chase a dream
- ท้องทะเลอันกว้างไกล –
“เดินหน้าเต็มกำลัง”
ผ้าใบผื่นใหญ่ถูกกางออกอย่างรวดเร็ว กะลาสีผูกเชือกอย่างคล่องแคล่ว ธงสามเหลี่ยมที่ถูกพิมพ์ลายดาบสองอันไขว้กันใต้ฉลามฟันแหลมคมที่ถูกปิดตาข้างหนึ่ง ภาพสีขาวตัดกับสีพื้นดำสนิทถูกชักขึ้นเหนือสุดของเสาหลักกลางลำเรือ ทิศทางลมพัดขึ้นทางเหนือของมหาสมุทร หัวเรือก็มุ่งตรงไปทางเหนืออย่างเต็มกำลัง แม้เรือจะใหญ่มหึมาเพียงใดก็ดูเล็กลงในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่แห่งนี้
เรือลำใหญ่นี้ถูกขนานนามว่า “มาโก” ที่เป็นชื่อของฉลามสายพันธุ์ที่ไวและจัดการเหยื่อย่างแยบยล มาโกเป็นเรือโจรสลัดที่ใหญ่ติดอันดับสามในบันดาเรือโจรสลัดแถบนี้และมาโกเป็นกลุ่มโจรสลัดที่หลายคนเกรงกลัว กลุ่มโจรสลัดมาโกรุ่งเรืองสุด ๆ ในยุคของกัปตัน “ ร็อคโก” ที่โหดบ้าคลั่งและบ้าพลังที่สุด แต่ร็อคโกถูกดูถูกว่าไร้น้ำยาเพราะไม่มีลูกชายสืบทอด แต่ร็อคโกก็ลบคำสบประมาทโดยสร้างมหาโจรสลัดที่เทียบเขาได้ ก่อนจะสิ้นจากมหาสมุทรไปตลอดกาล
มิล่า มิโจ และมิเชล ลูกสาวร็อคโกที่ต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่อยอมเป็นโจรสลัด หลังจากร็ฮคโกจากไปทั้งสามตกลงกันไม่ปล้นไม่ไล่ล่าไม่ฆ่าแต่จะปกป้อง มาโก และทำตามฝันของกัปตันร็อคโก ไปค้นหาดินแดนที่โจรสลัดหลายกลุ่มมุ่งหน้าไป เพื่อพบกับสิ่งมหัศจรรย์และมหาสมบัติที่ถูกเล่าขานเป็นตำนานแต่ไม่มีผู้ใดไปถึง “เนเวอร์แลนด์”
แผนที่ถูกกางออกอีกครั้งบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ มิโจลูกสาวคนกลางของร็อคโกผู้เชี่ยวชาญทิศทางและการวางแผนเป็นอย่างดีจนได้รับหน้าที่ต้นหนเรือ ชี้จุด ๆ หนึ่งที่บนพื้นที่กลางมหาสมุทร
“หมายความว่ายังไง”
มิล่า พี่สาวคนโตเอ่ยถามด้วยความสงสัยจุดที่ต้นหนชี้ให้ดู รวมถึงมิเชลน้องคนเล็กก็คิดไม่ออกว่ามิโจต้องการสื่ออะไร ต้นหนมิโจอธิบายว่าจุดที่ชี้นั้นเมื่อคืนราว ๆ เที่ยงคืนอยู่ ๆ ตะเกียงก็ดับด้วยลมแรงทำให้แผนที่ถูกกางออก แสงพระจันทร์สาดส่องมายังแผนที่ที่กางอยู่ปรากฏเกาะขึ้นมาบนจุดที่ชี้ แต่เมื่อมิโจแตะต้องแผนที่มันก็หายไปชั่วพริบตา แม้ว่าจะพลิกแผนที่ทำองศาต่าง ๆ เอาแผนที่มากางรับแสงพระจันทร์เต็ม ๆ หรือวิธีอื่น ๆ แต่ก็ไม่ปรากฏเกาะอีกเลย จนสังเกตว่าจุดที่เกาะปรากฏบนแผนที่มีสีผิดเพี้ยนจากเนื้อที่มหาสมุทรส่วนอื่น
“เราจะแวะไปตรงนี้ก่อนกัปตันจะว่าอะไรไหมคะ”
“ต้นกลไปเปลี่ยนทิศทางเรือ ต้นหนไปหาข้อมูลเพิ่ม เราจะไปสำรวจที่แห่งนี้กัน” มิโจเอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเล
ไม่นานเสียงประกาศของมิเชลต้นกลเรือก็ดังขึ้น กะลาสีทำตามคำสั่งอย่างไม่ขัดข้อง หัวเรือถูกหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเต็มกำลัง
มิโจกลับไปห้องทำงาน หนังสือหลายร้อยเล่มวางบนชั้นสูงรอบ ๆ ห้อง หนังสือบางเล่มเก่ามากจนแทบจะเปิดไม่ได้ บางเล่มตัวหนังสือเลือนรางจางหาย บางเล่มเป็นหนังปลาที่ทำขึ้นเอง บางเล่มถูกหยิบมาจากการปล้นบางเล่มถูกบันทึกด้วยลายมือของต้นหนเก่า หนังสือถูกสะสมจากรุ่นสู่รุ่น มิโจเริ่มต้นค้นหาข้อมูลเกาะที่ปรากฏแผนที่ทุกแผ่นถูกกางออกเต็มห้อง หนังสือรวบรวมเกาะถูกเปิดออกและอีกหลายต่อหลายเล่ม ทันใดนั้นลมแรงก็พัดเข้ามาดั่งลมพายุ เสียงหนังสือเปิดราวกับมีคนกรีดร้อง มิโจยกแขนขึ้นมาปิดหน้าพร้อมหรี่ตาลงด้วยสัณชาตญาณของมนุษย์ เพียงเสี้ยวนาทีลมหยุดลง บันทึกประจำวันของต้นหนเก่าถูกกางออกหน้าที่ขาดหายไปไม่เหลือเค้าโครงการบันทึกไว้เลย ลอยฉีกขาดนั้นเป็นลอยของการตั้งใจฉีกเหมือนมีคนมาขโมยไป
“ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเลย”
มิโจพูดขึ้นอย่างหัวเสียก่อนที่จะหย่อนก้นลงเก้าอี้ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับพี่น้อง ระหว่างการสนทนาอาหารถูกยกขึ้นโต๊ะเรื่อย ๆ กัปตันผู้เป็นใหญ่ตักอาหารใส่จานเป็นสัญญาณว่ากะลาสีทุกคนกินข้าวได้นั้นเอง
“รสชาติไม่เปลี่ยนเลยสมกับเป็นลูกมือของครูซ” มิเชลพูดขึ้นตัดบทสนทนาหลังจากได้ซดซุปเข้าปาก
“ครูซ!!” กัปตันและต้นหนอุทานขึ้นพร้อมกัน มิเชลทำหน้างงทั้งที่ช้อนอยู่ในปาก
ครูซเป็นพ่อครัวคนเก่ารุ่นปู่ของทั้งสามที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกเหนือรุ่นเก่าที่กลับไปอยู่บ้านและจากโลกนี้ไป
ใช้เวลาเดินเรือสองวัน มาโกก็ใกล้ถึงจุดหมายกล้องส่องทางไกลถูกดึงออก ข้างหน้าเป็นท้องทะเลสีเข้มกว่าส่วนอื่นขนาดไม่กว้างมาก เรื่อผ่อนกำลังลงต่ำสุดและทิ้งสมอเรือห่างจากจุดหมายราว ๆ ห้าร้อยเมตร เรือสองลำเล็กถูกปล่อยลงสู้ท้องทะเล ต้นหนและกะลาสีบางส่วนมุ่งหน้าสู้จุดหมายใช้เวลาไม่นานก็มาถึงพิกัด ข้างล่างลึกไม่เกินสามร้อยเมตรมองเห็นพื้นทรายสีดำมันวาว เมื่อโดนแสงอาทิตย์ก็เกิดเป็นประกายระยิบระยับตามทิศทางการหักเหของแสง เรืออีกลำย้อนกลับมารายงานเบื้องต้นถึงสิ่งที่พบ กัปตันตัดสินใจขึ้นเรือเล็กตามไปและเอากะลาสีไปเพิ่มอีก เมื่อกัปตันไปถึงก็พบว่ามันไม่ได้ต่างอะไรกับคำบอกเล่าของครูซ
“เกิดอะไรขึ้นข้างบนวะเสียงเอะอะโวยวาย” ครูซตะโกนถามกะลาสีนายหนึ่ง
