เที่ยวเนเธอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส 8 วัน กับทัวร์รุงรังสตังก่บ่มี

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของ จขกท. ที่ จขกท. ไม่ได้เขียนเอง แต่ copy โพสต์หน้าเฟสของเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันมา ฮ่าๆๆๆ อมยิ้ม15
และหากกระทู้นี้ทำผิดกฎ หรือให้ข้อมูลผิดพลาดประการใด รบกวนแนะนำได้เลยค่ะ
วัตถุประสงค์ของกระทู้นี้:
เพื่อเป็นไดอารี่เก็บความทรงจำของเด็กบ้านนอกทั้งสาม ที่ครั้งนึงของชีวิตเคยไปเหยียบทวีปยุโรปมาแล้ว นาจาาา

ขอเรียกตัวเองสั้นๆว่า แคท เพราะชื่อแคท ค่ะ
       จุดเริ่มต้นของการไปเที่ยวครั้งนี้ ย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว คือช่วงพฤษภาคม 2555 (ไกลไปมั๊ย?)
น้องของแคท ชื่อน้องป๊อป ได้ทุน "ODOS" ไปเรียนเนเธอร์แลนด์ 4 ปี โดยต้องเรียนปรับภาษาอังกฤษและดัชต์ 1 ปี
แคทก็เริ่มคิดในใจแบบดังๆ ไว้ว่า "โอกาสนี้แหละที่เราจะต้องไปเที่ยวหาน้องให้ได้" (แต่เมื่อไหร่ไม่รู้ 555)
มโนไว้แบบนี้มา 5 ปี จนน้องใกล้จบ... และบอกว่าจะกลับไทยแล้วไม่ทำงานที่นู้น เอื๊อกกกกก...
รีบเลยค่ะ รีบเตรียมตัวเลยค่ะ เงินมีเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ที่รู้จะต้องไปก่อนน้องกลับ เลยเป็นที่มาของชื่อทัวร์ว่า

“ทัวร์รุงรังสตังก่บ่มี”
ปล. เป๋นคนเมืองจ้าววว

        บอกแม่ แม่ไม่อยากไป น้านนน...ไง! ต้องไปคนเดียวแล้วสิ T^T จากนั้นก็ไปบอกเพื่อนสนิททั้งหลาย เผื่อเขาอยากฝากซื้ออะไร งี้
และด้วยความสามารถในการเป่าหูเพื่อนของแคท ในที่สุดก็สามารถลากเพื่อนไปด้วยกัน 2 คน ชื่อมิ้น และอ๋อย ค่ะ

โดย Plan ของเรา 9 วัน แต่เที่ยวจริงจังประมาณ 8 วัน ซึ่งน้องป๊อปเป็นคนคิดทั้งหมดเลย ตามนี้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และต่อไปเป็นบันทึกการเดินทางจากมิ้น แคทขออนุญาตมิ้นแล้วค่ะ อมยิ้ม07
พาพันอยากรู้พาพันปั่นจักรยานพาพันรดน้ำต้นไม้

       หลังจากนอน jet lag มาเกือบ 2 วัน ตอนนี้ จะขอบันทึกถึงเรื่องราวการเดินทางที่น่าประทับใจ ความทรงจำล้ำค่า และผู้คนดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทริปครั้งนี้ บอกได้เลยว่าเป็นทริปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต 25 ปีที่ผ่านมา เป็นทริปที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ไปจริงๆ เพราะเคยไปขอวีซ่าอเมริกามา แต่...ไม่ผ่าน
       ต้องขอบคุณอ๋อย ที่ทำให้ได้เจอแคทวันนั้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางทั้งหมด และขอบคุณแคทกะน้องป๊อปที่ชวนไปเที่ยว "เนเธอร์แลนด์" ตอนนั้นตอบแบบไม่คิดเลยว่า "ไป" ไม่มีแม้แต่ความลังเล ความเกรงใจ ไม่คิดถึงผลกระทบอะไรใดๆ ทั้งสิ้น 555
       หลังจากนั้น ป๊อปกับแคทก็เริ่มเตรียมเอกสารเกี่ยวกับวีซ่า จัดการเรือ่งตั๋วเครื่องบิน ประกันการเดินทาง และทุกสิ่งทุกอย่าง โดยที่มิ้นไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเตรียมเอกสารของตัวเอง เรื่องนี้เป็นอีกเรือ่งที่ขอบคุณแคทกับป๊อปมากๆ เพราะรู้ดีว่าการขอวีซ่ามันยุ่งยาก และใช้เอกสารเยอะ สองคนนี้จัดการเรื่องทุกอย่างได้ดี และสุดท้ายวีซ่าแชงเก้นก็มาอยู่ในมือ เป็นครั้งแรกที่พาสสปอร์ตถูกใช้งาน และเราจะไปไกลถึงอีกซีกโลก!

