ความเครียดสะสม กับการเรียนมานานถึง 7 ปี และยังเรียนไม่จบ เพื่อใบปริญญาที่ผมไม่ได้ต้องการ

อยากแชร์ อยากระบาย จึงขอยืม Account ของเพื่อนมานะครับ

              เรื่องก็มีอยู่ว่า ผมอายุ 25 ปี ย่าง 26 ปี เรียนปีที่ 7 ซัมเมอร์ มหาลัยย่านบางเขน เรียนวิทยาศาตร์แขนงหนึ่ง สอบตรงเข้ามา ด้วยความตั้งใจ ผมเป็นคนหัวดี ผมมั่นใจ แต่ผมเรียนไม่เก่ง และไม่ชอบเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ชอบอ่านหนังสือ หนังสืออะไรก็ได้ที่ตัวเองชอบอ่าน ที่อ่านบ่อยที่สุดจะเป็นแนวปรัชญา แนวHow to แนวสร้างเงินออมเงินสร้างรายได้ และวรรณกรรมโดยเฉพาะวรรณกรรมต่างประเทศ ซึ่งนิสัยชอบอ่านน้อยคนนักที่จะรู้ รู้แต่คนใกล้ตัว
             ในวันที่ผมสอบติดจากคนที่มีอนาคตที่สดใส ในสังคมต่างจังหวัด พ่อกับแม่ผมค่อนข้างเป็นที่รู้จักในระแวกนั้น ชาวบ้านแวดล้อมต่างมองเห็นถึงความหวังในอนาคตหน้าที่การงานว่าจะเจริญก้าวหน้าในองค์กรใหญ่ๆ เพราะมีหลักประกันจากทุนสังคมในการเรียนคณะดังมหาลัยดังในสายงานนี้ มาสู่ปัจจุบันที่เรียนนานถึง 7 ปี แล้วส่อแววว่าจะไม่จบภายใน 7 ปี ตอนนี้เหลือวิชาเดียว แต่เป็นวิชาหิน เคมีอินทรีย์ เด็กมอนี้ที่เคยเรียนเคมีจะรู้จักกันดีว่าเคมีมอนี้มันผ่านยากแค่ไหน ซึ่งเอฟมาจากเทอมที่แล้ว  หลายๆ คน ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรียนไม่จบ มองว่าทำไมไม่เรียนให้จบๆ ไป เรียนอย่างเดียวก็พอ (ที่บ้านพอมีฐานะอยู่บ้างนะครับ)  ผมไม่กดดันที่คนอื่นไม่เข้าใจผม ดูถูกผม ว่าผม แต่ผมแคร์พ่อกับแม่มากกว่า ไม่อยากให้พวกท่านอับอายที่มีลูกอย่างผม ลูกที่มีหัวคิดขบถ ไม่เหมือนลูกคนอื่น ซึ่งผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้แล้ว คนอื่นมองว่าเป็นเด็กดื้ออยู่เสมอ ส่วนตัวผมคิดว่าผมก็มีเหตุผลของผม
             เมื่อผมรู้ว่าไม่อยากเรียน ก็มาทำงานหาเงินใช้เอง ไม่ได้ขอพ่อกับแม่  แต่ยังเรียนอยู่ เพราะพ่อกับแม่ต้องการใบปริญญา ค่าเทอมออกเอง พอบ้างไม่พอบ้าง ก็ผ่อนผันกันไป ดีที่ค่าเทอมหมื่นต้นๆ ซึ่งการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย บางคนก็เข้าใจ และเห็นใจ ต้องขอขอบคุณคนกลุ่มนี้ที่ทำให้ผมมีกำลังใจสู้ต่อไป  ผมโชคดีที่มีมิตรที่ดี  ผมได้แก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ได้ฝึกใช้ไหวพริบตัวเอง ความยากความลำบาก ทำให้ผมคล่องตัว  ซึ่งตอนที่ผมเรียนถึงปีที่สองถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ชอบ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ พอมาฝึกงานตอนปีสาม ผมจึงมองไปถึงอนาคตการทำงาน ไม่ใช่งานที่ผมชอบ ไม่ใช่สิ่งที่ผมปราถนา เพราะผมทำงานมาหลายงาน ลองหาประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในหลายๆ รูปแบบ ผมจึงรู้ว่างานอะไรที่ผมชอบ ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวกับเนิ้อหาวิชาที่เรียนอยู่ในปัจจุบันเลย
             ผมเครียด และเครียดสะสมมาเป็นเวลานาน ผมเคยคุยกับพ่อและแม่ถึงเรื่องนี้แล้วว่าไม่อยากเรียน แต่พวกท่านขอไว้ ถึงแม้ว่าผมจะจบช้า แต่ขอให้จบก็พอ เขารอได้ ซึ่งผมต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้มาเป็นเวลานาน ผมเป็นคนที่ยากจะหักห้ามความรู้สึกตัวเอง เมื่อผมไม่อยากทำอะไร ร่างกายของผมจะต่อต้านขึ้นมาทันที เพื่อตอบสนองความรู้สึกของผม มันเป็นเรื่องที่จะฝืนใจตัวเอง จนปัจจุบันผมทำงานแบรนด์กาแฟชั้นนำสีเขียวๆ แบรนด์หนึ่ง อนาคตในการทำงานรุ่งโรจน์ และค้นพบว่าไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญาเป็นหลักค้ำประกัน ก็สามารถเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานในงานนี้ได้ แค่เพียงคุณมีอายุการทำงาน มีประสบการณ์การทำงานแค่นั้นพอ ใบปริญญาไม่ได้มีไว้จำกัดโอกาส เพราะประสบการณ์ต่างหากที่มอบโอกาสให้แก่ผม
             ส่วนตัวผมเองรู้แล้วว่าตัวเองต้องการทำธุรกิจส่วนตัวมากที่สุด จากการที่ได้ทำงานหาหลายๆ งาน ยิ่งงานปัจจุบันที่ทำอยู่ ผมได้ใช้ภาษา ผมมองเห็นหลายๆ สิ่งเพิ่มขึ้น ผมมี connection ที่เกิดขึ้นจากการทำงาน  ผมมีทักษะในหลายๆ ทักษะมากยิ่งขึ้น การเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุดของผม ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ มหาลัยให้ผมไม่ได้ และการศึกษาที่ผมเผชิญมาตั้งแต่เด็ก เป็นการศึกษาที่ทำให้ผู้เรียนมีใจออกห่างจากการเรียน
. . . . ผมกำลังป่วย นอนไม่หลับจากความเครียดสะสม  ถ้าเลือกได้ ผมจะไม่เรียนมหาลัย จนกว่าผมจะค้นหาตัวเองได้ว่า ผมต้องการทำอะไรกันแน่ในอนาคต   . .  . . . .
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่