เท่าที่สังเกตทีมไทยมักจะเสียแต้มจากลูกหยอดจากฝ่ายตรงข้ามของเราอยู่เสมอ ๆ และลูกวอลเล่ย์บอลก็มักจะตกอยู่ด้านหลังตัวบล็อกห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่ โดยที่ผู้เล่นในแดนหลังหรือลิบก็พุ่งมาช้อนลูกไม่ทัน
ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้านักกีฬาวอลเล่ย์บอลของไทยมีทักษะการเตะตะกร้อลอดบ่วง โดยเฉพาะการใช้เท้าตวัดลูกจากด้านหลังคล้ายลูกเตะหางแมงป่อง จะช่วยให้ตัวบล็อกสามารถเกี่ยวเท้าเซฟลูกหยอดที่ตกด้านหลังของตัวเองไม่ให้ตกพื้นได้มากขึ้น เท่ากับตัวบล็อกสามารถเพิ่มพื้นที่โซนรับของตัวเองขยายออกไปด้านหลังเท่ากับระยะความยาวของขาตัวบล็อกที่กางยื่นไปด้านหลัง
ดูจากคลิปสาธิตท่าเตะของตะกร้อลอดบ่วง เรียกว่า ลูกข้างหลัง หรือ ลูกพระราม (นาทีที่ 6.20 ในคลิป) หรือลูกตบหลัง (นาที 7.16) หรือลูกแทงส้นตรงหลัง (นาที 8.29) ซึ่งเป็นลูกที่เตะจากด้านหลังของตัวเองโดยผู้เตะมองไม่เห็นลูกขณะที่เตะ แต่อาศัยการกะระยะการตกของลูกแล้วใช้เท้าเตะให้ถูกลูก ซึ่งคล้ายกับลูกหยอดวอลเล่ย์บอลที่ตกด้านหลังของตัวบล็อก การเตะให้โดนลูกจึงต้องอาศัยทักษะความชำนาญในการกะระยะของตัวผู้เตะเอง บางลูกอาจต้องโน้มตัวไปข้างหน้าลงต่ำพร้อมกับเหยียดขายืดยาวออกไปด้านหลังมาก ๆ ในกรณีที่ลูกตกห่างตัวออกไป แล้วตวัดขาเกี่ยวให้โดนลูกวอลเล่ย์บอลกระดอนขึ้นมา ท่าเตะก็จะดูคล้ายกับแมงป่องตวัดหางชี้ขึ้นบน
ผมว่าถ้านักกีฬาวอลเล่ย์สาว ๆ ของไทยที่มีหน้าที่ช่วยบล็อกลูกจากฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะหน่อง เตย บีม และ บุ๋มบิ๋ม ฝึกเตะลูกแบบนี้บ่อย ๆ รับรองว่าในสถานการณ์จริงอาจจะได้ใช้ประโยชน์ในการเกี่ยวลูกหยอดลงด้านหลังจากฝ่ายตรงข้ามก็ได้
ทั้งนี้ ควรจะฝึกซ้อมการใช้ขาเกี่ยวลูกหยอดแบบนี้บ่อย ๆ ให้เกิดความชำนาญจนกลายเป็นสัญชาตญาณติดตัว รวมถึงการฝึกทักษะการใช้เท้าเกี่ยวลูกที่ลอยต่ำแต่อยู่ใกล้ตัวในตำแหน่งทิศทางต่าง ๆ กัน ซึ่งทำได้โดยการฝึกเดาะลูกวอลเล่ย์บอลด้วยเท้าทั้งสองข้างไม่ให้ลูกตกพื้นนั่นเอง แม้ว่าในสถานการณ์จริงจะมีโอกาสได้ใช้เท้าเล่นไม่ค่อยมากนักก็ตาม แต่ทักษะเหล่านี้อาจช่วยต่อชีวิตตัดสินผลแพ้ชนะในจังหวะสำคัญ ๆ ให้กับทีมก็ได้ใครจะไปรู้ และที่แน่ ๆ ได้ใช้เกี่ยวรับลูกหยอดจากฝ่ายตรงข้ามแน่ ๆ ฝึกไว้ไม่เสียหลาย หาเวลาว่างฝึกซ้อมเองคนเดียวต่างหากก็ได้ หรืออาจเชิญนักกีฬาตะกร้อลอดบ่วงมาช่วยแนะนำฝึกสอนการเตะที่ถูกต้องให้ก็ได้
