"เร่งมืออีกนพ พายุกำลังจะมาแล้ว" เสียงชายหนุ่มกำชับหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังใช้มือทั้งสองเคาะคลำไปตามผนัง
"อีกนิดหนึ่งพี่พล ผมคิดว่าเราใกล้จะพบแล้วครับ" นพฤทธิ์นายทหารหนุ่มรุ่นน้องตอบไปพลางคลำไปตามผนังหินของถ้ำอย่างเร่งรีบบ
หนานพล หรือ พันตรีพลเทพ สมิทธ์มนต์ นายทหารหนุ่มผู้แข็งแกร่ง เบื้องหน้าเป็นแชมป์ศิลปะการต่อสู้ไทยผสมผสานหลายแขนง เชี่ยวชาญการต่อสู้ด้วยมือเปล่าและอาวุธประเภทดาบบรรลุขั้นยอดยุทธ และเป็นหัวหน้าครูฝึกวิชาศิลปะการต่อสู้ในระดับการสังหารให้กับหน่วยรบพิเศษของกองทัพมานับสิบปี ยืนกำหนดจิตอยู่ด้านหลังร้อยเอกนพฤทธิ์ ตรีพละโลหะ เพื่อตรึงอำนาจอาคมห้อมล้อมคุ้มครองรุ่นน้องและบริวารรอบกายเอาไว้
ข้างนพฤทธิ์ยังมีหนุ่มฉรรกจ์อีกสองคนยืนถือเทียนสีแดงเล่มใหญ่ขนาดเท่าเทียนพรรษาขนาดย่อม คนขวาคือจ่าสิบเอกสิทธิเดช คนซ้ายคือจ่าสิบเอกชัยพร ลูกน้องขั้นเอกที่ทั้งเก่งกาจและเชื่อใจของพันตรีพลเทพ ตลอดทั่วลำเทียนจารอักขระขอมไว้ทั่ว แน่นอนว่าตลอดการกระทำของคนทั้งสี่นี้ หากเทียนสีแดงสองเล่มดับแสง...อาจเกิดเรื่องที่ยากจะคาดเดา
ตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทั้งสี่กำลังปฏิบัติภารกิจลับสุดยอดพร้อมนายพลเอกเทพขจร เรืองกฤตย ทั้งหมดมาตั้งแคมป์เล็กๆอยู่ข้างภูเขาลูกเล็กริมน้ำในพื้นที่เก็บน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งทางทิศตะวันตกของประเทศ ในขณะนี้นอกจากทั้งสี่ที่อยู่ภายในถ้ำเล็กๆในภูเขาแล้ว หน้าถ้ำมีโต๊ะเล็กๆตั้งเครื่องพลีคาวหวานพร้อมสุราขาว และชายผู้กำลังประนมมือสาธยายทิพย์มนต์ประสิทธิอยู่เบื้องหลังโต๊ะบวงสรวงนั้นคือนายพลเอกเทพขจร
เวลาที่ผ่านมากว่าเดือน ตั้งแต่เริ่มต้นภารกิจ กว่าทั้งหมดจะหาปากทางเข้าถ้ำที่ถูกต้อง จากถ้ำนับสิบในภูเขาหินปูนลูกเล็กๆแห่งนี้ เมื่อแน่ใจว่าพบทางที่ถูกต้องแล้ว ยังต้องใช้เวลาที่เหมาะสมในการแก้ไขกับดักโบราณหลายชนิดไปพร้อมกันด้วย จนถึงตอนนั้น ทั้งสี่คนกำลังอยู่เบื้องหน้าผนังหินที่มีการแกะสลักเป็นสันฐานคล้ายประตูขนาดประมาณ 4X5 เมตร
ภารกิจที่กำลังแข่งกับเวลาที่กำลังหมดไปอย่างช้าๆ เนื่องจากในบันทึกโบราณกำหนดไว้ว่า หากผ่านประตูนี้ไปได้ จะต้องให้ถึงอีกประตูหนึ่งก่อนเที่ยงคืนของวันนี้เท่านั้น ซึ่งวันนี้เป็นวันขึ้น 14 ค่ำ และในตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงหกชั่วโมงจะถึงเที่ยงคืน
