แล้วแบบนานมากกกก ไม่ได้มาเที่ยวอเมริกาเลยยยย จนวีซ่าจะหมดแย้วววว
วันนี้นำภาพมาฝากกันอีกแล้ววว เราไปขับรถเที่ยววววฝั่ง Arizona + Utah มาค่ะ
เรายังคงสไตล์ถ่ายภาพไม่สวยแต่อยากแบ่งกันเช่นเดิม อิอิ
ลืมแนะนำตัว เจ้าของกระทู้ชื่อโบว์นะคะ ถ้าข้อมูลตรงไหนผิดพลาด ขออภัยด้วยนะคะ
ใครอยากรู้ว่าขับรถเที่ยว สนุกไหม เจออะไรสวยๆหรือเปล่า
ตามเรามานะ เดี๋ยวเราพาเที่ยว ☺
จองล่วงหน้า 3 - 4 เดือน เราจองตรงกับสายการบิน ไม่ผ่านเอเจนซี่ใดๆเลย
แพลนเที่ยวเราเป็นวงกลม เริ่มต้นและจบที่สนามบิน Los Angeles (LAX)
ได้ราคามาดีงาม 24,695.00 บาท (รวมเลือกที่นั่งริมทางเดินในไฟล์ท MNL-LAX และ LAX-MNL)
ก่อนจองสายการบินนี้ อ่านรีวิวมาพอสมควร ภาวนาไม่ให้เจอการยกเลิกไฟล์ทแบบไปต่อไม่ได้
ขอให้เจอดีเลย์แบบน่ารักๆ ไม่ทิ้งฉันไว้กลางทางก็พอ 555 แต่ทุกคนค่ะ ของราคาไม่แรงก็แลกมากับการเลื่อนไฟล์ททั้งไป-กลับ
โชคดีขาไป เลื่อนไม่นานมาก มีเปลี่ยน Aircraft จาก Boeing 777 เป็น Airbus 330
มีแวะจอดเติมน้ำมันที่อินชอน 1.30 ชั่วโมง ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหากับเราค่ะ เราชิวมากกก แถมที่ข้างๆว่างด้วย ยืดขายาวๆ
ส่วนขากลับจากเวลา 12.35 น. เราต้องเลื่อนเป็นไฟล์ทกลับเป็น 23.40 น. T-T
อันที่จริงมีตัวเลือกไฟล์ทอื่นๆด้วยนะคะ แต่เราต้องรอไฟล์ทกลับไทยนานนมากเกิน 7 ชั่วโมงค่ะ
เลยคิดแล้วว่าขับรถเล่นใน LA ดีกว่าไปนอนเล่นในสนามบินมะนิลาเพื่อรอไฟล์ทกับไทย
ซึ่งการเปลี่ยนไฟล์ท เราแชทคุยในเฟสบุค ถามตารางการบินที่ว่างหลังจากได้รับเมลล์เลื่อนเวลา
ขอเปลี่ยนที่นั่ง และสอบถามเรื่องอื่นๆ ซึ่งทาง PAL ทำได้ดีมากค่ะ ตอบเร็ว ตอบดี ตรงนี้ให้ผ่าน
และขอบอกว่าว้าวมากกก สำหรับอาหารบนเครื่องบิน พูดได้เลยว่า อร่อยมากกกกก อร่อยจริงๆ
เดี๋ยวขอแปะภาพอาหารที่ได้ทานบนเครื่องบินให้ดูค่ะ ชีสบอร์ดก็มี แซนวิชก็อร่อย
ส่วนการบริการเราว่าโอเคนะ คือเราดื่มน้ำเปล่าเยอะมาก แอร์ที่ดูแลโซนเราจำได้ เปิดขวดใหม่เทใส่กระบอกให้ตลอด
ส่วนขากลับไฟล์ทคนเต็มทุกที่นั่ง ไม่ได้ถ่ายภาพอาหารมาอวดเลย แต่ขอย้ำ !! รสชาติดีมาก อร่อยยย
ส่วนสนามบินมะนิลา (Ninoy Aquino) ไม่ได้แย่นะคะ อารมณ์สนามบินดอนเมือง แต่ แต่ เล็กมากกก
ห้องน้ำสะอาด สนามบินสะอาด พนักงานภาคพื้นบริการดี คอยเดินตามหาผู้โดยสายรอบ Final Call
