนว Drama, History ซะมากกว่านะสำหรับผม
.
พูดถึงข้อเสีย
1.ที่เห็นได้ชัดเลยคือการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างทำออกมาได้ไม่ดี โดยโนแลนใช้การเล่าถึง 3 ช่วงเวลาและสถานที่ ก่อนที่จะมาบรรจบกันตอนกลางเรื่อง ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ คนที่ไม่ค่อยได้ดูหนังแนวนี้ หรือไม่คุ้นชินกับสไตล์หนังแบบนี้ จะงงมากๆ และไม่เข้าใจ
2.ตัวละครไม่มีความน่าจดจำ โดยหนังไม่ได้สื่อความรู้สึก ความสัมพันธ์ระหว่างคนดูกับตัวละคร หรือให้ความสำคัญกับตัวละตัวใดตัวหนึ่งเป็นหลัก แต่จะพูดถึงในภาพรวม ทั้ง 3 part ที่จะมาบรรจบกัน ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าเป็นข้อเสีย ทั้งๆที่มันอาจจะไม่ใช่ในอีกมุมหนึ่ง แต่เมื่อหนังไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับตัวละได้ ความทรงพลังของฉากบีบคั้นอารม หรือฉากที่จะต้องสูญเสียเลยทำออกมาได้ไม่ค่อย "ถึงของ" เท่าไหร่
3.ความง่อยของตัวละครบางตัว และการตัดสินใจแบบโง่ๆที่ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นข้อเสียน้อยนิดมาก แต่โดยรวมแล้วก็ยังคงเป็นข้อเสีย เพราะหาไม่เจอแล้ว
.
.
พูดถึงข้อดี
1.งานสร้างที่อลังแบบสุดๆ และฉากทิ้งบอมที่ทำออกมาได้แบบว่าโคตรสมจริง ทำให้เหมือนกับเราเข้าไปอยู่ตรงนั้นจริงๆได้เลย ลุ้นและกดดันไปกับตัวละครว่าจะโดนหรือไม่โดน แล้วยังฉากเรือจมที่ เอาเรือไปจมจริงๆรึปล่าว 555 (จริงๆแล้วจมเรือจริงๆรึปล่าว ผมไม่รู้ แต่สมจริงมาก)
2.ฉากลุ้นระทึก/กดดัน ที่ใช้แค่เสียงกับความสมจริง และการแสดงของตัวละครก็ทำให้คุณลุ้นระทึกไปกับหนังได้ตลอดทั้งเรื่อง โดยไม่ต้องมีฉากตูมตาม หรือกระหน่ำยิง ใดๆทั้งสิ้น
3.การโชว์เทพของโนแลนที่ทำให้คุณไม่ต้องแม้แต่จะให้ห็นหน้าค่าตาของข้าศึก แต่ทำให้คุณกลัวข้าศึกได้แบบขี้หดตดหาย
.
.
โดยรวมแล้ว ผมชอบในความดูเรียลของหนัง และเหมือนเป็นการเสนออีกด้านที่ผู้คนอาจไม่รู้ในเหตุการณ์ที่ดันเคิร์ก ดูๆแล้วเหมือนเป็นหนังสดุดีมากกว่า แต่เรื่องนี้ทำได้ไม่ถึงมาตรฐานของ โนแลน ที่ผมคิดเอาไว้ ไม่น่าจดจำเหมือนหนังเรื่องอื่นของโนแลนที่ใช้ตัวละครเป็นตัวสื่อเรื่องราวออกมา ซึ่งกับเรื่องนี้เขาเลือกที่จะใช้ภาพโดยรวม ซึ่งผลมันออกมาไม่ดีกว่าของเดิม 7.5/10