[CR] รีวิวการทำ iLasik จากคลินิคดังกลางย่านสีลม

เราทำเลสิคมาได้สามปีแล้ว ตอนนั้นตัดสินใจทำเพราะเราแพ้คอนแท็คเลนส์รุนแรงมาก คันตาตลอดเวลาจนนอนไม่หลับเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่รักษาความสะอาดอย่างดีมาก ใช้น้ำยาล้างที่มีฟองฟู่ (แพงที่สุด ตอนนี้เลิกผลิตไปแล้ว) เปลี่ยนคอนแท็คทุกเดือนแล้วก็ล้างมืออย่างดีก่อนจับคอนแท็กทุกครั้ง แต่ก็ยังแพ้ แล้วก็ไม่ชอบใส่แว่นเลย ถ้ารวยมากคงเลือกใส่คอนแท็กรายวันไปแล้ว

ก็มีคนถามว่าทำไมไม่ใส่แว่น เพราะเราหนักอ่ะค่ะ แล้วก็รำคาญด้วย เวลาไปวิ่งที่สวนก็ใส่ไปไม่ได้ หรือว่ายน้ำทีก็ต้องหาแว่นตาว่ายน้ำที่มีเลนส์พิเศษซึ่งหายากและแพง แล้วก็เคยมีประสบการณ์ทำแว่นตกแตกหลายครั้งมากเวลาก้ม เพราะแว่นไม่ค่อยเกาะหูเท่าไหร่ ฯลฯ สรุปคือไม่ใช่มนุษย์ที่ถูกกับแว่นเลย

พอเก็บเงินได้แสนนึงก็เลยตัดสินใจ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ต้องรีบทำเลสิคละ ก่อนที่ดวงตาจะแย่ไปกว่านี้ เพราะตอนนั้นเราสั้นประมาณ 600 กว่าแล้ว ถ้ามันสั้นเกินไปจะทำเลสิคไม่ได้น่ะ

ก็ดูรีวิวหลาย ๆ ที่ เห็นราคาหลากหลาย แต่เราเลือกทำที่คลินิคกลางสีลมแห่งหนึ่ง เพราะเขามีเครื่องยิงเลเซอร์ แล้วไม่ต้องรอคิวเป็นปีเหมือนโรงพยาบาล จ่ายแพงหน่อยก็ไม่เป็นไรเพราะเราอยากได้คุณภาพดี ๆ (ลองอ่านรีวิวพันทิบ บางทีไปทำที่ถูก ๆ แล้วไม่หายสั้นก็มี เสียเงินแถมเสียตาอีก)
ตอนไปติดต่อที่คลินิคว่าจะทำ เจ้าหน้าที่ก็แนะนำการปฏิบัติตัวว่าเราต้องงดใส่คอนแท็ค 7 วัน แล้วถึงจะมาตรวจตาได้ว่าทำได้หรือเปล่า
พอครบเจ็ดวันเราก็กลับมาตรวจตา เขาให้ตรวจหลายอย่างมาก วัดสายตาธรรมดา วัดความชื้นของตา วัดความดันของน้ำในตา ฯลฯ คือละเอียดสุด ๆ แล้วสุดท้ายก็ให้คุยกับคุณหมอ

คุณหมอบอกว่าเราทำเลสิคได้ค่ะ แล้วก็ให้เลือกแพ็คเกจว่าจะทำแบบไหน แบบถูกคือใช้ใบมีด หรือแบบแพงคือใช้เลเซอร์ (น่าจะเรียกว่า iLasik หรืออะไรทำนองนั้น)

แน่นอนว่าเราเลือกแบบแพง เพราะเรากลัวใบมีด

แล้วก็กลับบ้านไป นัดมาทำวันหลัง ตอนนั้นเราตรวจก่อนไปไต้หวัน พอไปไต้หวันสี่เดือนถึงกลับมาทำเลสิค พอกลับมาก็ตรวจใหม่ ปรากฏว่าสายตาอะไรยังเท่าเดิม พอถึงวันก็ไปทำเลย (ก่อนทำก็งดคอนแท็ค งดเล่นน้ำเหมือนเดิมอ่ะ)

ก่อนไปทำเขาจะหยอดยาชาใส่ตาเราก่อน แล้วก็ให้นอนดูวีดีโอให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเลสิค มีรูปมีอะไรด้วย น่ากลัวโคตร (ฮือ ๆ ๆ เปลี่ยนใจก็ไม่ทันแล้วใช่ม้ายยย) พอผ่านไปประมาณสิบหรือยี่สิบนาที ยาชาน่าจะออกฤทธิ์ พนักงานก็พาเราไปเข้าห้องเลเซอร์ แล้วให้ขึ้นนอนบนเตียงเหมือนเตียงทำฟันอ่ะ มีใบพัดใหญ่ ๆ ที่เหมือน Reflect ถ่ายรูป แล้วก็เครื่องยิงเลเซอร์

