ที่ท้ายหมู่บ้านผมเคยเป็นที่ “ทิ้งขยะ” ของเทศบาล มีกองขยะเป็นพะเนินๆ ขยะแห้งเขาจะเผาและไฟก็จะลามไปถึงไหม้ขยะเปียกหรือสิ่งที่เป็นสารเคมีเช่นสายไฟ น้ำมันเครื่อง ฯลฯ บางทีก็ส่งกลิ่นฟุ้งเข้าหมู่บ้าน พวกเราอยู่จนชินจึงไม่ได้คอมเพลนอะไร เวลาผมต้อนควายลงทุ่งทีไร ผมมักจะไปคุ้ยขยะที่นั่นเสมอๆ หรือบางทีก็ไปยืนรอรถขยะที่นำขยะใหม่ๆ มาทิ้ง พูดอย่างไม่อายนะครับว่า....ของใช้ในบ้านบางส่วนก็มาจากขยะ เช่น ช้อนเก่าๆ (เป็นช้อนสังกะสี) แกลลอนน้ำมันเครื่องพลาสติกขนาด 5 ลิตรที่นำมาล้างให้สะอาดแล้วใช้เป็นภาชนะใส่น้ำดื่มหิ้วไปนา หรือแม้แต่ไม้อัดเก่าๆ ที่นำมาตีปิดเป็นผนังบ้านกันน้ำฝนสาดเข้าบ้าน
นอกเหนือจากขยะทั่วๆ ไปแล้ว ยังมีขยะอีกประเภทหนึ่งที่คนรังเกียจและส่งกลิ่นฟุ้งไม่ขาด คือขยะจาก “รถดูดส้วม” ทางเทศบาลจะนำปฏิกูลจากส้วมต่างมาปั๊มทิ้งที่ท้ายหมู่บ้านผมเหมือนขยะทั่วๆ ไป ผมเห็นจนชินและคุ้นเคยกับกลิ่น ความจริงๆ กลิ่นและสีของมันก็ไม่ใช่สีและกลิ่นที่ออกมาจากท้องเราใหม่ๆ หรอก แต่เป็นกลิ่นที่ถูกหมักหมมมานานเป็นปีๆ สำหรับผมไม่น่ารังเกียจมากมาย(อาจจะเพราะเคยชิน) แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคือ ยังมีคนอุตส่าห์ไปหาขุดคุ้ยหา “ของมีค่า” จากสิ่งปฏิกูลที่มาจากท้องมนุษย์ด้วย !!
มีครอบครัวหนึ่งที่จะนำจอบไปขุดคุ้ยกองขยะจากรถดูดส้วมที่แห้งแล้ว ลูกชายของครอบครัวนี้เป็นเพื่อนกับผม ผมถามมันว่าเฮร้ย...แกไม่รังเกียจหรือไง? แล้วได้อะไรบ้างจากกองขรี้? มันว่าได้เงิน...เมื่อผมไม่เชื่อ มันก็พาผมไปดูเวลามันคุ้ย....ไม่ถึงชั่วโมงมันก็คุ้ยได้เงินเหรียญสลึง เหรียญบาท แม้สีจะดำคล้ำ....แต่นำมาขัดแปร๊บก็กลายเป็นเหรียญเงิน มันเล่าให้ฟังว่า เวลาคนไปนั่งส้วม(สมัยนั้นไม่มีชักโครก)แบบยองๆ กระเป๋ากางจะกลับหัว บางทีถ้าใครมีเงินเหรียญในกระเป๋ากางเกงเงินก็จะหล่นจากกระเป๋าลงโถส้วม เป็นใครๆ ก็ไม่กล้าล้วงโถส้วมไปเก็บเหรียญ เหรียญเงินก็ถูกล้างลงโถไปพร้อมกับสิ่งขับถ่าย รถดูดส้วม...จะตระเวณไปดูส้วมเป็นหลายๆ แห่งกว่าจะเต็มรถ หรือส้วมหนึ่งๆ กว่าจะเต็มก็ใช้เวลานาน คนที่ไปใช้ส้วมวันหนึ่งๆ กี่เที่ยว และเชื่อว่าเที่ยวหนึ่งๆ จะต้องมีใครสักคนทำเหรียญเงินหล่นในส้วม ฉะนั้น รับประกันได้ว่ากองปฏิกูลกองหนึ่งอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเหรียญเงินไม่ต่ำกว่าสิบบาท และถ้าโชคดี...อาจจะได้แหวนทอง หร้อสร้อยทองคำเหมือนที่แม่ของเพื่อนผมเคยได้มาแล้วก็ได้
