สงกรานต์ที่ผ่านมา ( 2017 ) เจ้าของกระทู้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศอิตาลีมาค่ะ เลยอยากจะมาแชร์ความทรงจำดีๆเผื่อเพื่อนๆสนใจอยากทราบข้อมูล สามารถนำไปใช้ได้นะคะ ทริปเริ่มต้นวันที่ 6 เมษายน จนถึง 16 เมษายน 2560 ระยะเวลาเที่ยวเต็มๆ 10 วัน
เรียกได้ว่ามาอิตาลีเที่ยวนี้คุ้มค่ะ โปรแกรมการเดินทาง เริ่มจากมิลาน – ฟลอเรนซ์ - Pisa –โรม – ปอมเปอี - ซอร์เรนโต้ - อมาลฟี – เวนิส - ทะเลสาปโคโม - มิลาน
เริ่มแรกเลย เจ้าของกระทู้ได้ตั๋วเครื่องบินในราคาโปรโมชั่นที่ถูกแสนถูก คือ สายการบินแห่งชาติ Oman Air ( มีแอบแวะเที่ยวโอมาน 1 วันด้วยค่ะ ) จะมีรายละเอียดในกระทู้ต่อไป
เริ่มจากตั๋วไป-กลับ จาก BKK – MILANO - BKK รวมทั้งหมดแล้ว คนละ 16,665 บาท
วันแรกที่ลงเครื่องที่สนามบิน Malpensa เวลา 19.30 น. จากเวลาที่ลงเครื่องบวกกับกิตติศัพท์ของประเทศอิตาลี เลยเลือกที่จะพักโรงแรม Hotel Ibis Milano Malpensa ค่ะ
เหตุผลคือ
1. มีรถรับจากสนามบิน ( เราเป็นคนต่างถิ่นลงเครื่องค่ำ ต้องระวังไว้ก่อนค่ะ 555 พอเอาเข้าจริงลืมคิดไปว่าเวลา 19.30 น.หน้าร้อนของยุโรปนี้ ฟ้ายังสว่างอยู่เลย )
2. ช่วงเช้ามีรถไปส่งที่สนามบินเพื่อต่อยานพาหนะอื่นไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดินหรือรถบัสสำหรับเข้าเมือง
ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับท่านที่ลงเครื่องและต้องการจะใช้บริการรถไฟฟ้า : Milan Malpensa Express Ferrovie Nord สถานีรถไฟจะตั้งอยู่ตรงชั้น 1 ของ Terminal 1 ราคา 13 ยูโร แต่ถ้าจะใช้บริการรถบัส เริ่มที่จากสายพานลำเลียงขนกระเป๋า ตรงหน้าจะมีบูธขายตั๋วรถบัส รถบัสจะออกก็ค่อยข้างถี่ค่ะ คือทุกๆ ๒๐ นาที ราคา 7.5 ยูโรต่อท่าน
เริ่มวันแรก : ในส่วนของเจ้าของกระทู้เลือกที่จะนั่งรถบัสเข้าเมืองเพราะอยากชมบรรยากาศ เลยเลือกที่จะจองรถไฟไปฟลอเรนท์เวลา 09.35 น. โดยรถไฟเอกชน italotreno ราคาท่านละ 28.90 ยูโร ทางไปจอง
http://www.italotreno.it/en ตามนี้ค่ะ
ใช้เวลา 1ชั่วโมง 50 นาที ถึงสถานี Firenze S.M.N. ย่อมาจากชื่อ Firenze San Maria Novella นะคะ
เมือง Florence มี DUOMO อยู่ ณ จุดศูนย์กลางของเมือง เป็น 3 อันติดกัน ประกอบไปด้วย โบสถ์ Santa Maria del Fiore , หอระฆังกัมปีนาเล Campanile di Giotto และ Copula ค่ะ
Santa Maria del Fiore เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของอิตาลี และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นโบสถ์โกธิคที่ใช้หินอ่อน 3 สี จาก 3
เมืองในทัสคานี สีขาวจากเมือง carrara สีชมพูจาก Siena สีเขียวจาก Prado ( เข้าฟรี ) ค่ะ
ที่เห็นเป็นโดม คือ Copula ค่าเข้า 6 ยูโร
หอระฆังกัมปีนาเล Campanile di Giotto 414 ขั้น ค่าเข้าชมราคา 6 ยูโร
ภายใน Santa Maria del Fiore เข้าชมฟรี
แบตติสเทอโร Battistero di S.Giovanni ประตูทางทิศตะวันออกที่สวยงามขนาดมิเคลันเจโลยังชื่นชมและเอ่ยปากบอกว่าประตูบานนี้เป็นประตูแห่งสวรรค์ Porta del Paradiso
แล้วเดินต่อไปยัง จัตุรัส Palazzo Vecchio ระหว่างทางผ่านจตุรัส จัตุรัส Piazza della Repubblica
ถึงแล้วค่ะ จตุรัส Palazzo Vecchio ใกล้กับทางเข้าปาลัซโซเวคคีโอกับรูปปั้นเดวิดคือ ระเบียงล็อจจา เดย์ ลันซี Loggia Del Lanzi ; มีผลงานของประติมากรชั้นนำหลายชิ้น ให้ชมฟรีอย่างใกล้ชิด
ทางเข้าปาลัซโซเวคคีโอกับรูปปั้นเดวิด
ไปกันต่อเลยนะคะ จุดชมวิว ณ จตุรัสมิเคลลันเจโล ทางจะชันหน่อย
จตุรัสมิเคลลันเจโล
กลับลงมายังสะพาน Vecchio
สะพาน Vecchio สะพานที่มีชื่อเสียงจนเป็น 1 ในสัญลักษณ์ของเมือง Florence เลยนะคะ
