สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ญี่ปุ่นมาแบบ ข่มขู่แล้วอาศัยการต่อรองจนได้ทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรกัน
(เนื้อแท้ความจริงคือไทยเป็นลูกไล่ญี่ปุ่น)
เมื่อสถานะเป็นเช่นนั้น
1 การจะเข้ามาควบคุมเมืองไทยด้วยกำลังเต็มๆเหมือนรบชิงพื้นที่ก็ไม่จำเป็น ญี่ปุนก็ประหยัดทรัพยากร ประหยัดคนได้มาก
2 เป็นพันธมิตรกันแล้วคนญี่ปุ่นจะปฏิบัติต่อไทยอย่างเชลยสงครามชาติอื่นๆก็ทำไม่ได้ แม้จะอยากทำก็เหอะ
(คือหน้าฉาก รูปแบบก็เรื่องหนึ่ง แต่พอปฏิบัติก็อีกแบบหนึ่ง)
2 และกองกำลังญี่ปุ่นต้องซื้อหาเครื่องอุปโภคบริโภคจากคนไทยท้องถิ่น จะยึดฉวยเอาเฉยๆก็ไม่ได้
4 ระดับผู้นำรัฐบาลของไทยมีความเป็นมิตรกับญี่ปุ่นมาก่อน ก็มีส่วนดีในการต่อรอง
5 ข้อนี้สำคัญมากๆ
คือนิสัยคนไทยยุคก่อนๆ ส่วนใหญ่เปิดเผยใจดี ใครหิวข้าวหิวน้ำไม่ต้องออกปากหรอก
แม้ไม่รู้จักมาก่อน หากเห็นเป็นคนรอนแรมเดินทางไกล
ก็เรียกมากินข้าวน้ำเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปในทุกหมู่บ้านทุกเมืองเลยนะครับ
จะเป็นพระเป็นตำรวจเป็นพ่อค้าเป็นโจร เห็นเดินผ่านบ้านก็เรียกมาถามหมดหละ
ถ้ามีขบวนคนมาสักร้อยคนทำไง ก็ไปบอกคนใหญ่คนโต
บอกเพื่อนบ้านเอามาครัวละ หนึ่งแกง สิบครัวเรือนได้ แกงสิบหม้อ ก็พอกินสบายๆแล้วครับ
ถ้าสงสัยว่าทำไมเขาทำกันได้ ก็เพราะคนส่วนใหญ่เขาทำนาทำสวน พออยู่พอกินเรื่องอดอาหารนั้นแทบไม่มีหรอก
ลงสวนลงนาช้าสักครึ่งวันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย เป็นอยู่ปกติแบบนั้นอยู่แล้ว
ที่เขาห่วงกันคือ เรื่องโรคภัยไข้เจ็บและโจรผู้ร้าย คือเรื่องและความปลอดภัยในชีวิต
(จึงมีธรรมเนียมสังกัดเจ้านาย มีญาติมีกลุ่มพรรคพวกคนใหญ่คนโตใว้คุ้มหัว)
ดังนั้น ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ
เรียกคนเดินทางมาถามมาเลี้ยงข้าวกันทำไมหละ ก็ถามธุระปะปัง มาจากไหนจะไปไหน
ทางหนึ่งผูกมิตร อีกทางคือป้องกันตัว คือชิงเข้าหาก่อนเลยนิสัยคนรุ่นก่อนๆเป็นแบบนี้จริงๆนะ
ไม่ว่าฝ่ายไหนเข้ามาคนไทยช่วยหมดหละ ทหารญี่ปุ่นหิวมาคนไทยก็ให้ได้กิน
(เชลยของญี่ปุ่นหิวโหยคนไทยก็แอบช่วยอีก) ช่วยไปเสียทุกฝ่าย
คนรุ่นตารุ่นทวดแถวบ้านผมมีเรื่องเล่าช่วงสงครามมากมาย ยังมีดาบญี่ปุ่นทิ้งใว้ให้ดูเล่มหนึ่ง
ด้วยพื้นฐานนิสัยคนไทยเป็นแบบนี้
