เรื่องนี้หนูไม่กล้าพูดกับพ่อแม่และก็น้องชายค่ะ น้องหนูอารมณ์ร้อนไม่ค่อยเห็นหัวใครสามารถหลุดปากด่าออกมาได้ง่ายๆ
ส่วนพ่อแม่หนูไม่อยากให้ต้องกังวล
หนูมีญาติฝ่ายพ่อครอบครัวหนึ่งที่ลูกสาวคนรองอายุเท่าหนูค่ะ หนูกับลูกสาวคนรองของเขาเติบโตมาด้วยกัน บ้านติดกัน
เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลแต่ถูกจับแยกห้องโดยแม่ของเขาที่เป็นครูเพราะกลัวว่าพวกเราจะเอาแต่คุยแต่เล่นกัน
จะขอเรียกลูกสาวคนรองว่า b นะคะ หนูขออธิบายการถูกนำมาเปรียบเทียบกันระหว่างเราสองคนตั้งแต่เด็กดังนี้
-สมัยอนุบาลหนูเรียนดีกว่าอ่านหนังสือออกเร็วกว่าแต่bขยันทำงานบ้านมากกว่า ครอบครับของbไม่เคยพูดถึงการเรียน
แต่มักจะเรียกหนูว่าเด็กขี้เกียจ ไม่รู้จักช่วยพ่อแม่
-สมัยประถมต้นหนูเรียนดีกว่า ครอบครัวของbไม่เคยพูดถึงการเรียนแต่มักตำหนิเรื่องที่หนูไม่สนใจทำงานบ้าน
(ยอมรับค่ะว่าเป็นเด็กขี้เกียจ) พอช่วงประถมปลายbเกรดดีกว่า หนูเริ่มถูกตำหนิบ้างว่าเอาแต่อ่านหนังสืออื่นที่ไม่ใช่หนังสือเรียน
(ช่วงนั้นหนูชอบอ่านวรรณคดี วรรณกรรม ประวัติศาสตร์และจิตวิทยาศึกษาค่ะ หนูว่ามันน่าสนใจกว่าหนังสือเรียนเป็นไหนๆ)
-สมัยมอต้นหนูได้เกรดมากกว่าb ครอบครัวของbไม่เคยพูดเรื่องเกรดหรือตำหนิหนูเรื่องการเรียน
-สมัยมอปลายหนูกับbเรียนคนละสาย หนูได้เกรดมากกว่าb ครอบครัวของbไม่เคยพูดเรื่องเกรดเช่นกัน
ช่วงมอปลายหนูจะเป็นตัวแทนไปแข่งขันด้านวิชาการของโรงเรียนบ่อยครั้ง ได้ที่หนึ่งบ้าง สองบ้าง สามบ้าง
ต่ำสุดก็คือผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศแต่ไม่ติดหนึ่งในสาม
-ปัจจุบัน คือ สมัยมหาลัยหนูเรียนทางสังคมในมหาวิทยาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงด้านการเมืองวิทยาเขตต่างจังหวัดทางภาคเหนือ
ส่วนbเรียนบริหารที่มหาลัยริมทะเลวิทยาเขตทางภาคอีสาน หนูไม่ค่อยพอใจกับคณะของตัวเองเท่าไหร่
เพราะหนูอยากเรียนบรรณารักษ์มากกว่าจะได้อยู่กับหนังสือไปตลอดชีวิต หนูเลยเรียนแบบเอาให้พอผ่านให้ได้ปริญญา
ที่พ่อแม่อยากได้ก็พอ ส่วนbติดคณะที่ตัวเองคาดหวัง เทอมแรกของปีหนึ่งหนูได้เกรดต่ำกว่าbประมาณ0.1
แม่ของbก็ถามหนูเรื่องคณะที่หนูเรียน ถามนั่นนู่นนี่ก่อนตบท้ายว่าได้เกรดเท่าไหร่ พอเขารู้ว่าเกรดหนูต่ำกว่าเขาก็กล่าว
ชมเชยลูกตัวเองอยู่หลายประโยค ก่อนจะโยคคำพูดประมาณว่า ‘เอาแต่สนใจเที่ยวไม่สนใจเรียน’ ‘เรียนเก่งจริงก็เอาให้ได้4สิ’
‘bเค้าไม่เคยไปเที่ยวไหนเลย เรียนกทุกวัน’ ‘bอ่านหนังสือจนดึกไม่ว่างไปที่ไหนเหมือนบางคน’ ใส่หัวหนู
เทอมถัดมาbได้เกรด3.9 หนูยินดีและพอใจในเกรดของb เพราะสำหรับหนูแล้วบางครั้งbเป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆที่ต้องให้สอน
แต่หลังจากเกรดของbออกและหนูเหยียบถึงบ้าน สารพัดการเสียดสี แซะ เกทับ เปรียบเทียบ จากทางบ้านb