คุณหมอก็ชวนเราคุยโน่นนี่ คงรู้ว่าเรากลัว เราก็กลัวจริง ๆ ละ กลัวมากกกกก จริง ๆ เป็นคนกลัวการศัลยกรรมทุกชนิด อะไรที่มายุ่งกับร่างกายนี่กลัวหมด! อันนี้ก็ตั้งใจมาทำเพราะทนอาการคันตาแพ้คอนแท็กไม่ไหวแล้ว

ขึ้นเตียงไปหมอก็เซ็ทเครื่อง ได้ยินเสียงติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด คุณหมอก็คุยกันว่ายิงจุดนั้น จุดนี้ เหมือนจะเป็นจุดบนตา เขาจะช่วยลบพวกรอยบาดบนดวงตาได้ด้วย (เวลาเราขยี้ตามันจะทำให้กระจกตาบาด แล้วทำให้เป็นจุดลอย ๆ อยู่เวลาเรามองกำแพงว่าง พวกนั้นก็ต้องลบให้หมด เขาถึงไม่ให้ขยี้ตาไง)
ยิงประมาณสิบครั้งต่อข้าง ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที ตอนที่ยิงนี่เราลืมตานะ แต่มองไม่เห็นอะไรเลย มันจะเป็นแดง ๆ เหลือง ๆ เหมือนเรามองผ้าใบสีเหลืองอยู่ ตรงนั้นคือแสงที่เราจ้อง คุณหมอบอกให้เราจ้องแสงไว้ห้ามละสายตา จะกระพริบตาก็ไม่ได้เพราะเขามีเครื่องจับเปลือกตาไม่ให้เรากระพริบตา ไม่เจ็บเลยค่ะ ไม่รู้สึกอะไรเลยความจริง

พอเสร็จปั๊ปคุณหมอก็เอาที่ครอบตามาให้เราใส่ ตอนทำเสร็จคือต้องปิดตาไว้ก่อนสักพัก แล้วเราก็ถูกพาไปที่ห้องคุณหมอ คุณแม่ก็มาฟังด้วย (เวลาไปทำเลสิคต้องพาญาติหรือคนสนิทไปด้วยนะเออ) คุณหมอให้เราหลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์สักสามอาทิตย์ ช่วงนี้ก็ต้องใส่แว่นกันแดดที่บังตาทั้งหมดได้ไปก่อน ตอนนอนก็ต้องใส่ที่ครอบตาเพื่อป้องกันไม่ให้เราละเมอขยี้ตา ไม่อย่างนั้นจะอันตราย

หลังจากนั้นเราก็ใส่แว่นสามอาทิตย์จ้าา ใครเจอเราช่วงนั้นก็แบบทำไมต้องใส่แว่นกันแดดวะ แต่ก็ดีนะไม่ต้องแต่งหน้าก็สวยได้ เพราะบังไปครึ่งหน้า ๕๕๕๕

พอเปิดตาได้นะ หืออออ สบายมากกกก ไม่ต้องพกกล่องแว่นและตลับคอนแท็กอีกต่อไป!! โอ้ยย ไม่เคยสัมผัสความสบายแบบนี้มานานแล้ว เพราะเราใส่แว่นตั้งแต่ป. ๖ ก็เลยต้องพกกล่องแว่นตลอด พอเข้าปี ๑ ก็ต้องพกตลับคอนแท็กกับน้ำยาคอนแท็ก เดินทางไปไหนไกล ๆ ทีก็ต้องพกตลับคอนแท็ก น้ำยาล้างเลนส์ แว่นตา ถ้าลืมนี่ชีวิตจะลำบากมาก แล้วก็เที่ยวไม่สนุก (ปีหลังๆ เราไปเที่ยวทีก็จะใช้คอนแท็กเลนส์รายวัน สบายชีวิตมาก)

หลังจากทำคือไม่ต้องพกอะไรเลย ตัวปลิววว เราก็เห็นโลกชัดขึ้นแบบตาเด็ก! มันคือความสุข

แต่เราก็จะระวังสายตามาก คือถ้าเราใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคเราต้องติดฟิล์มกันแสงสีฟ้าตลอดทุกเครื่อง ทั้งมือถือ ไอแพด คอมบริษัท คอมส่วนตัว ฯลฯ สีเพี้ยนไปหน่อยเราก็ยอมเพื่อดวงตาของเรา