(ดูเหมือนอ่อนแอ ดูเหมือนแข่งขันกับใครไม่ค่อยได้ในยามต้องการความรุ่งเรื่องทางโลก
แต่ในยามสงครามมีเหตุฉุกเฉินต่างๆกลับพาตัวรอดได้อย่างน่าทึ่ง)
ตอนที่ทหารญี่ป่นเพิ่งเข้ามาไทยอาจจะรุนแรงเด็ดขาด
ถ้ารบกันจริงคนไทยบางส่วนก็สู้ตาย แต่เมื่ออยู่นานๆเป็นพันธมิตรกันแล้วจะมารบคนไทยก็ไม่รบด้วย
จะข่มเหงเอาคนไทยก็ต่อรองไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างเฉยๆ
จะปราบก็ปราบยาก เพราะกระจายตัวมากพื้นที่ป่าเขากว้างเกิน แถมคุ้นเคยจนเริ่มดีต่อกันเสียแล้ว
เมื่อรู้ทางกันก็เกิดความเคารพนับถือกันมากขึ้น เป็นเหมือนถูกค่านิยมวิถีสังคมแบบคนไทยผสานไปส่วนหนึ่ง
ทำให้การปฏิบัติตัวของทหารญี่ปุ่นต่อประเทศไทยมีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆอยู่พอสมควร
คือไม่อาจข่มเหง หรือบังคับข่มขืนเอาได้ง่ายๆ ถ้าจะมีเซ็กส์ก็ต้องซื้อเอา คนไทยก็ดันมีให้บริการอีก
ทั้งจะแต่งงานจริงจังทั้งญี่ปุ่นและคนไทยก็ถือตัวมาก ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นช่วงสงครามก็เลยมีน้อย
(เนื้อแท้ความจริงคือไทยเป็นลูกไล่ญี่ปุ่น)
เมื่อสถานะเป็นเช่นนั้น
1 การจะเข้ามาควบคุมเมืองไทยด้วยกำลังเต็มๆเหมือนรบชิงพื้นที่ก็ไม่จำเป็น ญี่ปุนก็ประหยัดทรัพยากร ประหยัดคนได้มาก
2 เป็นพันธมิตรกันแล้วคนญี่ปุ่นจะปฏิบัติต่อไทยอย่างเชลยสงครามชาติอื่นๆก็ทำไม่ได้ แม้จะอยากทำก็เหอะ
(คือหน้าฉาก รูปแบบก็เรื่องหนึ่ง แต่พอปฏิบัติก็อีกแบบหนึ่ง)
2 และกองกำลังญี่ปุ่นต้องซื้อหาเครื่องอุปโภคบริโภคจากคนไทยท้องถิ่น จะยึดฉวยเอาเฉยๆก็ไม่ได้
4 ระดับผู้นำรัฐบาลของไทยมีความเป็นมิตรกับญี่ปุ่นมาก่อน ก็มีส่วนดีในการต่อรอง
5 ข้อนี้สำคัญมากๆ
คือนิสัยคนไทยยุคก่อนๆ ส่วนใหญ่เปิดเผยใจดี ใครหิวข้าวหิวน้ำไม่ต้องออกปากหรอก
แม้ไม่รู้จักมาก่อน หากเห็นเป็นคนรอนแรมเดินทางไกล
ก็เรียกมากินข้าวน้ำเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปในทุกหมู่บ้านทุกเมืองเลยนะครับ
จะเป็นพระเป็นตำรวจเป็นพ่อค้าเป็นโจร เห็นเดินผ่านบ้านก็เรียกมาถามหมดหละ
ถ้ามีขบวนคนมาสักร้อยคนทำไง ก็ไปบอกคนใหญ่คนโต
บอกเพื่อนบ้านเอามาครัวละ หนึ่งแกง สิบครัวเรือนได้ แกงสิบหม้อ ก็พอกินสบายๆแล้วครับ
ถ้าสงสัยว่าทำไมเขาทำกันได้ ก็เพราะคนส่วนใหญ่เขาทำนาทำสวน พออยู่พอกินเรื่องอดอาหารนั้นแทบไม่มีหรอก