จากนั้นไม่นาน....ผมกับเพื่อนๆ จากก๊วนเลี้ยงควายด้วยกันจะนำจอบติดมือไปนั่งคุ้ยหาเงินเหรียญบนกองปฏิกูลแห้งที่รถดูดส้วมมาปั๊มทิ้ง ผมเคยทำรายได้สูงสุดวันหนึ่งสี่บาท!! การแข่งขัน “หาเงิน” ในลักษณะนี้เปลี่ยนไป คือเปลี่ยนจากรอให้สิ่งปฏิกูลแห้งก่อนแล้วค่อยนำจอบไปคุ้ยหาเงิน มาเป็นใช้สวิงที่เป็นตาข่ายขนาดที่เหรียญเงินเล็ดลอดไปไม่ได้ไปยืนดักที่ปลายหัวปั๊มของรถดูดส้วมขณะปั๊มถ่ายสิ่งปฏิกูลทิ้งเลย สำหรับผมไม่ไหว ใช้จอบคุ้ยหาเหรียญอย่างเดียว
กลับไปเยี่ยมหมู่บ้านครั้งสุดท้าย พาลูกชายและลูกสาวไปยืนดูจุดที่เคยเป็นที่ทิ้งขยะ(ซึ่งตอนนี้ถูกปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะไปแล้ว)บอกว่าพ่อเคยมานั่งคุ้ยขรี้แห้งหาเศษเงินที่ตรงนี้นะ พวกเขายี้ปากกันใหญ่ 55555 การต่อสู้ชีวิตคนเราก็เช่นนี้แล.....
ปล. มีครั้งหนึ่งเคยคิดอยากจะมีเงินใช้แบบ "ทางลัด" ตอนเด็กคนหนึ่งในหมู่บ้านจมน้ำตาย พ่อแม่นำไปทำพิธีฝังที่ป่าช้า ผมกับเพื่อนๆ ไปยืนดูเห็นเงินเหรียญบาทเต็มปากเด็กก่อนนำไปฝัง เพื่อนๆ มาปรึกษาว่า ตอนกลางคืนเรามาขุดโขมยเอาเงินเหรียญจากปากศพดีไหม? พวกเขามาปรึกษาผมเพราะว่าผมเป็นคนไม่กลัวผี ที่นาผมติดป่าช้า ผมจะนอนนาคนเดียวประจำ ตอนแรกผมก็เออๆ ออๆ ด้วย......แต่เปลี่ยนใจภายหลังเพราะรู้สึกผิด กลัวโดนจับได้ กลัวแม่เสียใจเพราะแม่ของเด็กที่ตายเป็นเพื่อนสนิทของแม่ เกือบหลงผิดทำบาปไปแล้ว!!
เล่าสู่กันฟังเฉยๆ นะครับ....ไม่ได้มีนัยยะอะไรทั้งนั้น เผื่อเพื่อนๆ สมาชิกบางท่านอาจจะไม่เคยได้ยินหรือได้ฟังการดิ้นรนอีกมุมมองๆ หนึ่ง
...กับอีกมุมของวิถีชีวิตไทย.../วัชรานนท์
นอกเหนือจากขยะทั่วๆ ไปแล้ว ยังมีขยะอีกประเภทหนึ่งที่คนรังเกียจและส่งกลิ่นฟุ้งไม่ขาด คือขยะจาก “รถดูดส้วม” ทางเทศบาลจะนำปฏิกูลจากส้วมต่างมาปั๊มทิ้งที่ท้ายหมู่บ้านผมเหมือนขยะทั่วๆ ไป ผมเห็นจนชินและคุ้นเคยกับกลิ่น ความจริงๆ กลิ่นและสีของมันก็ไม่ใช่สีและกลิ่นที่ออกมาจากท้องเราใหม่ๆ หรอก แต่เป็นกลิ่นที่ถูกหมักหมมมานานเป็นปีๆ สำหรับผมไม่น่ารังเกียจมากมาย(อาจจะเพราะเคยชิน) แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคือ ยังมีคนอุตส่าห์ไปหาขุดคุ้ยหา “ของมีค่า” จากสิ่งปฏิกูลที่มาจากท้องมนุษย์ด้วย !!