“เรื่อติดอะไรไม่รู้ครับ”
เรือมาโกเดินตามทิศทางที่กำหนดชนเข้ากับเนินทรายสีดำ พ่อของร็อคโกออกสำรวจรอบ ๆ บริเวณแต่ไม่พบอะไรผิดปกติ นอกเหนือไปจากเนินทรายสีดำสนิทขนาดกว้างเท่า ๆ ลำเรือและมีลักษณะคล้าย ๆ ท้องเรือ ใช้เวลาหลายวันกว่าจะนำเรือออกมาจากบริเวณนั้นได้โดยหน้าประหลาดใจที่อยู่ ๆ เมื่อตื่นมาพบกับสถานที่เดิมที่เรื่อเพิ่งผ่านมาเมื่อสองวันที่แล้วราวกับฝัน และเมื่อย้อนกลับไปก็ไม่พบเนินทรายแห่งนั้นอีกเลย
“ทางด้านโน้นมีสาหร่ายขึ้นเยอะเลยกัปตัน”
มิล่าตัดสินใจกระโดดลงน้ำไปพร้อมกับมีดพกติดตัวลงสำรวจด้วยตนเอง
ใต้ผิวน้ำบริเวณดังกล่าวสาหร่ายหนายาวพริ้วไหวตามกระแสน้ำ ลึกลงไปตามแนวสาหร่ายเป็นพื้นทรายสีดำจุดสิ้นสุดที่สาหร่ายเกิด มิล่าแหวกสาหร่ายออกอย่างระวัง ทันทีที่สาหร่ายถูกแหวกออกร่างของเธอก็ถูกกระแสน้ำดูดเข้าไปอย่างต้านแรงไม่ได้ มีดสั้นหลุดจากมือปักลงกับพื้นทราย
บนผิวน้ำกะลาสีหลายคนขึ้นมาหายใจบ้างดำลงน้ำอีกบ้างเพื่อสำรวจพื้นที่ อีกด้านหนึ่งมิโจไม่มีความลังเลเลยเมื่อคำนวณแล้วว่าพี่สาวของตนดำน้ำนานเกินไป มิโจกระโดดดำดิ่งลงไปตามแนวสาหร่าย พบมีดสั้นที่ปักกับพื้นทรายอยู่แน่ใจได้ว่าเป็นมีดสั้นของกัปตันมิล่า มิโจพิจารณารอบ ๆ บริเวณ แล้วก็กลับขึ้นผิวน้ำอย่างรวดเร็ว
กัปตันมิล่าคานขึ้นหาดทรายขาวอย่างทุลักทุเล พร้อมกับอาการสำลักน้ำ เมื่อขึ้นถึงหาดได้สักระยะก็ทิ้งตัวลงนอนงายด้วยความอ่อนแรง หรี่ตามองเห็นแสงอาทิตย์ก่อนที่จะค่อย ๆ หลับตาลง แต่ยังไม่ทันหลับสนิทมิล่าได้ยินเสียงบางอย่างมาทางด้านบนหัวที่กำลังนอนอยู่ มิล่ากลอกตามองบนขึ้นไปก่อนที่จะดีดตัวลุกขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เซเล็กน้อย ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้กัปตันตาเบิกกว้างหัวใจเต้นแรง และปืนลูกซองสั้นก็ถูกชักออกมาแบบอัตโนมัติ เหงื่อไหลตามไรผมมิล่าหยิกตัวเองเบา ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป สิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้รูปร่างมหึมาเทียบกับตึกสามชั้นได้ สีแสดแสบตา แปดขากล้ามโต ตาของมันกำลังมองมาที่มิล่า ทั้งสองจ้องตากันอย่างนิ่งสงบ.....(โปรดติดตามตอนต่อไป)
แก้ไขแค่ การวรรค อย่างเดียว
คงรูปแบบเนื้อหา การใช้คำการสะกดคำเหมือนเดิม เพื่อยกเป็นตัวอย่าง(ที่ไม่ดีมีข้อปรับปรุงสำหรับนักเขียนท่านอื่นและตัวเอง)
ยกเลิกแท็กไม่เป็น ไม่มีเจตนาจะหว่านแท็ก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
