เพิ่งมีโอกาสได้ดูเรื่องนี้เต็มๆจบลงเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา น้ำตายังคงเต็มหน้า มันเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์ที่น่าประทับใจมาก
ดูแล้วคือเรียกน้ำตาได้ตลอดเรื่อง แต่ไม่ใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้า แต่เป็นความอิ่มเอิบ การได้ค้นพบคำตอบบางอย่างของชีวิต
อย่างฉากที่ชอบมาก ก็เป็นฉากที่วีนา(มาช่า) บอกกับยู โอฮาร่า(พระเอกชาวญี่ปุ่น)ที่โศกเศร้าเอาแต่โทษตัวเอง
เรื่องที่ทิ้งครอบครัวไปแล้วก็ไม่ได้เจออีก จนเกิดสึนามิที่เซนไดทำให้ครอบครัวพระเอกตายหมด
แต่นางเอกก็บอกว่าความทุกข์หรือความทรงจำที่เลวร้ายก็เหมือนก้อนหิน
ที่คุณพยายามจะทำลายยังไง หรือพยายามจะลบมันยังไง มันก็ไม่มีวันแตกหรือสูญสลายหายไปหรอก
แค่เพียงคุณปล่อยมันไป ปล่อยวางเรื่องราวของมัน คุณก็จะไม่ทุกข์กับมัน
ก็เหมือนกับคนเรา เชื่อว่าทุกคนต้องมีเรื่องราวความทรงจำที่เจ็บปวดกันทุกคน แต่ถ้าเราเอาแต่กลับมาคิดว่าทำไมมันต้องเป็นแบบนั้น
ทำไมฉันต้องเจอแบบนี้ คุณก็จะจมอยู่กับความทุกข์ที่คุณเก็บครอบงำใจไว้อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่มีทางหลุดพ้น
แต่ถ้าคุณปล่อยวาง คิดว่าสิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ แค่ปล่อยให้มันผ่านไป คุณก็จะอยู่ในโลกนี้ต่อไปได้อย่างเข้าใจและมีความสุข
เหมือนกับตอนท้ายเรื่องที่พระเอกสามารถปล่อยวางเรื่องราวในอดีต และใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข
มันเป็นความซาบซึ้งใจ และได้ค้นพบคำตอบบางอย่างของชีวิต ว่าเราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรให้มีความสุขหากเจอเรื่องราวเลวร้ายผ่านเข้ามา
ขอบคุณพี่หน่อง อรุโณชา และทีมงานบรอดคาซท์ทุกท่านที่สร้างภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องนี้ขึ้นมา
เราว่ามันเป็นละครที่หาดูยากในสมัยนี้ ที่เปิดแต่ละช่องก็จะมีแต่ละครที่ดำเนินเรื่องตื่นเต้นตลอดเวลา
แต่ละเรื่องประโคมซาวนด์ดนตรีใหญ่โตโอฬารกันกระหน่ำให้คนดูรู้สึกลุ้นระทึก
แต่เรื่องนี้คือตรงกันข้ามเลย มันเป็นละครที่ดูแล้วรู้สึกสงบและก็มีความสุข อิ่มเอมในหัวใจ เหมือนเป็นละครที่รอคอยมานาน
เพราะเป็นคนชอบดูแนวซาบซึ้ง เซนส์ซิทีฟ น้ำตาไหล รู้สึกประทับใจ เพราะมันจะทำให้เป็นละครที่อยู่ในความทรงจำไปอีกนาน
ผ่านไปอีกสิบปียี่สิบปีห้าสิบปีก็ยังหวนมาให้รำลึกนึกถึง แล้วโลเกชั่นเขาสวยจริงๆ
เหมือนที่พี่หน่องเคยกล่าวไว้ว่า ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติคือธรรมชาติสามารถสร้างและทำลายทุกอย่างได้
แต่มนุษย์ยิ่งใหญ่กว่า เพราะมนุษย์สามารถกอบกู้สิ่งที่ถูกธรรมชาติทำลายกลับคืนมาได้
เหมือนกับเมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น และเขาหลัก ประเทศไทย ที่กลับมาสวยงามดังเดิมด้วยฝีมือมนุษย์
ไม่มีเงื่อนไขใดๆต่อกัน ไม่มีถ้อยคำผูกพันเราไว้ นี่คือมิตรภาพจากใจถึงใจ สายใยที่มั่นคงนิรันดร์
ใครยังไม่ได้รับชม ลองไปหาชมได้ที่
https://tv.line.me/rockletter รับรองจะไม่ผิดหวัง
นานๆจะมีละครภาพยนตร์โทรทัศน์ซาบซึ้งโลเกชั่นสวยๆมาให้ดูสักเรื่อง
