คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ชอบกลุ่มที่2 หัวหน้าไม่เหนื่อยไม่ต้องดูแลมาก
ส่วนกลุ่มที่ 1 ถ้าเค้ามีความตั้งใจทุ่มเทมาก เราก็ต้องให้โอกาส เข้าไปดูแลใกล้ชิดหน่อย อาจให้คำแนะนำ หรืออาจให้ไปฝึกอบรมเพิ่มเพื่อพัฒนาศักยภาพ คนเราต้นทุนมาไม่เท่ากัน บางคนก็ต้องการโอกาส+คำแนะนำดีๆ ในเมื่อเค้ามีความตั้งใจแล้ว น่าจะพัฒนากันได้
ส่วนกลุ่มที่ 1 ถ้าเค้ามีความตั้งใจทุ่มเทมาก เราก็ต้องให้โอกาส เข้าไปดูแลใกล้ชิดหน่อย อาจให้คำแนะนำ หรืออาจให้ไปฝึกอบรมเพิ่มเพื่อพัฒนาศักยภาพ คนเราต้นทุนมาไม่เท่ากัน บางคนก็ต้องการโอกาส+คำแนะนำดีๆ ในเมื่อเค้ามีความตั้งใจแล้ว น่าจะพัฒนากันได้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ที่ทำงาน
กลุ่ม 1 ขยันมาก มาทำงานตี 5 (ช่วยเจ้านายเลี้ยงหมา ทำกับข้าวให้เจ้านาย ทำความสะอาดบ้านให้เจ้านาย นั่งเม้ากับเจ้านาย กลับ ตี 1-2 งานหลวงไม่เดิน งานเสร็จช้ามาก ช้าแบบเป็นชาติ ๆ
กลุ่ม 2 มาทำงานก่อน 8:30 กลับ 16:30-17:00 งานเคลียร์เสร็จวันต่อวัน ทำงานได้ตามเป้าหมาย
***แต่เชื่อไหมว่าเจ้านายเกลียด กลุ่ม 2 มาก ประมาณว่าทำไรผิดปุ๊ปโดนด่าเละทีเดียว แถมคัดงานกลุ่ม 1 โยนมาอีก
อย่าไปคาดหวังอะไรกับสายตาของเจ้านายเลย เจ้านายบางคนไม่มีทั้งสายตาและสมอง
กลุ่ม 1 ขยันมาก มาทำงานตี 5 (ช่วยเจ้านายเลี้ยงหมา ทำกับข้าวให้เจ้านาย ทำความสะอาดบ้านให้เจ้านาย นั่งเม้ากับเจ้านาย กลับ ตี 1-2 งานหลวงไม่เดิน งานเสร็จช้ามาก ช้าแบบเป็นชาติ ๆ
กลุ่ม 2 มาทำงานก่อน 8:30 กลับ 16:30-17:00 งานเคลียร์เสร็จวันต่อวัน ทำงานได้ตามเป้าหมาย
***แต่เชื่อไหมว่าเจ้านายเกลียด กลุ่ม 2 มาก ประมาณว่าทำไรผิดปุ๊ปโดนด่าเละทีเดียว แถมคัดงานกลุ่ม 1 โยนมาอีก
อย่าไปคาดหวังอะไรกับสายตาของเจ้านายเลย เจ้านายบางคนไม่มีทั้งสายตาและสมอง
ความคิดเห็นที่ 47
...เรื่องแบบนี้อยู่ที่นิสัย + วิสัยทัศน์ ของตัวหัวหน้าด้วยค่ะ
จากที่ได้สัมผัสกับผู้บริหารระดับกลางไปจนผู้บริหารระดับสูงหลายคน
...หัวหน้า(ผู้บริหารในที่นี้) บางคนไม่ชอบคนที่ดูฉลาดเกินไปแต่ต้องการมดงานที่สามารถสั่งหันซ้ายหันขวาได้ตามใจ
...หัวหน้าบางคน ชอบคนที่สามารถพรีเซ้นงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี (แม้ว่าเค้าจะไม่ได้ทำเอง)
...หัวหน้าระดับกลางหลายคน เกลียดนักพวกลูกน้องที่ฉลาดเกินตัวเค้า..แล้วชอบทำหน้าเหนื่อยหน่ายเวลาที่พูดอะไรไปแล้วตัวหัวหน้าไม่เข้าใจ แต่กลับไปเข้าตาหัวหน้าระดับสูง ลูกน้องพวกนี้มักจะโดนหัวหน้าด่าประจำว่าไม่มีสัมมาคารวะ ข้ามหน้าข้ามตา ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ฯลฯ
...และอื่นๆอีกมากมาย