"ผมคิดว่าเจอแล้วครับพี่พล ที่มือขวาของผมครับ"
"ดี ขอพี่ลองตรวจดูก่อน"
พันตรีพลเทพก้าวไปอยู่ข้างร้อยเอกนพฤทธิ์ พร้อมยกมือไปแตะผนังหินในจุดที่ร้อยเอกนพฤทธิ์เอามือขวาแตะชี้ไว้เบาๆ
"อืม ถูกต้อง นี่ล่ะ สลักที่สี่"
"นพ สิทธ ชัย ตอนนี้เวลาสำคัญมาถึงแล้ว เร่งสมาธิให้ถึงขีดสุด กลั้นหายใจภาวนามงกุฎพระพุทธเจ้า อย่าลืมเอาลิ้นดุนเพดานปากปิดกั้นทวารทั้งหมด ทุกอย่างห้ามพลาด ถ้าล้มเหลวคงรู้นะว่าแม้แต่วิญญานของพวกเราก็จะไม่ได้ออกไปจากที่นี่"
"ครับ!!ครับ!!ครับ!!" บริวารเอกทั้งสามของพันตรีพลเทพขานรับด้วยเสียงเข้มแข็งพร้อมเพรียงกัน เพื่อปลุกกำลังใจจองตนให้พร้อมกับภารกิจสำคัญในชั้นต่อไป
ความเชื่อใจกันของชายทั้งสี่ที่นอกเหนือไปจากการเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชากันแล้ว ยังเป็นศิษย์อาจารย์กันอีกด้วย ด้วยหลายครั้งที่ภารกิจของหน่วยลับสุดยอดนี้ เป็นภารกิจที่แทบจะไม่มีทางรอดชีวิตกลับมา พันตรีพลเทพ จึงได้คัดเลือกชายใต้บังคับบัญชาทั้งสามมาเป็นทหารคู่ใจ พร้อมถ่ายทอดสรรพเวทย์ที่เหมาะกับจริตพื้นฐานและหน่วยก้านของแต่ละคน แต่เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติภารกิจ พันตรีพลเทพ ได้ขอให้ลูกน้องทั้งสามเรียกขานตนด้วยคำว่า"พี่พล"เท่านั้น
หน่วยลับขนาดย่อมนี้ นอกจากสวัสดิการตามปกติของราชการแล้ว ยังได้รับการรับรองในทางลับให้ถือครอง "อาชญบัตร" กล่าวคือใบอนุญาตให้สังหารตามใบสั่งของหน่วยงานความมั่นคงสูงสุด แต่โดยปกติ หากรับภารกิจสังหาร การปฏิบัติงานของหน่วยนี้ก็หมดจรดไร้ร่องรอยที่จะไม่เหลือพยานหลักฐานให้สืบสวนอยู่แล้ว ใบอนุญาตดังกล่าวจึงเป็นเพียงนิตินัยในทางลับเพื่อให้สามารถลงมือได้อย่างไร้กังวลนั่นเอง
ทั้งยังมีสวัสดิการพิเศษเป็นบัญชีเงินสดและที่ดินให้อยู่อาศัยและทำกินอย่างมั่นคงรวมกันแล้วเป็นมูลค่าหลายร้อยล้าน และตำแหน่งราชการสืบทอดให้ลูกหลาน โดยกองทัพให้คำมั่นว่า หากผู้ใดในหน่วยนี้ได้ถูกแทงจำหน่ายไปในระหว่างปฏิบัติภารกิจ ครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังจะอยู่อย่างสุขสบาย
ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดที่ว่ามานี้เอง ขวัญกำลังใจของหน่วยลับนี้จึงดีเยี่ยมถึงขีดสุด!!!
