เมื่อคนที่เป็นอดีต(ภรรยา)อยากจะกลับเข้ามาอยู่บ้าน(กับลูก)..ผมจะทำอย่างไรดี

กระทู้คำถาม
เรื่องก็คือ..ผมกับภรรยาได้หย่าร้างกัน เธอไปมีครอบครับใหม่..ส่วนผมก็ดูแลลูกๆอยู่ที่บ้านของผม แต่ก่อนจะเกิดเรื่องอย่างนี้ครอบครัวอบอุ่นมากๆ ผมทำงานเธออยู่บ้านดูแลลูกๆที่ยังเล็ก จนเมื่อลูกได้เข้าเรียนอนุบาล..เธออยากทำงานอยู่บ้านคนเดียวมันเงียบมันเหงา ผมก็โอเคให้หางานที่ไม่ต้องบังคับทำโอทีนะ..เอาแบบแก้เซ็งเลิกงานก็พอดีกับลูกกลับจากโรงเรียน..หลังจากทำงานได้ไม่ถึงปีเธอเริ่มที่จะกลับผิดเวลา(2-3ทุ่ม)บางทีก็ใกล้ๆเที่ยงคืนก็มี หลังๆเริ่มมีกลิ่นเหล้าเบียร์แล้วสิ ผมเองก็ถามและก็พูดด้วยดีๆตลอดแต่ก็เหมือนเธอจะหงุดหงิดทุกทีที่คุยกันเรื่องหลังเลิกงานและดื่มแอลฯ วันหยุดแทบไม่อยู่บ้านดูแลลูกๆเลย..มีเหตุต้องออกตลอด งานบวชงานแต่งงานขึ้นบ้านใหม่วงานวันเกิดเพื่อนฯจนวันนึงเธอบอกว่า..เธอมีคนใหม่ ผมก็อึ้ง เธอบอกเธอจะไปและเธอก็เก็บข้าวของเครื่องใช้ของเธอ..ผมได้แต่พูดว่าแล้วลูกล่ะจะบอกเค้าอย่างไร ผมอยากจะรั้งเธอนะ แต่ก็คิดแล้ว(ใจเธอไม่อยู่..แค่มองเราก็รู้ เพียงแต่รอดูว่าจะร่ำลาวันไหน แล้วเธอก็ไปจริงๆ..ผมก็อยู่กับลูกๆ ลูกถามผมได้แต่บอกว่าแม่ไปทำงานไกลมาก แม่ยังมาหาหนูไม่ได้นะไว้แม่ว่างแม่จะมาหาหนู..ได้แต่ปลอบลูกอย่างนี้ จนผ่านไป3ปี..เธอกลับมาหาลูกจริงๆ เธอให้ลูกมาขอผมว่าแม่อยากกลับเข้ามาอยู่..ผมเห็นแววตาลูกผมก็บอกลูกว่าได้สิ..เธอเข้ามาอยู่แรกๆก็ปกติดีนะ(เราแยกกันนอน..ทำหน้าที่ของพ่อของแม่ไป หน้าที่สามี-ภรรยาจบไปแล้ว)อยู่ได้ไม่เท่าไหร่ดูเหมือนจะเข้ารอยเดิมอย่างที่เล่าไว้ข้างต้น แต่ครั้งนี้ผมไม่วุ่นวายกับชีวิตเธอเลย เรื่องของเธอ..ทุกอย่างในบ้านก็เป็นของผมเหมือนที่เค้าออกจากบ้าน ทำอาหารซักผ้ารีดผ้าจิปาถะของแม่บ้านแหล่ะนะ 555+++
และแล้วลูกก็บอกว่า พ่อๆแม่ขนของออกไปแล้ว..ผมก็ เฮ่อ ไม่เหนือความคาดหมายจริงๆ ผ่านไปไม่ถึงปีเธอให้พี่สาวเธอโทรฯมาคุยกับผมว่า เธอจะกลับมาอยู่กับลูก ผมเลยบอกไปว่า..ขอเวลาตรึกตรองก่อนนะตอนนี้ยังไม่มีคำตอบให้ ผมคิดทุกวันแม้ขณะทำงาน..ผมขอความเห็นจากเพื่อนๆในพันทิปหน่อยนะครับ..ผมควรจะทำอย่างไรดี