พาพันชอบDAY0: วันเดินทาง 30 มิ.ย. 2560 จากประเทศไทย ไปเนเธอร์แลนด์

           ทริปนี้เป็นทริปประหยัด (ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้) เราบินไปกับสายการบินราคาประหยัด ชื่อ Jet airway บินประมาณ 6 ชั่วโมง เปลี่ยนเครื่องที่มุมไบ แล้วบินต่ออีก 10 ชั่วโมงสู่จุดหมายปลายทางที่ อัมสเตอดัม ถึงตอนเช้าตรู่ของวันที่ 1 ก.ค. 2560
ปล 1 กล้องที่ถ่ายเป็นกล้องดิจิตอลธรรมดา กับโหมดออโต้ เนื่องจากข้าพเจ้าไม่มีความรู่เรื่องถ่ายรูปเลย 555
ปล 2 มีคำบรรยายใต้ภาพเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่สนใจเผื่อจะไปเที่ยวที่เดียวกัน
ปล 3 ค่าเงินยูโรตอนนั้น 1 EUR = 38.75 B
ปล 4 รูปไม่ได้ปรับแสงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะขี้เกียจ 555

เครื่องที่บินมาจากกรุงเทพ เป็นสายการบินของอินเดีย บินได้ระทึกตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนลงจอด หัวสั่นหัวคลอน หลอนไปอีกหลายนาที


มุมซ้ายบน คิดว่าน่าจะเป็นอาหารท้องถิ่นของอินเดีย เพราะไม่เคยกิน ทำมาจากถั่วพูเอาไปลวก คลุกผสมพริกที่ไม่มีความเผ็ดกับกากมะพร้าว รสชาติหวาน เย็นๆ เลี่ยนๆ สรุป ไม่อร่อย แต่ชีสเค้กบลูเบอรี่ตรงกลาง อร่อยเวอร์ กินไปฟินไป


ไปพักเครื่องที่สนามบินมุมไบ และนี้ก้าวแรกในสนามบินมุมไบ ต้อนรับด้วยต้นไม้ แล้วเปิดไฟให้ต้นไม้ด้วย น่ารักค่อด


ศิลปะจากฝาขวด


โซนนี้น่าแวะนะ 555


ความอลังวังเว่อร์ในสนามบิน


ถึงสนามบิน Scriphol ที่เมืองอัมสเตอดัมแล้ว
รูปถ่ายแรกหลังจากลงเครืองที่อัมสเตอดัม


           ความไฮเทคของสนามบินที่อัมสเตอดัม อ้าปากค้างตั้งแต่เดินผ่านตม.มาได้ จนกระทั่งออกจากสนามบิน ที่นี่คนเยอะ แต่ดูเป็นระบบมาก มีตู้สารพัดตู้ไปหมด ซึ่ง...ไม่รู้จักเลย 555


พาพันชอบDAY1: อาการ jet lag วันแรก กับปฏิบัติการตามล่าเสื้อแจ็กเก็ต

           ต้องเกริ่นก่อนว่า เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่น่าอยู่ติดอันดับต้นๆ เป็นประเทศที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานลม ใช้รถสาธารณะแและจักรยานมากกว่ารถยนต์ส่วนตัว ระบบรถสาธารณะตรงต่อเวลา มีป้ายบอกเวลาที่รถจะมาแบบ real time และมีเว็บไซต์ให้เช็คได้ตลอด เป็นประเทศที่เราจะเห็นคนพิการใช้รถเข็นไฟฟ้าออกมาใช้ชีวิตตามถนนได้เหมือนคนปกติ เป็นประเทศที่ไม่เห็นหมาและแมวจรจัด ไม่เห็นแม้กระทั่งขอทานตามเมืองใหญ่ๆ อย่างอัมสเตอดัม เป็นประเทศที่มีคุกต้องประกาศปิดตัวเพราะไม่มีอาชญกรรมเกิดขึ้น ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ เนเธอร์แลนด์จึงเป็นประเทศที่สักครั้งนึงอยากจะไปถึง ดังนั้นมิ้นจะพูดเสมอๆ ว่า ขอบคุณมากๆ ที่ทำให้ฝันเป็นจริง
           หลังจากที่ป๊อปมารับที่สนามบิน เราขึ้นรถไฟ (inter city) เพื่อข้ามเมืองมา Delf ซึ่งเป็นเมืองที่ป๊อปเรียนและมีอพาร์ตเมนท์ให้แขกอย่างเราได้พักฟรี (ซึ่งนอกจากนั้นการเดินทางในเมืองเราจะใช้รถรางไฟฟ้าที่เรียกว่า tram )
           วันแรกเป็นวันที่เราตื่นตาตื่นใจกันมากกับทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งบัตรที่ใช้จ่ายเงินค่ารถ ราคาน้ำดื่ม สถาปัตยกรรม ห้องน้ำ ผู้คน รวมถึงการใช้เงินยูโรที่ไม่คุ้นเคย แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ "อากาศ" เพราะเราหาข้อมูลไปค่อนข้างดีว่าช่วงนั้นอยู่ในช่วง spring แต่จริงๆ แล้วป๊อปบอกว่ามันคือ summer อากาศจะประมาณ 18-25 องศา ชิวๆ เอาเสื้อแจ็กเก็ตไปตัวเดียวก็พอ
           แต่พี่น้องคะ พอออกจากสนามบินเท่านั้นแหละ อยากจะกรีดร้องว่า "ซัมเมอร์พ่องงงงงงงงงงงงงงงง" นี่มันหนาวชัดๆ หนาวไม่พอ มีลมด้วย ชะนีน้อยสามตัวที่เตรียมเสื้อผ้ามาแบบ spring นี่คือเป็นสิ่งมีชีวิตที่แต่งตัวประหลาดที่สุดในเมืองไปเลย ในขณะที่ citizen ใส่แจ็กเก็ตตตตตตตตต ชะนีน้อยใส่กางเกงขาสั้นนนนนนน
           เพราะฉะนั้น วันแรกนอกจากจะเป็นวันชมเมือง Delf แล้ว จึงเป็นวันที่ข้าพเจ้าต้องตามล่าหาซื้อแจ็กเก็ตกันหนาวด้วย เนื่องจากแจ็กเก็ตที่เอาไปฟรุ้งฟริ้งเกินกว่าจะกันหนาวใดๆ ได้
           โดยข้อบังคับของวันนี้คือ ทุกคนจะไม่ได้นอนจนกว่าจะเที่ยงคืน เพื่อต่อสู้กับ Jet lag
หลังจาก drop กระเป๋า เราก็จะไปเที่ยวกัน!
ปล เวลาที่เนเธอร์แลนด์ช้ากว่าไทยไป 6 ชม เพราะฉะนั้นเวลาที่เราไปถึงประมาณ 8 โมง จริงๆ แล้วคือเกือบๆ ตี 2 ของเวลาที่ไทย