"จตุรอาชา" คือนามเรียกขานของหน่วยพิเศษในชั้นความลับขั้นสุดยอดหน่วยนี้
พระแสงจอมนาง ตอนที่ 4 "ผนึกศาสตรา 1" by สมัญตาชีวบุตร
"เร่งมืออีกนพ พายุกำลังจะมาแล้ว" เสียงชายหนุ่มกำชับหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังใช้มือทั้งสองเคาะคลำไปตามผนัง
"อีกนิดหนึ่งพี่พล ผมคิดว่าเราใกล้จะพบแล้วครับ" นพฤทธิ์นายทหารหนุ่มรุ่นน้องตอบไปพลางคลำไปตามผนังหินของถ้ำอย่างเร่งรีบบ
หนานพล หรือ พันตรีพลเทพ สมิทธ์มนต์ นายทหารหนุ่มผู้แข็งแกร่ง เบื้องหน้าเป็นแชมป์ศิลปะการต่อสู้ไทยผสมผสานหลายแขนง เชี่ยวชาญการต่อสู้ด้วยมือเปล่าและอาวุธประเภทดาบบรรลุขั้นยอดยุทธ และเป็นหัวหน้าครูฝึกวิชาศิลปะการต่อสู้ในระดับการสังหารให้กับหน่วยรบพิเศษของกองทัพมานับสิบปี ยืนกำหนดจิตอยู่ด้านหลังร้อยเอกนพฤทธิ์ ตรีพละโลหะ เพื่อตรึงอำนาจอาคมห้อมล้อมคุ้มครองรุ่นน้องและบริวารรอบกายเอาไว้
ข้างนพฤทธิ์ยังมีหนุ่มฉรรกจ์อีกสองคนยืนถือเทียนสีแดงเล่มใหญ่ขนาดเท่าเทียนพรรษาขนาดย่อม คนขวาคือจ่าสิบเอกสิทธิเดช คนซ้ายคือจ่าสิบเอกชัยพร ลูกน้องขั้นเอกที่ทั้งเก่งกาจและเชื่อใจของพันตรีพลเทพ ตลอดทั่วลำเทียนจารอักขระขอมไว้ทั่ว แน่นอนว่าตลอดการกระทำของคนทั้งสี่นี้ หากเทียนสีแดงสองเล่มดับแสง...อาจเกิดเรื่องที่ยากจะคาดเดา
ตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทั้งสี่กำลังปฏิบัติภารกิจลับสุดยอดพร้อมนายพลเอกเทพขจร เรืองกฤตย ทั้งหมดมาตั้งแคมป์เล็กๆอยู่ข้างภูเขาลูกเล็กริมน้ำในพื้นที่เก็บน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งทางทิศตะวันตกของประเทศ ในขณะนี้นอกจากทั้งสี่ที่อยู่ภายในถ้ำเล็กๆในภูเขาแล้ว หน้าถ้ำมีโต๊ะเล็กๆตั้งเครื่องพลีคาวหวานพร้อมสุราขาว และชายผู้กำลังประนมมือสาธยายทิพย์มนต์ประสิทธิอยู่เบื้องหลังโต๊ะบวงสรวงนั้นคือนายพลเอกเทพขจร
เวลาที่ผ่านมากว่าเดือน ตั้งแต่เริ่มต้นภารกิจ กว่าทั้งหมดจะหาปากทางเข้าถ้ำที่ถูกต้อง จากถ้ำนับสิบในภูเขาหินปูนลูกเล็กๆแห่งนี้ เมื่อแน่ใจว่าพบทางที่ถูกต้องแล้ว ยังต้องใช้เวลาที่เหมาะสมในการแก้ไขกับดักโบราณหลายชนิดไปพร้อมกันด้วย จนถึงตอนนั้น ทั้งสี่คนกำลังอยู่เบื้องหน้าผนังหินที่มีการแกะสลักเป็นสันฐานคล้ายประตูขนาดประมาณ 4X5 เมตร
ภารกิจที่กำลังแข่งกับเวลาที่กำลังหมดไปอย่างช้าๆ เนื่องจากในบันทึกโบราณกำหนดไว้ว่า หากผ่านประตูนี้ไปได้ จะต้องให้ถึงอีกประตูหนึ่งก่อนเที่ยงคืนของวันนี้เท่านั้น ซึ่งวันนี้เป็นวันขึ้น 14 ค่ำ และในตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงหกชั่วโมงจะถึงเที่ยงคืน
"ผมคิดว่าเจอแล้วครับพี่พล ที่มือขวาของผมครับ"
"ดี ขอพี่ลองตรวจดูก่อน"
พันตรีพลเทพก้าวไปอยู่ข้างร้อยเอกนพฤทธิ์ พร้อมยกมือไปแตะผนังหินในจุดที่ร้อยเอกนพฤทธิ์เอามือขวาแตะชี้ไว้เบาๆ
"อืม ถูกต้อง นี่ล่ะ สลักที่สี่"
"นพ สิทธ ชัย ตอนนี้เวลาสำคัญมาถึงแล้ว เร่งสมาธิให้ถึงขีดสุด กลั้นหายใจภาวนามงกุฎพระพุทธเจ้า อย่าลืมเอาลิ้นดุนเพดานปากปิดกั้นทวารทั้งหมด ทุกอย่างห้ามพลาด ถ้าล้มเหลวคงรู้นะว่าแม้แต่วิญญานของพวกเราก็จะไม่ได้ออกไปจากที่นี่"
"ครับ!!ครับ!!ครับ!!" บริวารเอกทั้งสามของพันตรีพลเทพขานรับด้วยเสียงเข้มแข็งพร้อมเพรียงกัน เพื่อปลุกกำลังใจจองตนให้พร้อมกับภารกิจสำคัญในชั้นต่อไป
ความเชื่อใจกันของชายทั้งสี่ที่นอกเหนือไปจากการเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชากันแล้ว ยังเป็นศิษย์อาจารย์กันอีกด้วย ด้วยหลายครั้งที่ภารกิจของหน่วยลับสุดยอดนี้ เป็นภารกิจที่แทบจะไม่มีทางรอดชีวิตกลับมา พันตรีพลเทพ จึงได้คัดเลือกชายใต้บังคับบัญชาทั้งสามมาเป็นทหารคู่ใจ พร้อมถ่ายทอดสรรพเวทย์ที่เหมาะกับจริตพื้นฐานและหน่วยก้านของแต่ละคน แต่เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติภารกิจ พันตรีพลเทพ ได้ขอให้ลูกน้องทั้งสามเรียกขานตนด้วยคำว่า"พี่พล"เท่านั้น
หน่วยลับขนาดย่อมนี้ นอกจากสวัสดิการตามปกติของราชการแล้ว ยังได้รับการรับรองในทางลับให้ถือครอง "อาชญบัตร" กล่าวคือใบอนุญาตให้สังหารตามใบสั่งของหน่วยงานความมั่นคงสูงสุด แต่โดยปกติ หากรับภารกิจสังหาร การปฏิบัติงานของหน่วยนี้ก็หมดจรดไร้ร่องรอยที่จะไม่เหลือพยานหลักฐานให้สืบสวนอยู่แล้ว ใบอนุญาตดังกล่าวจึงเป็นเพียงนิตินัยในทางลับเพื่อให้สามารถลงมือได้อย่างไร้กังวลนั่นเอง
ทั้งยังมีสวัสดิการพิเศษเป็นบัญชีเงินสดและที่ดินให้อยู่อาศัยและทำกินอย่างมั่นคงรวมกันแล้วเป็นมูลค่าหลายร้อยล้าน และตำแหน่งราชการสืบทอดให้ลูกหลาน โดยกองทัพให้คำมั่นว่า หากผู้ใดในหน่วยนี้ได้ถูกแทงจำหน่ายไปในระหว่างปฏิบัติภารกิจ ครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังจะอยู่อย่างสุขสบาย
ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดที่ว่ามานี้เอง ขวัญกำลังใจของหน่วยลับนี้จึงดีเยี่ยมถึงขีดสุด!!!
"จตุรอาชา" คือนามเรียกขานของหน่วยพิเศษในชั้นความลับขั้นสุดยอดหน่วยนี้