(อย่าด่าผมแรงเลยครับ คือเรื่องจริงของผมที่กำลังเผชิญ ขอคำแนะนำแนวทาง)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ชีวิตผมก็คล้ายๆกับคุณแต่งงานมา 10 ปี มีลูกกันสามคน พอลูกเข้าโรงเรียน เธอก็อยากไปทำงาน ไปเป็นเซลล์ขายรถ ไม่ทันถึง 4 เดือนครับ ก็เจอข้อความที่คุยกันมันเกินกว่าคำว่า เซลล์กับลูกค้าที่คุยกัน ธรรมดาครับไม่มีใครทนได้ ผมให้โอกาสเธอแก้ตัว แต่เธอไม่รับโอกาสนั้น ยืนยันว่าจะไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น ยังอยู่สภาพเดิม  เธออยากได้อิสระ อยากได้ชีวิตที่ไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องคิดถึงลูก ไม่เคยอยู่บ้านอ้างงานตลอด ผมเลยยอมครับ หย่า ให้ออกจากบ้าน เรื่องลูกเอาไว้กับผมหมด โชคดีที่ลูกเริ่มโตเริ่มเข้าใจ ไม่เคยร้องหาแม่แม้แต่ครั้งเดียว ชีวิตมีความสุขขึ้นครับ ลูกคือสายเลือด ผญ คนนั้นไม่ได้เป็นไรกับเรา เป็นแค่ของปลอมที่เรามองผิดพลาดมา ผมมีงานการที่มั่นคง ไม่มีความจำเป็นจะต้องเก็บ ผญ แบบนั้นไว้ในชีวิต กลับกลายเป็นว่าชีวิตกลับดีขึ้น เพราะตอนเธออยู่ก็ไม่เคยจะส่งเสริมครอบครัวให้ดีขึ้น มีเงินทองก็เอาไปซื้อเครื่องสำอางใช้แค่ส่วนตัว ผมคิดว่าตัวเองโชคดีซะด้วยซ้ำที่หลุดพ้นจากเธอมาได้ นี่คือแนวทางที่ผมจะบอกคุณ เราเป็น ผช ที่เป็นทั้งพ่อและแม่ได้ครับ อย่าให้ลูกเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี มีเหมือนไม่มี ให้มันไปไกลๆดีกว่าครับ เราทำทุกอย่างให้ดีได้ ด้วยตัวเราเอง ลูกผู้ชาย แค่นี้สบายๆครับ ใจให้นิ่ง ตัดให้ขาด ไล่ให้พ้น นี่คือแนวทาง ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ
ความคิดเห็นที่ 79
จากที่อ่านกระทู้คุณ ขอเดานะว่าลูกคุณน่าจะยังเล็กอยู่
ดังนั้นถึงคุณจะหมดหน้าที่สามีภรรยากับแม่เด็กไปแล้ว แต่คุณยังแคร์ เพราะคุณคิดว่ายังไงเด็กก็ต้องการแม่