คนเป็นหัวหน้า ควรจะต้องรู้จักลูกน้องตัวเองว่ามีนิสัย ความสามารถ มีจุดแข็ง จุดอ่อน หรือแม้แต่ข้อเสียอะไร...เมื่อรู้จักก็จะได้รู้ว่าจะมอบหมายงานแบบไหน ให้ใคร หรือจะต้องสั่งงานอย่างไรเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่พอใจ เช่น การสั่งงานพวกเด็กเจนY ควรกำหนดกรอบเวลาในการทำงานให้ชัดเจน ว่ามีเวลาให้ทำเท่าไหร่ ต้องการงานแบบไหน(บอกไปให้ครบ) อย่าไปจู้จี้จุกจิก จิกงานเช้า จิกงานเย็น ทั้งที่ยังไม่ครบระยะเวลาที่กำหนด (พวกนี้สามารถทิ้งงานหรือเผางานส่งๆให้ได้ทันที) ส่วนการสั่งงานพวกเด็กเจน Z ต้องสั่งงานเป็นขั้นตอน สั่ง 1 ก็ทำ 1 (ทั้งที่ตัวหน้าหน้าต้องการที่ 10 ) สั่ง 5 ข้าม 1 ไป ก็ทำแค่ 5 แต่ไอ้ 1 2 3 4 ไม่ทำนะคะ ..เด็กพวกนี้กลัวการปฏิสัมพันธ์กับคน ไม่กล้าตัดสินใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความสามารถ เก่งพวกเทคโนโลยี (หากรู้จักสอนงานให้เป็น เค้าก็จะสามารถทำงานได้ดี)
...แต่ในความเป็นจริง เมื่อขึ้นไปเป็นหัวหน้าระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆก็จะยิ่งโดดเดี่ยว ยากที่จะรู้จักว่าลูกน้องคนไหนนิสัยเป็นยังไง ทำงานดีหรือไม่ ..ลูกน้องไม่กล้าแสดงตัวตน ไม่กล้าพูดแสดงความเห็น แล้วปัญหาจะหนักมากขึ้นหากเลือกคนใกล้ชิด "ผิด" ..คนที่หวังได้หน้าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว พาล่มทั้งองค์กรก็มีให้เห็นมาเยอะ หัวหน้าไม่ได้รู้เรื่องอะไร คนสนิทรายงานอะไรก็เชื่อ จากผิดเป็นถูก...ทำเอาคนตั้งใจทุ่มเททำงานหมดไฟ ไปก็เยอะแยะ เป็นที่มาของคำว่า "ทำดีได้ดีมีที่ไหน คนชั่วได้ดีมีถมไป"
ในสายตาของหัวหน้าหลายคนมักจะเป็นแบบนี้
- คนที่ขยันพูด ขยันรายงานความคืบหน้า = ขยัน ใส่ใจ ...แม้ในความเป็นจริงคนนี้จะทำงานไม่เป็น ทำคนอื่นวุ่นวายไปทั้งองค์กร เค้าก็ยังจะดูดีเสมอ
- คนที่รู้ดี ถามอะไรตอบได้ยักกะอับดุล = เป็นคนเก่ง น่าเชื่อถือ มักจะโดนเรียกใช้งานได้หน้าเสมอ ...แม้เค้าจะเป็นคนที่ขยันสร้าง แต่ไม่ดูแล ทำคนเดียว เก็บคนเดียว รู้อยู่คนเดียว ไม่สอนงานใคร (เมื่อคนนี้ไม่อยู่ หากโดนถามเรื่องงานที่เค้าทำอยู่ มักโดนด่ายกทีมว่าไม่รู้อะไรเลย เค้าเด่นแต่ภาพลักษณ์ของลูกทีมคนอื่นจะแย่มาก)
- คนที่มีความสามารถในการทำงานรูทีน ทำให้งานทุกอย่างราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดีเสมอ ช่วยแก้ไขความผิดพลาดจากงานคนอื่น ทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสมอตัว = ไม่มีความกระตือรือร้น ไร้ค่า ไร้ตัวตน มักโดนต่อว่าเสมอทั้งที่ไม่ใช่ความผิดตัวเอง ...หลายคนหมดไฟในการทำงาน สักแต่ทำให้ผ่านไปวันๆ และถ้ามีตัวเลือกที่ดีกว่า เค้าจะไปแบบไม่เหลียวหลัง
จากที่ได้สัมผัสกับผู้บริหารระดับกลางไปจนผู้บริหารระดับสูงหลายคน
...หัวหน้า(ผู้บริหารในที่นี้) บางคนไม่ชอบคนที่ดูฉลาดเกินไปแต่ต้องการมดงานที่สามารถสั่งหันซ้ายหันขวาได้ตามใจ
...หัวหน้าบางคน ชอบคนที่สามารถพรีเซ้นงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี (แม้ว่าเค้าจะไม่ได้ทำเอง)
...หัวหน้าระดับกลางหลายคน เกลียดนักพวกลูกน้องที่ฉลาดเกินตัวเค้า..แล้วชอบทำหน้าเหนื่อยหน่ายเวลาที่พูดอะไรไปแล้วตัวหัวหน้าไม่เข้าใจ แต่กลับไปเข้าตาหัวหน้าระดับสูง ลูกน้องพวกนี้มักจะโดนหัวหน้าด่าประจำว่าไม่มีสัมมาคารวะ ข้ามหน้าข้ามตา ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ฯลฯ
...และอื่นๆอีกมากมาย