และที่สำคัญคือ ไฟล์ทไปอเมริกาไม่มีการเปิดกระเป๋าใดๆแล้วนะคะ Transit และ Check Through สัมภาระได้เลย
ขาไปเรา Transit ประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง ที่นั่งที่นอนแทบไม่มี มีคนพกถุงนอน หมอนลมมานอนจริงจังเลย
ตบมือมากก ไม่ใช่อะไร เออรอบหน้าถ้าได้ใช้บริการสายการบินนี้ จะพกมาบ้าง เค้านอนสบายจริงๆ
ส่วนตัวเรานอนปิดตาให้ได้สดชื่น แล้วเดินเล่น ดื่มกาแฟ นั่งชมวิวเครื่องบินพร้อมฟังเพลง แก้เบื่อได้หน่อย
ดังนั้นใครใช้บริการสายการบินนี้ ทำใจให้ชิวว ไม่มีธุระด่วน เน้นแพลนยืดหยุ่นวันแรก + วันกลับ
แล้วคุณจะเที่ยวแบบสนุกๆ ไม่เครียดดด ไม่โมโหที่มีการเลื่อน หรือยกเลิกไฟล์ทค่ะ
แต่ทางสายการบินมีแจ้งล่วงหน้านะคะ เค้าไม่เจอแบบกระทันหัน
ใครใช้บริการสายการบินนี้ ใกล้ๆวันเดินทาง อย่าลืมดูอีเมลล์ด้วยนะคะ ☺
ตัดภาพกลับมาถึงสนามบิน LAX ทาง Immigration LA ใจดีมากกก
ถามว่ามากี่วัน มากับใคร คืนแรกพักที่ไหน พกเงินสดมากี่ดอลล่าร์ ขอดู Booking ไฟล์ทขากลับไทย
ครั้งแรกคุณมาเที่ยวอเมริกาที่ไหน สนุกไหม มีชวนคุยด้วยนะ ผมชอบอาหารไทยมากกก แต่ผมไม่เคยเที่ยวเมืองไทยนะ
เราก็ยิ้มหวานนน เวลคัมทูไทยแลนนนนนด์ นางก็บอกเวลคัมทูยูเอสเอออ 555 จบการสนทนา
และตอนนี้ทางตม.อเมริกา ไม่มีการปั๊ม/แสตมป์ขาเข้าประเทศแล้วนะคะ
ใส่แค่ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, หมายเลข Passport
Most Recent I-94 - แจ้งรายละเอียดว่าสามารถอยู่เที่ยวได้ถึงวันไหน (Admit Until Date)
View Travel History - แจ้งรายละเอียด Travel History Results ที่เราเคยมาเที่ยวอเมริกา
และโชคยังดีค่ะ รอบนี้เราไม่ Jet lag มีวันแรกอึนๆ ถอดนาฬิกาล้างหน้าแล้วลืมเฉย
รู้ตัวอีกทีคือวันต่อมาแล้วค่ะ หายแบบหายไปเลย แม่ซื้อให้ด้วย แง้ 555
ทริปนี้เราไปทั้งหมด 5 คน เช่ารถขับทุกวัน ไม่มีการใช้รถสาธารณะใดๆทั้งสิ้น
เราเน้นเที่ยวนอกเมืองทั้งหมด เน้นอุทยานแห่งชาติ เน้นมีแพลนแต่ไม่ได้ตามแพลน 5555
ไม่ได้เน้นเดิน Trail/Treakking เน้นขับรถจอดที่จุดชมวิว เดินเล่นนิดหน่อยรอบๆ ไกลสุดที่เดินกันไปกลับ 5 กม. (ก็เมื่อยนะ 55)
ดังนั้นภาพที่ได้อาจจะไม่ว้าววว แต่เชื่อเถอะ !! ของจริงสวยยยย สวยกว่าในภาพมากกก
ลืมบอก เราขับรถเที่ยวช่วง 11-21 ตุลาคม 2567 ตามมาเที่ยวด้วยกันน้าา ☺
เราซื้อ Annual Pass ราคา 80 USD เพื่อใช้เป็นบัตรผ่านของทุกอุทยานที่ในอเมริกา (ถ้าจำไม่ผิดมีอายุ 1 ปีนะ)
