ผมอ่านหนังสือชี้ชวน ได้ข้อสรุปตามนี้ครับ
- BRRGIF เป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าชีวมวล ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ + สัญญาซื้อขายไอน้ำกับโรงงาน BRR
- โดยมีประมาณการปันผลในช่วง 12 เดือนแรก เท่ากับ 10.80% ซึ่งเป็นปันผลจากกำไรสุทธิประมาณการ 5.94% + เงินจ่ายจากการลดทุนจดทะเบียน 4.86%
- เงินที่ได้จากการขาย IPO (350 ล้านหน่วย จะได้เงินประมาณ 3,430 - 3,850 ล้านบาท) จะเอาไปลงทุนใน "สิทธิในรายได้สุทธิฯ" โดยไปทำสัญญาโอนสิทธิในรายได้สุทธิกับ บ.บุรีรัมย์พลังงาน จำกัด (BEC) และ บ.บุรีรัมย์เพาเวอร์ จำกัด (BPC)
- ระยะเวลาในสัญญาสิทธิ กับ BEC คือ 11 ปี สิ้นสุด 10 สิงหาคม 2571 และกับ BPC คือ 18 ปี สิ้นสุด 6 เมษายน 2578
ทั้ง BEC และ BPC จะไปทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ PEA
ทั้ง BEC และ BPC จะไปทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า , ไอน้ำ , วัตถุดิบชีวมวล, น้ำ RO, น้ำ Condensate กับบริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ BSF
- BEC และ BPC ประกอบกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก (VSPP) มีกำลังการผลิต 9.9 MWatt
มีการจัดให้มีหลักประกันในการปฏิบัติหน้าที่ของ BRR ต่อ BRRGIF โดย
- จำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และ เครื่องจักรต่างๆ ของ BEC + BPC
- จำนำหุ้นทั้งหมดของ BEC + BPC
- ให้กองทุน BRRGIF เป็นผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันภัย
อนาคต จะมีแผนนำโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 ของ BRR เข้ารวมใน BRRGIF อีกด้วย
@@@@@@ และต่อไปนี้ คือสิ่งที่ผมสงสัย @@@@@@
1. สัญญาโอน "สิทธิในรายได้สุทธิ" แล้วพอผ่านปี 2571 และ ปี 2578 ไป สิทธิจะหมดอายุลง เข้าใจว่าคงมีค่าเป็น 0 แล้วยังไงต่อครับ??? จะยุบกองทุน หรือ ต่อสัญญาสิทธิใหม่ ต้องจ่ายเงินค่าทำสัญญาใหม่ แล้วจะเอาเงินจากไหนไปจ่ายค่าทำสัญญา ?
2. เข้าใจว่าตอนนี้โรงไฟฟ้าชีวมวลมีอยู่แล้ว สร้างเสร็จแล้ว คือของ BEC + BPC ทั้งคู่ ถือหุ้นใหญ่โดย BRR ซึ่งเป็น holding company โดยจะเอาเงินเราที่ซื้อ IPO ไปจ่ายในการทำสัญญา "โอนสิทธิในรายได้สุทธิ" ....... หมายถึงถ้า BEC + BPC มีกำไรเท่าไร ให้โอนกำไรมาเป็นของ BRRGIF ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เงินที่จ่ายทำสัญญาไป จะคุ้มกับกำไรที่จะได้มาในอีก 11 หรือ 18 ปีข้างหน้าหรือเปล่า
เกี่ยวกับ BRRGIF
- BRRGIF เป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าชีวมวล ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ + สัญญาซื้อขายไอน้ำกับโรงงาน BRR
- โดยมีประมาณการปันผลในช่วง 12 เดือนแรก เท่ากับ 10.80% ซึ่งเป็นปันผลจากกำไรสุทธิประมาณการ 5.94% + เงินจ่ายจากการลดทุนจดทะเบียน 4.86%
- เงินที่ได้จากการขาย IPO (350 ล้านหน่วย จะได้เงินประมาณ 3,430 - 3,850 ล้านบาท) จะเอาไปลงทุนใน "สิทธิในรายได้สุทธิฯ" โดยไปทำสัญญาโอนสิทธิในรายได้สุทธิกับ บ.บุรีรัมย์พลังงาน จำกัด (BEC) และ บ.บุรีรัมย์เพาเวอร์ จำกัด (BPC)
- ระยะเวลาในสัญญาสิทธิ กับ BEC คือ 11 ปี สิ้นสุด 10 สิงหาคม 2571 และกับ BPC คือ 18 ปี สิ้นสุด 6 เมษายน 2578
ทั้ง BEC และ BPC จะไปทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ PEA
ทั้ง BEC และ BPC จะไปทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า , ไอน้ำ , วัตถุดิบชีวมวล, น้ำ RO, น้ำ Condensate กับบริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ BSF
- BEC และ BPC ประกอบกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก (VSPP) มีกำลังการผลิต 9.9 MWatt
มีการจัดให้มีหลักประกันในการปฏิบัติหน้าที่ของ BRR ต่อ BRRGIF โดย
- จำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และ เครื่องจักรต่างๆ ของ BEC + BPC
- จำนำหุ้นทั้งหมดของ BEC + BPC
- ให้กองทุน BRRGIF เป็นผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันภัย
อนาคต จะมีแผนนำโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 ของ BRR เข้ารวมใน BRRGIF อีกด้วย
@@@@@@ และต่อไปนี้ คือสิ่งที่ผมสงสัย @@@@@@
1. สัญญาโอน "สิทธิในรายได้สุทธิ" แล้วพอผ่านปี 2571 และ ปี 2578 ไป สิทธิจะหมดอายุลง เข้าใจว่าคงมีค่าเป็น 0 แล้วยังไงต่อครับ??? จะยุบกองทุน หรือ ต่อสัญญาสิทธิใหม่ ต้องจ่ายเงินค่าทำสัญญาใหม่ แล้วจะเอาเงินจากไหนไปจ่ายค่าทำสัญญา ?
2. เข้าใจว่าตอนนี้โรงไฟฟ้าชีวมวลมีอยู่แล้ว สร้างเสร็จแล้ว คือของ BEC + BPC ทั้งคู่ ถือหุ้นใหญ่โดย BRR ซึ่งเป็น holding company โดยจะเอาเงินเราที่ซื้อ IPO ไปจ่ายในการทำสัญญา "โอนสิทธิในรายได้สุทธิ" ....... หมายถึงถ้า BEC + BPC มีกำไรเท่าไร ให้โอนกำไรมาเป็นของ BRRGIF ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เงินที่จ่ายทำสัญญาไป จะคุ้มกับกำไรที่จะได้มาในอีก 11 หรือ 18 ปีข้างหน้าหรือเปล่า