มีครอบครัวหนึ่งที่จะนำจอบไปขุดคุ้ยกองขยะจากรถดูดส้วมที่แห้งแล้ว ลูกชายของครอบครัวนี้เป็นเพื่อนกับผม ผมถามมันว่าเฮร้ย...แกไม่รังเกียจหรือไง? แล้วได้อะไรบ้างจากกองขรี้? มันว่าได้เงิน...เมื่อผมไม่เชื่อ มันก็พาผมไปดูเวลามันคุ้ย....ไม่ถึงชั่วโมงมันก็คุ้ยได้เงินเหรียญสลึง เหรียญบาท แม้สีจะดำคล้ำ....แต่นำมาขัดแปร๊บก็กลายเป็นเหรียญเงิน มันเล่าให้ฟังว่า เวลาคนไปนั่งส้วม(สมัยนั้นไม่มีชักโครก)แบบยองๆ กระเป๋ากางจะกลับหัว บางทีถ้าใครมีเงินเหรียญในกระเป๋ากางเกงเงินก็จะหล่นจากกระเป๋าลงโถส้วม เป็นใครๆ ก็ไม่กล้าล้วงโถส้วมไปเก็บเหรียญ เหรียญเงินก็ถูกล้างลงโถไปพร้อมกับสิ่งขับถ่าย รถดูดส้วม...จะตระเวณไปดูส้วมเป็นหลายๆ แห่งกว่าจะเต็มรถ หรือส้วมหนึ่งๆ กว่าจะเต็มก็ใช้เวลานาน คนที่ไปใช้ส้วมวันหนึ่งๆ กี่เที่ยว และเชื่อว่าเที่ยวหนึ่งๆ จะต้องมีใครสักคนทำเหรียญเงินหล่นในส้วม ฉะนั้น รับประกันได้ว่ากองปฏิกูลกองหนึ่งอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเหรียญเงินไม่ต่ำกว่าสิบบาท และถ้าโชคดี...อาจจะได้แหวนทอง หร้อสร้อยทองคำเหมือนที่แม่ของเพื่อนผมเคยได้มาแล้วก็ได้
จากนั้นไม่นาน....ผมกับเพื่อนๆ จากก๊วนเลี้ยงควายด้วยกันจะนำจอบติดมือไปนั่งคุ้ยหาเงินเหรียญบนกองปฏิกูลแห้งที่รถดูดส้วมมาปั๊มทิ้ง ผมเคยทำรายได้สูงสุดวันหนึ่งสี่บาท!! การแข่งขัน “หาเงิน” ในลักษณะนี้เปลี่ยนไป คือเปลี่ยนจากรอให้สิ่งปฏิกูลแห้งก่อนแล้วค่อยนำจอบไปคุ้ยหาเงิน มาเป็นใช้สวิงที่เป็นตาข่ายขนาดที่เหรียญเงินเล็ดลอดไปไม่ได้ไปยืนดักที่ปลายหัวปั๊มของรถดูดส้วมขณะปั๊มถ่ายสิ่งปฏิกูลทิ้งเลย สำหรับผมไม่ไหว ใช้จอบคุ้ยหาเหรียญอย่างเดียว
กลับไปเยี่ยมหมู่บ้านครั้งสุดท้าย พาลูกชายและลูกสาวไปยืนดูจุดที่เคยเป็นที่ทิ้งขยะ(ซึ่งตอนนี้ถูกปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะไปแล้ว)บอกว่าพ่อเคยมานั่งคุ้ยขรี้แห้งหาเศษเงินที่ตรงนี้นะ พวกเขายี้ปากกันใหญ่ 55555 การต่อสู้ชีวิตคนเราก็เช่นนี้แล.....
ปล. มีครั้งหนึ่งเคยคิดอยากจะมีเงินใช้แบบ "ทางลัด" ตอนเด็กคนหนึ่งในหมู่บ้านจมน้ำตาย พ่อแม่นำไปทำพิธีฝังที่ป่าช้า ผมกับเพื่อนๆ ไปยืนดูเห็นเงินเหรียญบาทเต็มปากเด็กก่อนนำไปฝัง เพื่อนๆ มาปรึกษาว่า ตอนกลางคืนเรามาขุดโขมยเอาเงินเหรียญจากปากศพดีไหม? พวกเขามาปรึกษาผมเพราะว่าผมเป็นคนไม่กลัวผี ที่นาผมติดป่าช้า ผมจะนอนนาคนเดียวประจำ ตอนแรกผมก็เออๆ ออๆ ด้วย......แต่เปลี่ยนใจภายหลังเพราะรู้สึกผิด กลัวโดนจับได้ กลัวแม่เสียใจเพราะแม่ของเด็กที่ตายเป็นเพื่อนสนิทของแม่ เกือบหลงผิดทำบาปไปแล้ว!!
เล่าสู่กันฟังเฉยๆ นะครับ....ไม่ได้มีนัยยะอะไรทั้งนั้น เผื่อเพื่อนๆ สมาชิกบางท่านอาจจะไม่เคยได้ยินหรือได้ฟังการดิ้นรนอีกมุมมองๆ หนึ่ง