ซึ่งเวลาเข้าแต่ละที่จะต้องแนบ Passport ของเจ้าของ Pass ด้วยค่ะ
ถ้าใครมีแพลนเน้น National Park/State Park in USA **อย่าพลาดใบนี้ค่ะ
เพราะค่าเข้าอุทยานแต่ละที่ ราคา 35 USD/Private Vehicle
อุทยานแห่งชาติที่ชื่อเสียงระดับโลก ในตัวอุทยานมี Shuttle Bus รับ-ส่งนักท่องเที่ยวแต่ละ Point (แบ่งตามสีของเส้นทาง)
ฝั่งนี้เราเริ่มเดินเที่ยวจุด Mather Point ใกล้ Visitor Center เป็นจุดชมวิวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว อากาศดี แดดแรงแต่ลมเย็นๆ
แต่จุดนี้เข้าถึงง่ายและคนเยอะมากค่ะ ก้มๆเงยๆ เบี่ยงคนเยอะมากก ถึงคนเยอะแต่ก็ยืนต่อคิวถ่ายภาพกันไม่นานค่ะ
จากนั้นเราก็เดินเล่นกันตามเส้นทาง Rim Trail - Yavapai Point และยืนรอรถบัส (สายสีส้ม) เพื่อไปยัง Pipe Creek Vista และ Yaki Point
เหมือนแวะเที่ยวไม่เยอะใช่ไหมค่ะ แต่ขอบอกว่าวิวสวยงามมมมาก ถ่ายภาพเสร็จ นั่งเงียบๆ รอเพื่อน เออบรรยากาศดีจริง ลองมากันน้าาา
สำหรับ Antelope Canyon หลักๆมีให้เลือกเดินชม 2 แห่งคือ Upper และ Lower ซึ่งที่เราเลือก Lower เพราะเห็นรีวิวว่าสวยยย 555 แค่นั้นจริงๆ
ดังนั้นใครเคยไป Upper มาแนะนำกันได้น้า และสำคัญสุด ต้องจองค่ะ ย้ำต้องจอง คือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมีไกด์เป็นคนพาเดินชม
เพราะจากที่อ่านรีวิวและไกด์แจ้งว่า เคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมแบบกระทันหัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายค่ะ T-T
ทางภาครัฐเลยให้ชาว Navajo เป็นชาวท้องถื่นในแถบนี้ เป็นไกด์พาทัวร์ค่ะ ราคาต่อคน 55 USD เราเลือกจองเวลา 11.00 น.
แบบแดดกำลังเปรี้ยง แดดแรงมากก ทางเดินลงค่อนข้างชัน บันไดสูงแต่เกาะค่อยๆเดิน ไม่ต้องรีบร้อนนะคะ เดี๋ยวพลัดตก
แนะนำใส่รองเท้าผ้าใบดีที่สุดค่ะ กระเป๋าใบใหญ่ไม่ให้เข้าพกน้ำขวดเล็กได้ค่ะ แนะนำพกแต่ขวดน้ำ + มือถือก็พอค่ะ บางช่วงทางแคบมาก
ทางบริษัทไม่ให้มีการถ่ายวีดีโอนะ ใครติดถ่ายวีดีโอระวังกันด้วย และขอบอกห้องน้ำคือแบบไม่โอเคเลย แต่ก็ต้องเข้าค่ะ ไม่มีให้เลือก 555
ปล.ไกด์ที่นี่แนะนำการปรับแสงถ่ายภาพ และคอยถ่ายภาพจุดสวยๆ ให้ลูกทัวร์ด้วยนะ
ปล.2 ไกด์ที่พาเราเดินชม - หล่อมากค่ะ นิสัยดีด้วย 555
ROAD TRIP USA 2024 (LAX - ARIZONA - UTAH - LAX)