Delf station


ดูสถาปัตยกรรมพี่เค้าซะก่อน โคตรเจ่ง


บรรยากาศหน้า station ไม่มีแม้แต่แสงแดดเค่อะ


ดูเสื้อนางสิ ท่าทางจะอุ่น


         วันที่เราไปถึงเป็นวันเสาร์ มีตลาดสดกลางเมืองเดลฟท์พอดี น้องพลอยกับน้องป๊อปก็เลยพาไปกินของขึ้นชื่อ เริ่มด้วย "Stroopwafel" คือ วาฟเฟิลที่สอดไส้คาราเมล แป้งวาฟเฟิลอร่อยมาก กรอบๆ หอม แต่มันหวานมาก...ไปนิด


ร้านนี้คนเยอะจังเลย มุงอะไรกันน่ะ?


ลองเข้าไปใกล้ๆสิ


         ป๊อปพามาชิมปลาแฮริ่ง ซึ่งจริงๆ ไม่ได้เป็นญาติกับแฮร์รี่ แฮ่! นางภูมิใจนำเสนอมาก ว่าของดีของเด็ดของดังของเมืองนี้ หน้าตาเหมือนปลาแมคเคอเรล แต่รสชาติเหมือนแซลมอล แพงเหมือนทูน่า มีเมือกๆ เหมือนปลาไหล สุดท้ายกินไปชิ้นเดียวเพราะเจือกมองไปเห็นเมือกๆ นี่แหละ จอบอ


และป๊อปกำลังโชว์วิธีกินปลาแฮริ่งของชาวเนเธอร์


         ตกลงว่านอกจากป๊อป ก็มีอ๋อยนี้แหละที่ฟินกับปลานี่สุดๆ ละ เราควรจะไปต่อที่ปลาชนิดต่อไป เรื่องบางเรื่องของเมืองนี้เราไม่ต้องอินทั้งหมดก็ได้    และนี่สิคือ way ของพี่ สิ่งนี้เรียก Kibbeling คำเดียวคือ อร่อย กินกับซอสกระเทียม กลิ่นติดปากทนดี 555


         สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างในเมืองนี้คือ ดอกไม้ ทุกหนทุกแห่งมีดอกกกกกกกก ดอกเต็มไปหมด คือนี่เป็นชะนีที่ชอบดอกไม้มาก แล้วดอกไม้เมืองนี้สวยมาก มีแต่ดอกไม้แปลกๆ ที่ไมเ่คยเห็น เมืองไทยปลูกยาก คนส่วนใหญ่ที่นี่จะถือช่อดอกไม้กันให้เกลื่อน แต่ละบ้านก็จะต้องมีต้นไม้ดอกไม้ตกแต่งให้เห็น ชอบมากกกก ฟินมากกกกกกก ทุกคนเป็นอันรู้กันว่าถ้าหันมาแล้วมิ้นหายไปไหน นั่นคือไปถ่ายดอกไม้อยู่ที่ไหนสักที่ 555


ชั้นฟินกับความดอกนี้เหลือเกินพี่ชายยยย กรี๊สสสสส


บรรยากาศรอบๆ ตัวเมืองเดลฟท์


ชุดนี้ชะนี้น้อยเกิดใหม่ใส่ร้องเท้าบูธไฉไล แต่หนาวบรรลัยเอย


ท้ายที่สุดของวันนี้ ชะนีก็ได้เสื้อแจ็กเก็ตที่กันหนาวได้ในราคา 9.95 EUR ฟินไหนใครจะเท่า เพราะมันลดราคา มันสวย และมันอุ่นค่าาาาา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่