รูปปั้นของ Benvenuto Cellini นักแกะสลักชื่อดัง
จบทริปวันแรกขอทิ้งทวนไปด้วยภาพของอร่อยของอิตาลีนะคะ
[CR] เที่ยวอิตาลี เหนือจรดใต้ ( สงกรานต์ 2017 )
เรียกได้ว่ามาอิตาลีเที่ยวนี้คุ้มค่ะ โปรแกรมการเดินทาง เริ่มจากมิลาน – ฟลอเรนซ์ - Pisa –โรม – ปอมเปอี - ซอร์เรนโต้ - อมาลฟี – เวนิส - ทะเลสาปโคโม - มิลาน
เริ่มแรกเลย เจ้าของกระทู้ได้ตั๋วเครื่องบินในราคาโปรโมชั่นที่ถูกแสนถูก คือ สายการบินแห่งชาติ Oman Air ( มีแอบแวะเที่ยวโอมาน 1 วันด้วยค่ะ ) จะมีรายละเอียดในกระทู้ต่อไป
เริ่มจากตั๋วไป-กลับ จาก BKK – MILANO - BKK รวมทั้งหมดแล้ว คนละ 16,665 บาท
วันแรกที่ลงเครื่องที่สนามบิน Malpensa เวลา 19.30 น. จากเวลาที่ลงเครื่องบวกกับกิตติศัพท์ของประเทศอิตาลี เลยเลือกที่จะพักโรงแรม Hotel Ibis Milano Malpensa ค่ะ
เหตุผลคือ
1. มีรถรับจากสนามบิน ( เราเป็นคนต่างถิ่นลงเครื่องค่ำ ต้องระวังไว้ก่อนค่ะ 555 พอเอาเข้าจริงลืมคิดไปว่าเวลา 19.30 น.หน้าร้อนของยุโรปนี้ ฟ้ายังสว่างอยู่เลย )
2. ช่วงเช้ามีรถไปส่งที่สนามบินเพื่อต่อยานพาหนะอื่นไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดินหรือรถบัสสำหรับเข้าเมือง
ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับท่านที่ลงเครื่องและต้องการจะใช้บริการรถไฟฟ้า : Milan Malpensa Express Ferrovie Nord สถานีรถไฟจะตั้งอยู่ตรงชั้น 1 ของ Terminal 1 ราคา 13 ยูโร แต่ถ้าจะใช้บริการรถบัส เริ่มที่จากสายพานลำเลียงขนกระเป๋า ตรงหน้าจะมีบูธขายตั๋วรถบัส รถบัสจะออกก็ค่อยข้างถี่ค่ะ คือทุกๆ ๒๐ นาที ราคา 7.5 ยูโรต่อท่าน
เริ่มวันแรก : ในส่วนของเจ้าของกระทู้เลือกที่จะนั่งรถบัสเข้าเมืองเพราะอยากชมบรรยากาศ เลยเลือกที่จะจองรถไฟไปฟลอเรนท์เวลา 09.35 น. โดยรถไฟเอกชน italotreno ราคาท่านละ 28.90 ยูโร ทางไปจอง http://www.italotreno.it/en ตามนี้ค่ะ
ใช้เวลา 1ชั่วโมง 50 นาที ถึงสถานี Firenze S.M.N. ย่อมาจากชื่อ Firenze San Maria Novella นะคะ
เมือง Florence มี DUOMO อยู่ ณ จุดศูนย์กลางของเมือง เป็น 3 อันติดกัน ประกอบไปด้วย โบสถ์ Santa Maria del Fiore , หอระฆังกัมปีนาเล Campanile di Giotto และ Copula ค่ะ
Santa Maria del Fiore เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของอิตาลี และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นโบสถ์โกธิคที่ใช้หินอ่อน 3 สี จาก 3
เมืองในทัสคานี สีขาวจากเมือง carrara สีชมพูจาก Siena สีเขียวจาก Prado ( เข้าฟรี ) ค่ะ
ที่เห็นเป็นโดม คือ Copula ค่าเข้า 6 ยูโร
หอระฆังกัมปีนาเล Campanile di Giotto 414 ขั้น ค่าเข้าชมราคา 6 ยูโร
ภายใน Santa Maria del Fiore เข้าชมฟรี
แบตติสเทอโร Battistero di S.Giovanni ประตูทางทิศตะวันออกที่สวยงามขนาดมิเคลันเจโลยังชื่นชมและเอ่ยปากบอกว่าประตูบานนี้เป็นประตูแห่งสวรรค์ Porta del Paradiso
แล้วเดินต่อไปยัง จัตุรัส Palazzo Vecchio ระหว่างทางผ่านจตุรัส จัตุรัส Piazza della Repubblica
ถึงแล้วค่ะ จตุรัส Palazzo Vecchio ใกล้กับทางเข้าปาลัซโซเวคคีโอกับรูปปั้นเดวิดคือ ระเบียงล็อจจา เดย์ ลันซี Loggia Del Lanzi ; มีผลงานของประติมากรชั้นนำหลายชิ้น ให้ชมฟรีอย่างใกล้ชิด
ทางเข้าปาลัซโซเวคคีโอกับรูปปั้นเดวิด
ไปกันต่อเลยนะคะ จุดชมวิว ณ จตุรัสมิเคลลันเจโล ทางจะชันหน่อย
จตุรัสมิเคลลันเจโล
กลับลงมายังสะพาน Vecchio
สะพาน Vecchio สะพานที่มีชื่อเสียงจนเป็น 1 ในสัญลักษณ์ของเมือง Florence เลยนะคะ
รูปปั้นของ Benvenuto Cellini นักแกะสลักชื่อดัง
จบทริปวันแรกขอทิ้งทวนไปด้วยภาพของอร่อยของอิตาลีนะคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น