ลงสวนลงนาช้าสักครึ่งวันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย เป็นอยู่ปกติแบบนั้นอยู่แล้ว
ที่เขาห่วงกันคือ เรื่องโรคภัยไข้เจ็บและโจรผู้ร้าย คือเรื่องและความปลอดภัยในชีวิต
(จึงมีธรรมเนียมสังกัดเจ้านาย มีญาติมีกลุ่มพรรคพวกคนใหญ่คนโตใว้คุ้มหัว)
ดังนั้น ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ
เรียกคนเดินทางมาถามมาเลี้ยงข้าวกันทำไมหละ ก็ถามธุระปะปัง มาจากไหนจะไปไหน
ทางหนึ่งผูกมิตร อีกทางคือป้องกันตัว คือชิงเข้าหาก่อนเลยนิสัยคนรุ่นก่อนๆเป็นแบบนี้จริงๆนะ
ไม่ว่าฝ่ายไหนเข้ามาคนไทยช่วยหมดหละ ทหารญี่ปุ่นหิวมาคนไทยก็ให้ได้กิน
(เชลยของญี่ปุ่นหิวโหยคนไทยก็แอบช่วยอีก) ช่วยไปเสียทุกฝ่าย
คนรุ่นตารุ่นทวดแถวบ้านผมมีเรื่องเล่าช่วงสงครามมากมาย ยังมีดาบญี่ปุ่นทิ้งใว้ให้ดูเล่มหนึ่ง
ด้วยพื้นฐานนิสัยคนไทยเป็นแบบนี้
(ดูเหมือนอ่อนแอ ดูเหมือนแข่งขันกับใครไม่ค่อยได้ในยามต้องการความรุ่งเรื่องทางโลก
แต่ในยามสงครามมีเหตุฉุกเฉินต่างๆกลับพาตัวรอดได้อย่างน่าทึ่ง)
ตอนที่ทหารญี่ป่นเพิ่งเข้ามาไทยอาจจะรุนแรงเด็ดขาด
ถ้ารบกันจริงคนไทยบางส่วนก็สู้ตาย แต่เมื่ออยู่นานๆเป็นพันธมิตรกันแล้วจะมารบคนไทยก็ไม่รบด้วย
จะข่มเหงเอาคนไทยก็ต่อรองไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างเฉยๆ
จะปราบก็ปราบยาก เพราะกระจายตัวมากพื้นที่ป่าเขากว้างเกิน แถมคุ้นเคยจนเริ่มดีต่อกันเสียแล้ว
เมื่อรู้ทางกันก็เกิดความเคารพนับถือกันมากขึ้น เป็นเหมือนถูกค่านิยมวิถีสังคมแบบคนไทยผสานไปส่วนหนึ่ง
ทำให้การปฏิบัติตัวของทหารญี่ปุ่นต่อประเทศไทยมีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆอยู่พอสมควร
คือไม่อาจข่มเหง หรือบังคับข่มขืนเอาได้ง่ายๆ ถ้าจะมีเซ็กส์ก็ต้องซื้อเอา คนไทยก็ดันมีให้บริการอีก
ทั้งจะแต่งงานจริงจังทั้งญี่ปุ่นและคนไทยก็ถือตัวมาก ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นช่วงสงครามก็เลยมีน้อย
แสดงความคิดเห็น
สมัยสงครามโลกครั้งที่2 ญี่ปุ่นยึดครองไทยอยุ่หลายปี ทำไมไม่ค่อยเห็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นมากเท่าที่ควรจะเป็น
อเล็กซานเดอร์ยึดอินเดีย คนอินเดียต่อมาหน้าตาไปทางคอเคเซียน
ทำไมตอนญี่ปุ่นมาอยู่เมืองไทยถึงไม่มีการปั๊มลูกกันเลย