....มาทำความรู้จัก "โรงเรียนพระปริยัติธรรม" สักนิด..../วัชรานนท์

กระทู้คำถาม
รู้สึกสังหรณ์ใจอยู่ลึกๆ ว่า  ในระยะอันใกล้นี้อาจจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาของพระเณร.  จึงถือโอกาสนี้แนะนำให้รู้จัก “โรงเรียนพระปริยัติธรรม” แบบคร่าวๆ ดังนี้:-

หลายท่านอาจจะพึ่งเคยผ่านตาและไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถาบันศึกษาที่เรียกว่า “โรงเรียนพระปริยัติธรรม” นัก.....แต่ถ้าพูดถึง “มหาวิทยาลัยสงฆ์” หลายท่านอาจจะคุ้นหูคุ้นตามาบ้าง  อย่างเช่น มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มหานิกาย)และมหามกุฏราชวิทยาลัย(ธรรมยุติ)  ก่อนอื่น  ควรต้องรับทราบว่า  การมีมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งนั้นนั้น  เป็นพระราชประสงค์ของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ที่อยากจะให้ให้พระเณรได้เล่าเรียนศึกษาให้ทันทางโลก  เพื่อปรับการสั่งสอนและปฏิบัติให้เข้ากับยุคสมัย   พระองค์ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการสร้าง  และทรงประทานพระนามของพระองค์ให้เป็นชื่อของมหาวิทยาลัย “มหาจุฬาลงการราชวิทยาลัย" (มหาวิทยาลัยสงฆ์) หรือชื่อย่อ “มจร.”  อย่าสับสนกับ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ของทางโลกนะครับ    เมื่อมีมหาวิทยาลัยสงฆ์แล้ว  ก็ต้องมีระดับเตรียมอุดมเพื่อป้อนให้พระและสามเณรเข้าเป็นนิสิต   และโรงเรียนระดับเตรียมอุดมและก่อนเตรียมสำหรับพระเณรนั่นแหละครับเรียกว่า “โรงเรียนพระปริยัติธรรม สายสามัญ”  คล้ายๆ กับมัธยมทั่วๆ ไปในเชิงโครงสร้าง(แต่แตกต่างมากพอสมควรในเชิงปฏิบัติ)



โรงเรียนพระปริยัติเป็น “ความหวัง” ของกุลบุตรที่ขาดโอกาสด้านการศึกษา   แม้ภาครัฐจะมีนโยบาย “เรียนฟรี” ไปถึงระดับมัธยมแล้วก็ตาม   แต่สำหรับครอบครัวที่ยากจนที่ไม่อาจรับค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ไหว   การให้ลูกบวชเรียนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก   บางท่านอาจจะมองว่าการ “บวชเรียน” เรียนในโรงเรียนพระปริยัติเป็นการเอาเปรียบในเชิงว่าบ้านก็ไม่ได้เช่า ข้าวก็ไม่ได้ซื้อ.....ถ้ามองในลักษณะนี้ก็เห็นจะเป็นจริง    แต่ยังมีอีกหลากหลายมิติที่ควรมองและทำความเข้าใจด้วย    ในภาพรวมหลักๆ แล้ว.....โรงเรียนพระปริยัติธรรมได้ผลิตในการพัฒนาคุณภาพประชากรมาอย่างมากมาย   และอีกทางหนึ่งก็แก้ปัญหาประชากรด้อยโอกาสทางการศึกษาของชาติ   พระสงฆ์สามเณรเหล่านั้น  เมื่ออยู่ในสมณเพศต่อไปก็ถือเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนพระพุทธศาสนา    หรือเมื่อสึกออกมา  ส่วนใหญ่ก็เป็นประชากรที่ดีของชาติเป็นหรือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ สังคม และการศึกษา  เช่น ท่านอาจารย์จำนงค์ ทองประเสริฐ   ท่านเสฐียรพงษ์ วรรณปก ปิ๋น มุฑุกัณฑ์ ธนิต อยู่โพธิ์ ฯลฯ



ภาพพระเณรสะพายย่ามไปเรียนหนังสืออาจจะสร้างทัศนะคติได้สองหรือสามทาง   บางคนเห็นแล้วก็พลอยยินดีกับท่าน  บางท่านเห็นแล้วก็นึกครหาว่าเอาเปรียบสังคม  บางคนเห็นแล้วก็วางอุเบกขาคือเฉยๆ.....แต่ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่เคยเห็นภาพเบื้องหลังการสะพายย่ามไปเรียนหนังสือของพระหนุ่มสามเณรน้อยเหล่านั้น   ซึ่งไม่ใช่ว่าพระเณรทุกรูปจะมีโอกาสเช่นนั้น  บางรูปต้องฝ่าฟันอุปสรรคและเงื่อนไขมากมาย  เช่นวัดบางวัดมีนโยบายไม่ให้พระเณรเรียนปริยัติสายสามัญโดยเด็ดขาด!(ตั้งนโยบายไว้เพื่อเอาใจพระผู้ใหญ่และเพื่อไม่ให้กระทบตำแหน่งสังฆาธิการของตน)   การอยู่ในบรรยากาศอย่างนั้น  ก็มีพระเณรลูกวัดบางรูปที่ใฝ่เรียน  ต้องยอมฝืนกฏ  อาศัยโยนหนังสือเรียนข้ามกำแพงวัด  สะพายย่ามเปล่าออกจากวัดแล้วย้อนไปเก็บเอาหนังสือเรียน  หรือให้ลูกศิษย์วัดนำหนังสือไปดักรอที่ป้ายรถเมล์  มีหลากหลายวิธีที่ต้องหลีกเลี่ยง   ถ้าโดนจับได้ก็อาจจะถูกไล่ออกจากวัดหรือสั่งให้หยุดเรียน    ผมมีเพื่อนสามเณรรูปหนึ่งจากครอบครัวยากจนที่สุรินทร์  ตระเวณอาศัยไปนอนตามวัดนู่นวัดนี้ไปเรื่อยจนเรียนจบปริยัติสายสามัญ  แล้วไปเรียนเนติที่รามต่อ   ตอนนี้เป็นทนายความที่บ้านเกิด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่