chase a dream - ท้องทะเลอันกว้างไกล - [หัดแต่ง]
- ท้องทะเลอันกว้างไกล –
“เดินหน้าเต็มกำลัง”
ผ้าใบผื่นใหญ่ถูกกางออกอย่างรวดเร็ว กะลาสีผูกเชือกอย่างคล่องแคล่ว ธงสามเหลี่ยมที่ถูกพิมพ์ลายดาบสองอันไขว้กันใต้ฉลามฟันแหลมคมที่ถูกปิดตาข้างหนึ่ง ภาพสีขาวตัดกับสีพื้นดำสนิทถูกชักขึ้นเหนือสุดของเสาหลักกลางลำเรือ ทิศทางลมพัดขึ้นทางเหนือของมหาสมุทร หัวเรือก็มุ่งตรงไปทางเหนืออย่างเต็มกำลัง แม้เรือจะใหญ่มหึมาเพียงใดก็ดูเล็กลงในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่แห่งนี้
เรือลำใหญ่นี้ถูกขนานนามว่า “มาโก” ที่เป็นชื่อของฉลามสายพันธุ์ที่ไวและจัดการเหยื่อย่างแยบยล มาโกเป็นเรือโจรสลัดที่ใหญ่ติดอันดับสามในบันดาเรือโจรสลัดแถบนี้และมาโกเป็นกลุ่มโจรสลัดที่หลายคนเกรงกลัว กลุ่มโจรสลัดมาโกรุ่งเรืองสุด ๆ ในยุคของกัปตัน “ ร็อคโก” ที่โหดบ้าคลั่งและบ้าพลังที่สุด แต่ร็อคโกถูกดูถูกว่าไร้น้ำยาเพราะไม่มีลูกชายสืบทอด แต่ร็อคโกก็ลบคำสบประมาทโดยสร้างมหาโจรสลัดที่เทียบเขาได้ ก่อนจะสิ้นจากมหาสมุทรไปตลอดกาล
มิล่า มิโจ และมิเชล ลูกสาวร็อคโกที่ต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่อยอมเป็นโจรสลัด หลังจากร็ฮคโกจากไปทั้งสามตกลงกันไม่ปล้นไม่ไล่ล่าไม่ฆ่าแต่จะปกป้อง มาโก และทำตามฝันของกัปตันร็อคโก ไปค้นหาดินแดนที่โจรสลัดหลายกลุ่มมุ่งหน้าไป เพื่อพบกับสิ่งมหัศจรรย์และมหาสมบัติที่ถูกเล่าขานเป็นตำนานแต่ไม่มีผู้ใดไปถึง “เนเวอร์แลนด์”
แผนที่ถูกกางออกอีกครั้งบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ มิโจลูกสาวคนกลางของร็อคโกผู้เชี่ยวชาญทิศทางและการวางแผนเป็นอย่างดีจนได้รับหน้าที่ต้นหนเรือ ชี้จุด ๆ หนึ่งที่บนพื้นที่กลางมหาสมุทร
“หมายความว่ายังไง”
มิล่า พี่สาวคนโตเอ่ยถามด้วยความสงสัยจุดที่ต้นหนชี้ให้ดู รวมถึงมิเชลน้องคนเล็กก็คิดไม่ออกว่ามิโจต้องการสื่ออะไร ต้นหนมิโจอธิบายว่าจุดที่ชี้นั้นเมื่อคืนราว ๆ เที่ยงคืนอยู่ ๆ ตะเกียงก็ดับด้วยลมแรงทำให้แผนที่ถูกกางออก แสงพระจันทร์สาดส่องมายังแผนที่ที่กางอยู่ปรากฏเกาะขึ้นมาบนจุดที่ชี้ แต่เมื่อมิโจแตะต้องแผนที่มันก็หายไปชั่วพริบตา แม้ว่าจะพลิกแผนที่ทำองศาต่าง ๆ เอาแผนที่มากางรับแสงพระจันทร์เต็ม ๆ หรือวิธีอื่น ๆ แต่ก็ไม่ปรากฏเกาะอีกเลย จนสังเกตว่าจุดที่เกาะปรากฏบนแผนที่มีสีผิดเพี้ยนจากเนื้อที่มหาสมุทรส่วนอื่น
“เราจะแวะไปตรงนี้ก่อนกัปตันจะว่าอะไรไหมคะ”
“ต้นกลไปเปลี่ยนทิศทางเรือ ต้นหนไปหาข้อมูลเพิ่ม เราจะไปสำรวจที่แห่งนี้กัน” มิโจเอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเล
ไม่นานเสียงประกาศของมิเชลต้นกลเรือก็ดังขึ้น กะลาสีทำตามคำสั่งอย่างไม่ขัดข้อง หัวเรือถูกหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเต็มกำลัง
มิโจกลับไปห้องทำงาน หนังสือหลายร้อยเล่มวางบนชั้นสูงรอบ ๆ ห้อง หนังสือบางเล่มเก่ามากจนแทบจะเปิดไม่ได้ บางเล่มตัวหนังสือเลือนรางจางหาย บางเล่มเป็นหนังปลาที่ทำขึ้นเอง บางเล่มถูกหยิบมาจากการปล้นบางเล่มถูกบันทึกด้วยลายมือของต้นหนเก่า หนังสือถูกสะสมจากรุ่นสู่รุ่น มิโจเริ่มต้นค้นหาข้อมูลเกาะที่ปรากฏแผนที่ทุกแผ่นถูกกางออกเต็มห้อง หนังสือรวบรวมเกาะถูกเปิดออกและอีกหลายต่อหลายเล่ม ทันใดนั้นลมแรงก็พัดเข้ามาดั่งลมพายุ เสียงหนังสือเปิดราวกับมีคนกรีดร้อง มิโจยกแขนขึ้นมาปิดหน้าพร้อมหรี่ตาลงด้วยสัณชาตญาณของมนุษย์ เพียงเสี้ยวนาทีลมหยุดลง บันทึกประจำวันของต้นหนเก่าถูกกางออกหน้าที่ขาดหายไปไม่เหลือเค้าโครงการบันทึกไว้เลย ลอยฉีกขาดนั้นเป็นลอยของการตั้งใจฉีกเหมือนมีคนมาขโมยไป
“ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเลย”
มิโจพูดขึ้นอย่างหัวเสียก่อนที่จะหย่อนก้นลงเก้าอี้ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับพี่น้อง ระหว่างการสนทนาอาหารถูกยกขึ้นโต๊ะเรื่อย ๆ กัปตันผู้เป็นใหญ่ตักอาหารใส่จานเป็นสัญญาณว่ากะลาสีทุกคนกินข้าวได้นั้นเอง
“รสชาติไม่เปลี่ยนเลยสมกับเป็นลูกมือของครูซ” มิเชลพูดขึ้นตัดบทสนทนาหลังจากได้ซดซุปเข้าปาก
“ครูซ!!” กัปตันและต้นหนอุทานขึ้นพร้อมกัน มิเชลทำหน้างงทั้งที่ช้อนอยู่ในปาก
ครูซเป็นพ่อครัวคนเก่ารุ่นปู่ของทั้งสามที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกเหนือรุ่นเก่าที่กลับไปอยู่บ้านและจากโลกนี้ไป
ใช้เวลาเดินเรือสองวัน มาโกก็ใกล้ถึงจุดหมายกล้องส่องทางไกลถูกดึงออก ข้างหน้าเป็นท้องทะเลสีเข้มกว่าส่วนอื่นขนาดไม่กว้างมาก เรื่อผ่อนกำลังลงต่ำสุดและทิ้งสมอเรือห่างจากจุดหมายราว ๆ ห้าร้อยเมตร เรือสองลำเล็กถูกปล่อยลงสู้ท้องทะเล ต้นหนและกะลาสีบางส่วนมุ่งหน้าสู้จุดหมายใช้เวลาไม่นานก็มาถึงพิกัด ข้างล่างลึกไม่เกินสามร้อยเมตรมองเห็นพื้นทรายสีดำมันวาว เมื่อโดนแสงอาทิตย์ก็เกิดเป็นประกายระยิบระยับตามทิศทางการหักเหของแสง เรืออีกลำย้อนกลับมารายงานเบื้องต้นถึงสิ่งที่พบ กัปตันตัดสินใจขึ้นเรือเล็กตามไปและเอากะลาสีไปเพิ่มอีก เมื่อกัปตันไปถึงก็พบว่ามันไม่ได้ต่างอะไรกับคำบอกเล่าของครูซ
“เกิดอะไรขึ้นข้างบนวะเสียงเอะอะโวยวาย” ครูซตะโกนถามกะลาสีนายหนึ่ง