ผ่านมาสามปีก็ยังสายตาปกติดีอยู่นะ แต่เราจะระวังมากคือไม่อ่านหนังสือในที่มืด แล้วก็ไม่เล่นมือถือในที่มืด (ถ้าต้องมองก็จะลดแสงให้น้อยที่สุดแล้วก็ไม่จ้องนาน ทำจนเป็นนิสัยไปแล้ว) เพราะฉะนั้นเวลานั่งรถตอนกลางคืนเราจะเซ็งมาก เพราะทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากฟังเพลงหรือออดิโอบุ๊ค หรือนอน
อันที่จริงก็มีบางทีนะที่ลืมตามาแล้วมันไม่ชัด เหมือนกระจกตามันเลื่อน (แผลที่ทำเลสิกจะไม่มีวันสมาน อ่านมาจากบทความอะไรนี่แหล่ะ เขาเลยให้ระวังดวงตามาก) แต่มันเลื่อนไปแล้วก็จะกลับคืนที่เดิม อันที่จริงตอนมันเลื่อนครั้งแรกนี่โคตรกลัว กลัวมันจะไม่ชัดแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่พอกระพริบตาไปเรื่อย ๆ มันก็กลับมาชัดอีก แล้วก็ตาจะเซนสิทีฟกับแสงมาก เราต้องเปิดแสงน้อยตลอดอ่ะมือถือและไอแพด

สิ่งที่เราจะทำไม่ได้อีกต่อไปคือการใส่คอนแท็กเลนส์ คอนแท็กสีหรืออะไรก็ตามจะใส่ไม่ได้อีก เพราะความโค้งกระจกตามันเปลี่ยนไปแล้ว แถมยังมีแผลที่กระจกตาอีก คือถ้ากลับมาสั้นอีกครั้งก็ต้องใส่แว่นอย่างเดียว หรือไม่ก็ไปทำเลสิคซ้ำ แต่การจะทำซ้ำก็ต้องตรวจอีก เพราะบางคนทำได้บางคนทำไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าครั้งแรกตัดความโค้งกระจกตาไปเท่าไหร่

ส่วนเรื่องตาแห้งเราไม่ค่อยเป็นนะ เราไม่ค่อยหยอดน้ำตาเทียมด้วยเพราะหยอดไม่ค่อยเข้า ๕๕๕๕ แต่หยอดได้ เราจะใช้แบบหลอดใช้แล้วทิ้งอ่ะ เพราะมันสะอาดที่สุด ตาเรามีคู่เดียวเสียแล้วเสียเลย มันคุ้มค่ากับการลงทุนอยู่แล้ว อะไรที่เป็นร่างกายของเราอ่ะ

ราคาที่ทำไปอยู่ที่ 79,000 THB (ได้ส่วนลดอะไรนี่แหล่ะตอนนั้น) ส่วนชื่อคลินิคกับชื่อหมอจำไม่ได้แล้ว แต่ให้พาไปไปถูกนะ (เราเป็นคนแม่นเรื่องเส้นทางแต่อย่ามาถามเรื่องรายละเอียดชื่อคนหรือจำนวนเงิน ไม่เคยจำ รกสมอง อยากจำก็จดเอา)

ความพอใจบอกเลยว่า 9/10 หักเพราะแพงแล้วก็ที่บางครั้งกระจกตาเลื่อน

ใครอยากทำก็ให้สำรวจตัวเองนะ ว่าสายตาสั้นพอหรือเปล่า นิ่งหรือยัง ถ้ายังสั้นไม่ถึงขั้นก็อย่าไปทำ แต่ถ้าสั้นไปก็ทำไม่ได้นะ (เกิน 700-800 นี่หมอจะเริ่มไม่แนะนำแล้ว) แล้วมันก็ต้องแลกกับการที่ยูจะใส่คอนแท็กไม่ได้อีก ถ้าอยากใส่คอนแท็กสีแฟชั่นอะไรงี้มันอันตรายนะหลังจากที่ทำเลสิคไปแล้ว ดีไม่ดีใส่ไม่ได้ด้วยเพราะใส่แล้วมันก็จะเด้งหลุด มันไม่เกาะตาเหมือนสมัยก่อนทำเพราะความโค้งมันผิดไปจากมนุษย์มนาเค้าแล้ว

ใครอยากปรึกษาทักมาได้เลย เรายินดีให้คำแนะนำ ไม่แนะนำให้ไปทำหมอตาทั่วไปนะ เราคิดว่าเรื่องนี้มันต้องการผู้เชี่ยวชาญอ่ะ หาหมอที่เฉพาะทางไปเลยดีกว่า อย่าหาที่ทำซี๊ซั๊วหวังราคาถูก เกิดทำมาแล้วยังสั้นเหมือนเดิมนี่ชีวิตแย่เลยนะ แทนที่จะดีขึ้นกลับกลายเป็นว่าต้องใส่แว่นไปตลอดชีวิต มันไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป จะไปฟ้องอะไรใครก็ไม่ได้ด้วย

ขอบคุณที่อ่านจนจบจ้า
ชื่อสินค้า:   iLasik
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่