ก็ลอยมาโปะบนหัวหนูอีกครั้ง ประโยคเดิมๆที่เคยได้ยินตอนเกรดเทอมแรกออกกลับมาอีก คราวนี้ไม่ใช่แค่แม่ของb
แต่มีพ่อของbด้วยอีกคน แม้แต่ย่าที่ไม่เคยพูดอะไรก็ยังเรียกหนูมาตำหนิว่า ‘ไปเรียนไม่ได้ไปเล่น เอาแต่เที่ยวแล้วจะเรียนเก่งได้ยังไง
พ่อแม่ต้องหาตังค์ให้ลูกผลาญ ตั้งใจเรียนให้มันได้เกรดสูงๆบ้าง’ ซึ่งหนูรู้มาว่าพ่อbอยู่บ้านย่ามากกว่าบ้านตัวเอง
ส่วนแม่ของbก็ไปหาย่ามากกว่าพ่อกับแม่ของหนู
ตอนนี้หนูรู้สึกติดลบมากเลย แต่หนูไม่อยากรู้สึกแบบนี้กับคนที่อายุมากกว่าและยังเป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา หนูพยายามคิดว่า
เค้าเป็นห่วงหนูจึงเสียดสีหนูเรื่องเกรดทั้งๆที่เกรดหนูยังไม่ออก(แต่อย่างไรหนูก็มั่นใจว่าตัวเองเกรดไม่ถึง3.5)
แต่ทำไมเวลาเจอหน้ากันทุกครั้งพวกเขาถึงพูดแต่เรื่องนี้ ทางด้านพ่อกับแม่เคยบอกหนูว่า 'ชีวิตคนมันไม่ได้ยาว
ใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่ากดดัน เกรดจะได้เท่าไหร่ก็ช่างเถอะ เรียนให้จบก็ดีมากแล้ว'
ดังนั้นหนูอยากถามว่า หนูควรจะทำอย่างไรไม่ให้ตัวเองรู้สึกติดลบกับถ้อยคำที่ค่อนไปทางกระแทก-ดันแบบนั้น
หนูมองพวกเขาในแง่ดีมาตลอด เห็นพวกเขาสำคัญเท่าๆกับพ่อแม่ตัวเอง หนูไม่อยากให้จิตใจและความคิดต้องรู้สึกไม่ดีกับพวกเขาจริงๆ
ได้โปรดเถอะค่ะ ใครที่มีประสบการณ์และมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้กรุณาให้คำปรึกษด้วยนะคะ
ระบาย+ถาม ใครเคยถูกญาติผู้ใหญ่ข่มเรื่องเกรดบ้างคะ มีวิธีจัดการอย่างไรบ้าง
ส่วนพ่อแม่หนูไม่อยากให้ต้องกังวล
หนูมีญาติฝ่ายพ่อครอบครัวหนึ่งที่ลูกสาวคนรองอายุเท่าหนูค่ะ หนูกับลูกสาวคนรองของเขาเติบโตมาด้วยกัน บ้านติดกัน
เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลแต่ถูกจับแยกห้องโดยแม่ของเขาที่เป็นครูเพราะกลัวว่าพวกเราจะเอาแต่คุยแต่เล่นกัน
จะขอเรียกลูกสาวคนรองว่า b นะคะ หนูขออธิบายการถูกนำมาเปรียบเทียบกันระหว่างเราสองคนตั้งแต่เด็กดังนี้
-สมัยอนุบาลหนูเรียนดีกว่าอ่านหนังสือออกเร็วกว่าแต่bขยันทำงานบ้านมากกว่า ครอบครับของbไม่เคยพูดถึงการเรียน
แต่มักจะเรียกหนูว่าเด็กขี้เกียจ ไม่รู้จักช่วยพ่อแม่
-สมัยประถมต้นหนูเรียนดีกว่า ครอบครัวของbไม่เคยพูดถึงการเรียนแต่มักตำหนิเรื่องที่หนูไม่สนใจทำงานบ้าน
(ยอมรับค่ะว่าเป็นเด็กขี้เกียจ) พอช่วงประถมปลายbเกรดดีกว่า หนูเริ่มถูกตำหนิบ้างว่าเอาแต่อ่านหนังสืออื่นที่ไม่ใช่หนังสือเรียน
(ช่วงนั้นหนูชอบอ่านวรรณคดี วรรณกรรม ประวัติศาสตร์และจิตวิทยาศึกษาค่ะ หนูว่ามันน่าสนใจกว่าหนังสือเรียนเป็นไหนๆ)
-สมัยมอต้นหนูได้เกรดมากกว่าb ครอบครัวของbไม่เคยพูดเรื่องเกรดหรือตำหนิหนูเรื่องการเรียน
-สมัยมอปลายหนูกับbเรียนคนละสาย หนูได้เกรดมากกว่าb ครอบครัวของbไม่เคยพูดเรื่องเกรดเช่นกัน