เคสของคุณคล้ายของเรามาก จนเหมือนได้อ่านชีวิตตัวเองผ่านปากอีกคนเลยค่ะ
เรื่องที่คุณเล่าคล้ายกับบ้านเรามากๆ กระทั่งรายละเอียด
เช่น พ่อรับผิดชอบเรื่องที่บ้านเอง, พ่อแม่แยกกันนอน, แม่ใช้ให้ลูกมาพูดอ้อนพ่อให้แม่กลับเข้าบ้านอีก ฯลฯ
แต่เราเป็นลูกนะ ไม่ใช่พ่อ หรือ ผู้หญิงคนนั้น

แม่เรามีคนอื่น แต่พ่อเราไม่ยอมพูดอะไร เพราะตอนนั้นพ่อเราไม่อยากให้เรื่องที่ว่ามากระทบลูก
แม้ว่าจะไม่ได้รักแม่ไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังปิดเงียบ ถึงตอนหลัง แม่จะขอไปกับผู้ชายคนอื่น พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร
และพอแม่จะกลับมาอีก พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรเช่นกัน เป็นวงจรแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง

เราโตมาท่ามกลางบรรยากาศอย่างนี้ตลอดมาเป็นสิบปี หลายเรื่องพ่อเราเลี่ยงไม่พูดความจริง
แต่เรารับรู้สถานการณ์มาโดยตลอด เพราะเราเป็นคนช่างสังเกตตั้งแต่เล็กๆ และยังมีน้องคนเล็กที่ยังเด็กอยู่มากๆ  
ในฐานะที่เป็นพี่จึงต้องคอยตอบคำถาม และหาคำตอบให้น้องค่ะ (เพราะพ่อก็ไม่ยอมพูดอะไร)

จากใจของเด็กที่โตมาในสถานการณ์แบบนั้น

อยากบอกคุณว่า........

อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นกลับมาอีกเด็ดขาดนะคะ  !!

จำไว้ว่าเด็กไม่ได้ต้องการแม่ สิ่งที่เด็กต้องการที่สุดคือความรักความอบอุ่น และแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตค่ะ
ลูกคุณจะโตมาเป็นคนดีได้อย่างไร ถ้ายังมีคนอย่างนั้น ทำพฤติกรรมแบบนั้นอาศัยอยู่ในบ้าน

ที่ลูกมาขอให้แม่กลับมา เราเดาว่าลูกคุณน่าจะยังเด็ก พอใครมารักมากอดเป็นธรรมชาติของเด็กที่ย่อมรักกลับและเชื่อ
แต่คุณอย่าลืมนะ ว่าลูกขอให้ผู้หญิงคนนั้นกลับมาเพราะคำว่าแม่-ลูกค่ะ ไม่ใช่เพราะพฤติกรรม คุณธรรม หรือศีลธรรมของคนเป็นแม่
(ตอนเราเด็กๆ แม่เราก็ให้น้องเราไปพูดกับพ่อเหมือนกัน ว่าคิดถึงแม่, อยากให้แม่มาอยู่ด้วย, รักแม่ ฯลฯ)

การที่คุณเลี่ยงคำตอบ หรือเลือกที่จะเงียบ หรือยอมผู้หญิงคนนั้นกลับมาไม่ได้ทำให้ปัญหาทุกอย่างจบค่ะ
แต่กลับพอกพูนให้มันสุมหนักขึ้น และแก้ยากกว่าเดิม
และต่อไปผู้หญิงคนนั้นก็จะจับติดค่ะ ว่าคุณรักลูกมาก จนลูกพูดอะไรก็ยอมหมด
หลังจากนั้นพอเค้าเรียกร้องอะไร เค้าอาจจะพูดผ่านลูกคุณมาอีกที ซึ่งผลกระทบก็จะตกอยู่กับเด็กค่ะ
เพราะเด็กจะทั้งสับสน และไม่เข้าใจมากกว่าเดิม  
(เช่น จะมีความคิดทำนองที่ว่า แม่รักหนูแต่ทำไมพ่อไม่รักแม่, พ่อใจร้ายกับแม่มากเลยนะ ฯลฯ อันนี้อ้างอิงจากประสบการณ์จริง)

เพราะงั้น....
อย่าให้เค้ากลับมาเด็ดขาดนะคะ เพราะเค้าไม่ได้มองว่าคุณหรือลูกคุณเป็นครอบครัวแล้ว
เค้าแค่พอใจที่มีบ้านให้อยู่ มีข้าวให้กิน มีเตียงให้นอน มีสถานะเเป็นแม่ของลูกไว้อวดสังคมเก๋ๆ มากกว่า (ทั้งที่ตัวเองไม่ได้รับผิดชอบอะไรเลย)