วิธีแก้ปัญหาลูกหยอดจากฝ่ายตรงข้ามในกีฬาวอลเล่ย์บอล
ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้านักกีฬาวอลเล่ย์บอลของไทยมีทักษะการเตะตะกร้อลอดบ่วง โดยเฉพาะการใช้เท้าตวัดลูกจากด้านหลังคล้ายลูกเตะหางแมงป่อง จะช่วยให้ตัวบล็อกสามารถเกี่ยวเท้าเซฟลูกหยอดที่ตกด้านหลังของตัวเองไม่ให้ตกพื้นได้มากขึ้น เท่ากับตัวบล็อกสามารถเพิ่มพื้นที่โซนรับของตัวเองขยายออกไปด้านหลังเท่ากับระยะความยาวของขาตัวบล็อกที่กางยื่นไปด้านหลัง
ดูจากคลิปสาธิตท่าเตะของตะกร้อลอดบ่วง เรียกว่า ลูกข้างหลัง หรือ ลูกพระราม (นาทีที่ 6.20 ในคลิป) หรือลูกตบหลัง (นาที 7.16) หรือลูกแทงส้นตรงหลัง (นาที 8.29) ซึ่งเป็นลูกที่เตะจากด้านหลังของตัวเองโดยผู้เตะมองไม่เห็นลูกขณะที่เตะ แต่อาศัยการกะระยะการตกของลูกแล้วใช้เท้าเตะให้ถูกลูก ซึ่งคล้ายกับลูกหยอดวอลเล่ย์บอลที่ตกด้านหลังของตัวบล็อก การเตะให้โดนลูกจึงต้องอาศัยทักษะความชำนาญในการกะระยะของตัวผู้เตะเอง บางลูกอาจต้องโน้มตัวไปข้างหน้าลงต่ำพร้อมกับเหยียดขายืดยาวออกไปด้านหลังมาก ๆ ในกรณีที่ลูกตกห่างตัวออกไป แล้วตวัดขาเกี่ยวให้โดนลูกวอลเล่ย์บอลกระดอนขึ้นมา ท่าเตะก็จะดูคล้ายกับแมงป่องตวัดหางชี้ขึ้นบน
ผมว่าถ้านักกีฬาวอลเล่ย์สาว ๆ ของไทยที่มีหน้าที่ช่วยบล็อกลูกจากฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะหน่อง เตย บีม และ บุ๋มบิ๋ม ฝึกเตะลูกแบบนี้บ่อย ๆ รับรองว่าในสถานการณ์จริงอาจจะได้ใช้ประโยชน์ในการเกี่ยวลูกหยอดลงด้านหลังจากฝ่ายตรงข้ามก็ได้
ทั้งนี้ ควรจะฝึกซ้อมการใช้ขาเกี่ยวลูกหยอดแบบนี้บ่อย ๆ ให้เกิดความชำนาญจนกลายเป็นสัญชาตญาณติดตัว รวมถึงการฝึกทักษะการใช้เท้าเกี่ยวลูกที่ลอยต่ำแต่อยู่ใกล้ตัวในตำแหน่งทิศทางต่าง ๆ กัน ซึ่งทำได้โดยการฝึกเดาะลูกวอลเล่ย์บอลด้วยเท้าทั้งสองข้างไม่ให้ลูกตกพื้นนั่นเอง แม้ว่าในสถานการณ์จริงจะมีโอกาสได้ใช้เท้าเล่นไม่ค่อยมากนักก็ตาม แต่ทักษะเหล่านี้อาจช่วยต่อชีวิตตัดสินผลแพ้ชนะในจังหวะสำคัญ ๆ ให้กับทีมก็ได้ใครจะไปรู้ และที่แน่ ๆ ได้ใช้เกี่ยวรับลูกหยอดจากฝ่ายตรงข้ามแน่ ๆ ฝึกไว้ไม่เสียหลาย หาเวลาว่างฝึกซ้อมเองคนเดียวต่างหากก็ได้ หรืออาจเชิญนักกีฬาตะกร้อลอดบ่วงมาช่วยแนะนำฝึกสอนการเตะที่ถูกต้องให้ก็ได้