“เรื่อติดอะไรไม่รู้ครับ”
เรือมาโกเดินตามทิศทางที่กำหนดชนเข้ากับเนินทรายสีดำ พ่อของร็อคโกออกสำรวจรอบ ๆ บริเวณแต่ไม่พบอะไรผิดปกติ นอกเหนือไปจากเนินทรายสีดำสนิทขนาดกว้างเท่า ๆ ลำเรือและมีลักษณะคล้าย ๆ ท้องเรือ ใช้เวลาหลายวันกว่าจะนำเรือออกมาจากบริเวณนั้นได้โดยหน้าประหลาดใจที่อยู่ ๆ เมื่อตื่นมาพบกับสถานที่เดิมที่เรื่อเพิ่งผ่านมาเมื่อสองวันที่แล้วราวกับฝัน และเมื่อย้อนกลับไปก็ไม่พบเนินทรายแห่งนั้นอีกเลย
“ทางด้านโน้นมีสาหร่ายขึ้นเยอะเลยกัปตัน”
มิล่าตัดสินใจกระโดดลงน้ำไปพร้อมกับมีดพกติดตัวลงสำรวจด้วยตนเอง
ใต้ผิวน้ำบริเวณดังกล่าวสาหร่ายหนายาวพริ้วไหวตามกระแสน้ำ ลึกลงไปตามแนวสาหร่ายเป็นพื้นทรายสีดำจุดสิ้นสุดที่สาหร่ายเกิด มิล่าแหวกสาหร่ายออกอย่างระวัง ทันทีที่สาหร่ายถูกแหวกออกร่างของเธอก็ถูกกระแสน้ำดูดเข้าไปอย่างต้านแรงไม่ได้ มีดสั้นหลุดจากมือปักลงกับพื้นทราย
บนผิวน้ำกะลาสีหลายคนขึ้นมาหายใจบ้างดำลงน้ำอีกบ้างเพื่อสำรวจพื้นที่ อีกด้านหนึ่งมิโจไม่มีความลังเลเลยเมื่อคำนวณแล้วว่าพี่สาวของตนดำน้ำนานเกินไป มิโจกระโดดดำดิ่งลงไปตามแนวสาหร่าย พบมีดสั้นที่ปักกับพื้นทรายอยู่แน่ใจได้ว่าเป็นมีดสั้นของกัปตันมิล่า มิโจพิจารณารอบ ๆ บริเวณ แล้วก็กลับขึ้นผิวน้ำอย่างรวดเร็ว
กัปตันมิล่าคานขึ้นหาดทรายขาวอย่างทุลักทุเล พร้อมกับอาการสำลักน้ำ เมื่อขึ้นถึงหาดได้สักระยะก็ทิ้งตัวลงนอนงายด้วยความอ่อนแรง หรี่ตามองเห็นแสงอาทิตย์ก่อนที่จะค่อย ๆ หลับตาลง แต่ยังไม่ทันหลับสนิทมิล่าได้ยินเสียงบางอย่างมาทางด้านบนหัวที่กำลังนอนอยู่ มิล่ากลอกตามองบนขึ้นไปก่อนที่จะดีดตัวลุกขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เซเล็กน้อย ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้กัปตันตาเบิกกว้างหัวใจเต้นแรง และปืนลูกซองสั้นก็ถูกชักออกมาแบบอัตโนมัติ เหงื่อไหลตามไรผมมิล่าหยิกตัวเองเบา ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป สิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้รูปร่างมหึมาเทียบกับตึกสามชั้นได้ สีแสดแสบตา แปดขากล้ามโต ตาของมันกำลังมองมาที่มิล่า ทั้งสองจ้องตากันอย่างนิ่งสงบ.....(โปรดติดตามตอนต่อไป)
แก้ไขแค่ การวรรค อย่างเดียว
คงรูปแบบเนื้อหา การใช้คำการสะกดคำเหมือนเดิม เพื่อยกเป็นตัวอย่าง(ที่ไม่ดีมีข้อปรับปรุงสำหรับนักเขียนท่านอื่นและตัวเอง)
ยกเลิกแท็กไม่เป็น ไม่มีเจตนาจะหว่านแท็ก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย