ดูเหมือนหลังจากที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีแอคชั่นอะไรเยอะแยะมากนัก กับเรื่องของการปลดบอร์ด ทอท. และสัญญาสัมปทานคิงเพาเวอร์ ก็เป็นแรงผลักดันให้นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้ที่มีตำแหน่งใน สปท. หัวเรือใหญ่แห่งกระบวนการฉีกสัญญาสัมปทานคิงเพาเวอร์ ได้ยื่นฟ้อง เจ้าหน้าที่ทอท. รวมกับพวก 18 คน ข้อหาร่วมกันกระทำผิดกฎหมายและข้อสัญญาที่ก่อหรือเอื้อประโยชน์ให้เอกชนได้รับผลประโยชน์เกิดกว่าที่สัญญาระบุไว้ฯ เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหายฯ ซึ่งตรงนี้ทำให้รัฐเสียหายมูลค่ากว่า 1.4 ล้านบาท เนื่องจากตามสัญญาเขียนให้ ทอท.กับคิงเพาเวอร์ เก็บรายได้เข้ารัฐ 15% จากยอดขายสินค้าหรือบริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่คณะกรรมการอนุมัติให้เก็บเพียง 3% ซึ่งไม่มีอำนาจทำและก่อให้เกิดความเสียหาย จึงขอให้ศาลได้ลงโทษผู้กระทำผิด และสั่งริบจำนวนเงินดังกล่าว
แต่ก่อนที่นายชาญชัยจะมีการฟ้องร้อง ทาง ทอท.ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่า กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้โดยเฉพาะการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ ซึ่งบางปีจ่ายเกิน 15% ด้วยซ้ำ ซึ่งถ้ามีการจ่ายตามสัญญาหรือจ่ายเกินก็เท่ากับว่าตัวเลขที่นายชาญชัยออกมาบอกว่ารัฐเสียผลประโยชน์จากสัญญาคิงเพาเวอร์ก็ไม่เป็นความจริงก็ได้ อันนี้ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าศาลจะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่เท่าที่อ่านข่าวก็ยังไม่เห็นว่าศาลประทับรับฟ้องหรือไม่??
บอกตามตรงนะครับ ผมนี่หวั่นใจกับกลุ่มคนลักษณะนี้ยังไงก็ไม่รู้ มันจะมีกลุ่มคนที่ชอบรวบรวมหลักฐานและเอาไปฟ้องศาล ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งแบบนี้ มันไม่ได้มีแค่การทำแบบนี้กับทอท. หรือ คิงเพาเวอร์ เพียงอย่างเดียว แสดงออกมาเหมือนจะรักษาผลประโยชน์ของชาติ แต่เบื้องลึกแล้วเราก็ไม่รู้ว่าตัวคนที่เคลื่อนไหวจะได้ประโยชน์จากการฉีกสัญญาสัมปทานคิงเพาเวอร์มากน้อยแค่ไหน?? คนแกล้งดีในประเทศนี้มันเยอะ ต้องมองกันให้ลึก มองกันให้ออก ว่าพวกเขาต้องการอะไร รักชาติ ทำตามหน้าที่หรือมีอย่างอื่นแอบแฝง
ในส่วนของสื่อนั้นผมก็เห็นมีแต่เล่นประเด็นสัมปทานคิงเพาเวอร์กันอยู่ตลอดเวลา แต่เนื้อหาก็เดิมๆ ไม่ว่าจะทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อมูลสัมปทานคิงเพาเวอร์ที่สื่อนอกเอาไปเล่นนี้ได้มาจากไหน?? ผ่านการตรวจสอบจากใครรึป่าว??
ส่วนการดำเนินการเรื่องการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 60 นี้ ทาง ทอท.ก็ได้มีแนวทางการเปิดประมูลแบ่งออกเป็น 3 สัมปทานคือ ร้านค้าดิวตี้ฟรี, พื้นที่เชิงพาณิชย์, และ พื้นที่ใช้สอยร่วมกันเพื่อประโยชน์สาธารณะ การประมูลก็ใกล้เข้ามาเต็มที่ เจ้าเก่าอย่างคิงเพาเวอร์ก็บอกว่าเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพื่อเข้าร่วมประมูลกับอีกหลายเจ้า ซึ่งแน่นอนถ้ามีการประมูลหลายเจ้าแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ตรงนี้มิได้มีการผูกขาดแต่อย่างใด
เรื่องการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการที่มันควรจะเป็น แต่สิ่งที่ผมสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือการรีโนเวทร้านดิวตี้ฟรีดาวทาวน์ ที่อยู่ในซอยรางน้ำ ที่จะมีใช้งบ ลงทุนไปราว 2.5 พันล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และจะมุ่งสู่ภาพลักษณ์การเป็นแหล่งช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร นับเป็นสาขาดาวน์ทาวน์แห่งแรกในไทยที่มีร้านค้าระดับลักเซอรี่มาเปิด ซึ่งมันไม่ง่ายนะครับที่จะนำร้านระดับนี้มาเปิดได้ ถ้าแบรนด์ไม่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่ง สามารถเอามาตีตลาดที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนและชาวยุโรปได้ ซึ่งการพัฒนาตรงนี้ในมุมมองของคนไทยผมมองว่ามันเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับประเทศเราอีกทางหนึ่ง เป็นอีกช่องทางที่ทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเป็นแบรนด์ติดตลาดที่มีความแข็งแกร่ง เป็นบริษัทของคนไทยที่แข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติด้วย มันก็น่ายินดีนะครับ
อดคิดไม่ได้ว่าการฟ้องร้องสัมปทานคิงเพาเวอร์ จะไม่ใช่การปูทางเพื่อผลประโยชน์ของคนแกล้งดี
แต่ก่อนที่นายชาญชัยจะมีการฟ้องร้อง ทาง ทอท.ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่า กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้โดยเฉพาะการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ ซึ่งบางปีจ่ายเกิน 15% ด้วยซ้ำ ซึ่งถ้ามีการจ่ายตามสัญญาหรือจ่ายเกินก็เท่ากับว่าตัวเลขที่นายชาญชัยออกมาบอกว่ารัฐเสียผลประโยชน์จากสัญญาคิงเพาเวอร์ก็ไม่เป็นความจริงก็ได้ อันนี้ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าศาลจะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่เท่าที่อ่านข่าวก็ยังไม่เห็นว่าศาลประทับรับฟ้องหรือไม่??
บอกตามตรงนะครับ ผมนี่หวั่นใจกับกลุ่มคนลักษณะนี้ยังไงก็ไม่รู้ มันจะมีกลุ่มคนที่ชอบรวบรวมหลักฐานและเอาไปฟ้องศาล ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งแบบนี้ มันไม่ได้มีแค่การทำแบบนี้กับทอท. หรือ คิงเพาเวอร์ เพียงอย่างเดียว แสดงออกมาเหมือนจะรักษาผลประโยชน์ของชาติ แต่เบื้องลึกแล้วเราก็ไม่รู้ว่าตัวคนที่เคลื่อนไหวจะได้ประโยชน์จากการฉีกสัญญาสัมปทานคิงเพาเวอร์มากน้อยแค่ไหน?? คนแกล้งดีในประเทศนี้มันเยอะ ต้องมองกันให้ลึก มองกันให้ออก ว่าพวกเขาต้องการอะไร รักชาติ ทำตามหน้าที่หรือมีอย่างอื่นแอบแฝง
ในส่วนของสื่อนั้นผมก็เห็นมีแต่เล่นประเด็นสัมปทานคิงเพาเวอร์กันอยู่ตลอดเวลา แต่เนื้อหาก็เดิมๆ ไม่ว่าจะทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อมูลสัมปทานคิงเพาเวอร์ที่สื่อนอกเอาไปเล่นนี้ได้มาจากไหน?? ผ่านการตรวจสอบจากใครรึป่าว??
ส่วนการดำเนินการเรื่องการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 60 นี้ ทาง ทอท.ก็ได้มีแนวทางการเปิดประมูลแบ่งออกเป็น 3 สัมปทานคือ ร้านค้าดิวตี้ฟรี, พื้นที่เชิงพาณิชย์, และ พื้นที่ใช้สอยร่วมกันเพื่อประโยชน์สาธารณะ การประมูลก็ใกล้เข้ามาเต็มที่ เจ้าเก่าอย่างคิงเพาเวอร์ก็บอกว่าเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพื่อเข้าร่วมประมูลกับอีกหลายเจ้า ซึ่งแน่นอนถ้ามีการประมูลหลายเจ้าแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ตรงนี้มิได้มีการผูกขาดแต่อย่างใด
เรื่องการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการที่มันควรจะเป็น แต่สิ่งที่ผมสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือการรีโนเวทร้านดิวตี้ฟรีดาวทาวน์ ที่อยู่ในซอยรางน้ำ ที่จะมีใช้งบ ลงทุนไปราว 2.5 พันล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และจะมุ่งสู่ภาพลักษณ์การเป็นแหล่งช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร นับเป็นสาขาดาวน์ทาวน์แห่งแรกในไทยที่มีร้านค้าระดับลักเซอรี่มาเปิด ซึ่งมันไม่ง่ายนะครับที่จะนำร้านระดับนี้มาเปิดได้ ถ้าแบรนด์ไม่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่ง สามารถเอามาตีตลาดที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนและชาวยุโรปได้ ซึ่งการพัฒนาตรงนี้ในมุมมองของคนไทยผมมองว่ามันเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับประเทศเราอีกทางหนึ่ง เป็นอีกช่องทางที่ทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเป็นแบรนด์ติดตลาดที่มีความแข็งแกร่ง เป็นบริษัทของคนไทยที่แข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติด้วย มันก็น่ายินดีนะครับ