คุณรู้มั้ยว่าจากใจคนที่โตมาในครอบครัวแบบนี้ ทุกครั้งที่มีการพูดถึงแม่ เราจะเจ็บแทนพ่อมาก
เพราะพ่อเรามัวแต่คิดเพื่อลูก มองว่าลูกต้องการแม่มาโดยตลอด จนมองข้ามความรู้สึกตัวเองไป

ขอบอกนะคะ ว่าคนเป็นลูกไม่ได้โง่ค่ะ
ตอนนั้นลูกอาจยังเล็ก แต่ถ้าเวลาผ่านไป คนเป็นลูกย่อมหันกลับมาใส่ใจ และเข้าใจความรู้สึกของคุณแน่นอนค่ะ

อย่าไปคิดถึงผู้หญิงคนนั้นในฐานะแม่ ให้ลองคิดดีกว่าว่าจะอธิบายลูกยังไง จะกันลูกออกจากคนที่มีมาตรฐานศีลธรรมต่ำแบบนั้นยังไง
จะใช้คำพูดแบบไหน หรือวิธีไหนในการทำให้เค้าค่อยๆ เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นกลับมานะคะ คนแบบนั้นไม่มีวันเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กได้ค่ะ
เพราะถึงจะกอดลูก จูบลูก บอกรักลูก แต่ไม่ว่ายังไง เด็กก็จะขาดคนที่ชี้นำทางความคิด และอบรมทางจริยธรรมค่ะ

ในฐานะที่โตมากับพ่อ พ่อเลี้ยงมาด้วยลำแข้งคนเดียว
เรา (ที่ตอนนี้โตแล้ว เรียนจบปริญญาตรีแล้ว) จะบอกว่า คุณที่แบกรับทุกอย่างมาโดยตลอดคือโลกทั้งใบของลูกค่ะ
คุณทุกข์ ลูกก็ทุกข์ คุณเจ็บ ลูกก็เจ็บ
ลูกไม่ใช่เด็กเล็กๆ ที่ได้คิดแต่ความสุขของตัวเองไปตลอดกาลหรอกนะคะ

ซักวันนึง เค้าจะเติบโต และเข้าใจ และจะกลายเป็นเด็กที่แข็งแกร่งค่ะ

และคุณรู้มั้ย ผลร้ายจากการกระทำตัวแบบนี้ของแม่เรา (ที่แม้มีคนอื่น แต่ยังหน้าหนาหน้าทนมาอยู่บ้านพ่อ) ยังสร้างแผลฝังใจให้กับเราด้วย
คือเรากลายเป็นคนไม่เชื่อในความรักระหว่างหนุ่มสาว รู้สึกเย็นชากับว่ารัก ไม่เชื่อใจในความรัก และขยะแขยงการกอดจูบไปเลยค่ะ
เพราะสิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่แม่พร่ำบอกเราตั้งแต่เด็ก แม้ว่าพฤติกรรมจะตรงกันข้าม และไม่เคยเป็นแบบอย่างใดๆ ให้กับลูกเลยก็ตาม
ซึ่งจนบัดนี้ แม้คุณเธอจะโดนอัปเปหิออกจากบ้านไปนานแล้ว แต่ก็ยังพ่นคำรักหวานๆ แบบนั้นให้เราฟังอยู่ทางโทรศัพท์

เพราะงั้น....

ห้ามให้กลับมานะคะ
เพื่อลูกที่จะโตมาเป็นคนเข้มแข็ง แข็งแกร่ง มีคุณธรรมในอนาคต และเพื่อตัวคุณเองด้วย

ปล.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 33
แต่เพิ่งจะใจมารไปครับ ไม่ให้โอกาสนั้นอีกแล้ว ฉะนั้นคือตัดขาดเลยครับ
ขอบคุณครับผมอมยิ้ม36
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่