ช่วงมอปลายหนูจะเป็นตัวแทนไปแข่งขันด้านวิชาการของโรงเรียนบ่อยครั้ง ได้ที่หนึ่งบ้าง สองบ้าง สามบ้าง
ต่ำสุดก็คือผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศแต่ไม่ติดหนึ่งในสาม
-ปัจจุบัน คือ สมัยมหาลัยหนูเรียนทางสังคมในมหาวิทยาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงด้านการเมืองวิทยาเขตต่างจังหวัดทางภาคเหนือ
ส่วนbเรียนบริหารที่มหาลัยริมทะเลวิทยาเขตทางภาคอีสาน หนูไม่ค่อยพอใจกับคณะของตัวเองเท่าไหร่
เพราะหนูอยากเรียนบรรณารักษ์มากกว่าจะได้อยู่กับหนังสือไปตลอดชีวิต หนูเลยเรียนแบบเอาให้พอผ่านให้ได้ปริญญา
ที่พ่อแม่อยากได้ก็พอ ส่วนbติดคณะที่ตัวเองคาดหวัง เทอมแรกของปีหนึ่งหนูได้เกรดต่ำกว่าbประมาณ0.1
แม่ของbก็ถามหนูเรื่องคณะที่หนูเรียน ถามนั่นนู่นนี่ก่อนตบท้ายว่าได้เกรดเท่าไหร่ พอเขารู้ว่าเกรดหนูต่ำกว่าเขาก็กล่าว
ชมเชยลูกตัวเองอยู่หลายประโยค ก่อนจะโยคคำพูดประมาณว่า ‘เอาแต่สนใจเที่ยวไม่สนใจเรียน’ ‘เรียนเก่งจริงก็เอาให้ได้4สิ’
‘bเค้าไม่เคยไปเที่ยวไหนเลย เรียนกทุกวัน’ ‘bอ่านหนังสือจนดึกไม่ว่างไปที่ไหนเหมือนบางคน’ ใส่หัวหนู
เทอมถัดมาbได้เกรด3.9 หนูยินดีและพอใจในเกรดของb เพราะสำหรับหนูแล้วบางครั้งbเป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆที่ต้องให้สอน
แต่หลังจากเกรดของbออกและหนูเหยียบถึงบ้าน สารพัดการเสียดสี แซะ เกทับ เปรียบเทียบ จากทางบ้านb
ก็ลอยมาโปะบนหัวหนูอีกครั้ง ประโยคเดิมๆที่เคยได้ยินตอนเกรดเทอมแรกออกกลับมาอีก คราวนี้ไม่ใช่แค่แม่ของb
แต่มีพ่อของbด้วยอีกคน แม้แต่ย่าที่ไม่เคยพูดอะไรก็ยังเรียกหนูมาตำหนิว่า ‘ไปเรียนไม่ได้ไปเล่น เอาแต่เที่ยวแล้วจะเรียนเก่งได้ยังไง
พ่อแม่ต้องหาตังค์ให้ลูกผลาญ ตั้งใจเรียนให้มันได้เกรดสูงๆบ้าง’ ซึ่งหนูรู้มาว่าพ่อbอยู่บ้านย่ามากกว่าบ้านตัวเอง
ส่วนแม่ของbก็ไปหาย่ามากกว่าพ่อกับแม่ของหนู
ตอนนี้หนูรู้สึกติดลบมากเลย แต่หนูไม่อยากรู้สึกแบบนี้กับคนที่อายุมากกว่าและยังเป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา หนูพยายามคิดว่า
เค้าเป็นห่วงหนูจึงเสียดสีหนูเรื่องเกรดทั้งๆที่เกรดหนูยังไม่ออก(แต่อย่างไรหนูก็มั่นใจว่าตัวเองเกรดไม่ถึง3.5)
แต่ทำไมเวลาเจอหน้ากันทุกครั้งพวกเขาถึงพูดแต่เรื่องนี้ ทางด้านพ่อกับแม่เคยบอกหนูว่า 'ชีวิตคนมันไม่ได้ยาว
ใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่ากดดัน เกรดจะได้เท่าไหร่ก็ช่างเถอะ เรียนให้จบก็ดีมากแล้ว'
ดังนั้นหนูอยากถามว่า หนูควรจะทำอย่างไรไม่ให้ตัวเองรู้สึกติดลบกับถ้อยคำที่ค่อนไปทางกระแทก-ดันแบบนั้น
หนูมองพวกเขาในแง่ดีมาตลอด เห็นพวกเขาสำคัญเท่าๆกับพ่อแม่ตัวเอง หนูไม่อยากให้จิตใจและความคิดต้องรู้สึกไม่ดีกับพวกเขาจริงๆ
ได้โปรดเถอะค่ะ ใครที่มีประสบการณ์และมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้กรุณาให้คำปรึกษด้วยนะคะ