คนเป็นหัวหน้า ควรจะต้องรู้จักลูกน้องตัวเองว่ามีนิสัย ความสามารถ มีจุดแข็ง จุดอ่อน หรือแม้แต่ข้อเสียอะไร...เมื่อรู้จักก็จะได้รู้ว่าจะมอบหมายงานแบบไหน ให้ใคร หรือจะต้องสั่งงานอย่างไรเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่พอใจ เช่น การสั่งงานพวกเด็กเจนY ควรกำหนดกรอบเวลาในการทำงานให้ชัดเจน ว่ามีเวลาให้ทำเท่าไหร่ ต้องการงานแบบไหน(บอกไปให้ครบ) อย่าไปจู้จี้จุกจิก จิกงานเช้า จิกงานเย็น ทั้งที่ยังไม่ครบระยะเวลาที่กำหนด (พวกนี้สามารถทิ้งงานหรือเผางานส่งๆให้ได้ทันที) ส่วนการสั่งงานพวกเด็กเจน Z ต้องสั่งงานเป็นขั้นตอน สั่ง 1 ก็ทำ 1 (ทั้งที่ตัวหน้าหน้าต้องการที่ 10 ) สั่ง 5 ข้าม 1 ไป ก็ทำแค่ 5 แต่ไอ้ 1 2 3 4 ไม่ทำนะคะ ..เด็กพวกนี้กลัวการปฏิสัมพันธ์กับคน ไม่กล้าตัดสินใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความสามารถ เก่งพวกเทคโนโลยี (หากรู้จักสอนงานให้เป็น เค้าก็จะสามารถทำงานได้ดี)
...แต่ในความเป็นจริง เมื่อขึ้นไปเป็นหัวหน้าระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆก็จะยิ่งโดดเดี่ยว ยากที่จะรู้จักว่าลูกน้องคนไหนนิสัยเป็นยังไง ทำงานดีหรือไม่ ..ลูกน้องไม่กล้าแสดงตัวตน ไม่กล้าพูดแสดงความเห็น แล้วปัญหาจะหนักมากขึ้นหากเลือกคนใกล้ชิด "ผิด" ..คนที่หวังได้หน้าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว พาล่มทั้งองค์กรก็มีให้เห็นมาเยอะ หัวหน้าไม่ได้รู้เรื่องอะไร คนสนิทรายงานอะไรก็เชื่อ จากผิดเป็นถูก...ทำเอาคนตั้งใจทุ่มเททำงานหมดไฟ ไปก็เยอะแยะ เป็นที่มาของคำว่า "ทำดีได้ดีมีที่ไหน คนชั่วได้ดีมีถมไป"
ในสายตาของหัวหน้าหลายคนมักจะเป็นแบบนี้
- คนที่ขยันพูด ขยันรายงานความคืบหน้า = ขยัน ใส่ใจ ...แม้ในความเป็นจริงคนนี้จะทำงานไม่เป็น ทำคนอื่นวุ่นวายไปทั้งองค์กร เค้าก็ยังจะดูดีเสมอ
- คนที่รู้ดี ถามอะไรตอบได้ยักกะอับดุล = เป็นคนเก่ง น่าเชื่อถือ มักจะโดนเรียกใช้งานได้หน้าเสมอ ...แม้เค้าจะเป็นคนที่ขยันสร้าง แต่ไม่ดูแล ทำคนเดียว เก็บคนเดียว รู้อยู่คนเดียว ไม่สอนงานใคร (เมื่อคนนี้ไม่อยู่ หากโดนถามเรื่องงานที่เค้าทำอยู่ มักโดนด่ายกทีมว่าไม่รู้อะไรเลย เค้าเด่นแต่ภาพลักษณ์ของลูกทีมคนอื่นจะแย่มาก)
- คนที่มีความสามารถในการทำงานรูทีน ทำให้งานทุกอย่างราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดีเสมอ ช่วยแก้ไขความผิดพลาดจากงานคนอื่น ทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสมอตัว = ไม่มีความกระตือรือร้น ไร้ค่า ไร้ตัวตน มักโดนต่อว่าเสมอทั้งที่ไม่ใช่ความผิดตัวเอง ...หลายคนหมดไฟในการทำงาน สักแต่ทำให้ผ่านไปวันๆ และถ้ามีตัวเลือกที่ดีกว่า เค้าจะไปแบบไม่เหลียวหลัง
แสดงความคิดเห็น
ลูกน้องที่ตั้งใจทำงานแต่ผลงานพอใช้ กับลูกน้องทำตัวสบาย ๆ แต่ผลงานดี ในสายตาเจ้านายมองคนสองกลุ่มนี้อย่างไรบ้างครับ
- ผลงานดีบ้าง แย่บ้าง ตามความสามารถของเจ้าตัว
2.กลุ่มคนทำตัวสบาย ๆ (ไม่ใช่แย่ แค่ relax)
- ผลงานสม่ำเสมอ มีมาตรฐาน
ในสายตาของผู้คนระดับบอสแล้ว มอง 2 กลุ่มนี้ยังไงบ้างครับ
และคิดว่ากลุ่มไหนที่ท่านชื่นชอบ และต้องการให้มาเป็นลูกน้องมากกว่ากัน