บอกเลยว่ามีไม่บ่อยนัก แล้วคุณจะค้นพบคำตอบของความซาบซึ้งเหมือนกับที่เราเจอ
"ROCK LETTER คำรักจากก้อนหิน" มิตรภาพอันซาบซึ้งที่จะจรดอยู่ในหัวใจไปอีกนานแสนนาน
ดูแล้วคือเรียกน้ำตาได้ตลอดเรื่อง แต่ไม่ใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้า แต่เป็นความอิ่มเอิบ การได้ค้นพบคำตอบบางอย่างของชีวิต
อย่างฉากที่ชอบมาก ก็เป็นฉากที่วีนา(มาช่า) บอกกับยู โอฮาร่า(พระเอกชาวญี่ปุ่น)ที่โศกเศร้าเอาแต่โทษตัวเอง
เรื่องที่ทิ้งครอบครัวไปแล้วก็ไม่ได้เจออีก จนเกิดสึนามิที่เซนไดทำให้ครอบครัวพระเอกตายหมด
แต่นางเอกก็บอกว่าความทุกข์หรือความทรงจำที่เลวร้ายก็เหมือนก้อนหิน
ที่คุณพยายามจะทำลายยังไง หรือพยายามจะลบมันยังไง มันก็ไม่มีวันแตกหรือสูญสลายหายไปหรอก
แค่เพียงคุณปล่อยมันไป ปล่อยวางเรื่องราวของมัน คุณก็จะไม่ทุกข์กับมัน
ก็เหมือนกับคนเรา เชื่อว่าทุกคนต้องมีเรื่องราวความทรงจำที่เจ็บปวดกันทุกคน แต่ถ้าเราเอาแต่กลับมาคิดว่าทำไมมันต้องเป็นแบบนั้น
ทำไมฉันต้องเจอแบบนี้ คุณก็จะจมอยู่กับความทุกข์ที่คุณเก็บครอบงำใจไว้อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่มีทางหลุดพ้น
แต่ถ้าคุณปล่อยวาง คิดว่าสิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ แค่ปล่อยให้มันผ่านไป คุณก็จะอยู่ในโลกนี้ต่อไปได้อย่างเข้าใจและมีความสุข
เหมือนกับตอนท้ายเรื่องที่พระเอกสามารถปล่อยวางเรื่องราวในอดีต และใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข
มันเป็นความซาบซึ้งใจ และได้ค้นพบคำตอบบางอย่างของชีวิต ว่าเราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรให้มีความสุขหากเจอเรื่องราวเลวร้ายผ่านเข้ามา
ขอบคุณพี่หน่อง อรุโณชา และทีมงานบรอดคาซท์ทุกท่านที่สร้างภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องนี้ขึ้นมา
เราว่ามันเป็นละครที่หาดูยากในสมัยนี้ ที่เปิดแต่ละช่องก็จะมีแต่ละครที่ดำเนินเรื่องตื่นเต้นตลอดเวลา
แต่ละเรื่องประโคมซาวนด์ดนตรีใหญ่โตโอฬารกันกระหน่ำให้คนดูรู้สึกลุ้นระทึก
แต่เรื่องนี้คือตรงกันข้ามเลย มันเป็นละครที่ดูแล้วรู้สึกสงบและก็มีความสุข อิ่มเอมในหัวใจ เหมือนเป็นละครที่รอคอยมานาน
เพราะเป็นคนชอบดูแนวซาบซึ้ง เซนส์ซิทีฟ น้ำตาไหล รู้สึกประทับใจ เพราะมันจะทำให้เป็นละครที่อยู่ในความทรงจำไปอีกนาน
ผ่านไปอีกสิบปียี่สิบปีห้าสิบปีก็ยังหวนมาให้รำลึกนึกถึง แล้วโลเกชั่นเขาสวยจริงๆ
เหมือนที่พี่หน่องเคยกล่าวไว้ว่า ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติคือธรรมชาติสามารถสร้างและทำลายทุกอย่างได้
แต่มนุษย์ยิ่งใหญ่กว่า เพราะมนุษย์สามารถกอบกู้สิ่งที่ถูกธรรมชาติทำลายกลับคืนมาได้
เหมือนกับเมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น และเขาหลัก ประเทศไทย ที่กลับมาสวยงามดังเดิมด้วยฝีมือมนุษย์
ไม่มีเงื่อนไขใดๆต่อกัน ไม่มีถ้อยคำผูกพันเราไว้ นี่คือมิตรภาพจากใจถึงใจ สายใยที่มั่นคงนิรันดร์
ใครยังไม่ได้รับชม ลองไปหาชมได้ที่ https://tv.line.me/rockletter รับรองจะไม่ผิดหวัง
นานๆจะมีละครภาพยนตร์โทรทัศน์ซาบซึ้งโลเกชั่นสวยๆมาให้ดูสักเรื่อง
บอกเลยว่ามีไม่บ่อยนัก แล้วคุณจะค้นพบคำตอบของความซาบซึ้งเหมือนกับที่เราเจอ