ชนะใจตนเอง
ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านอื่นๆ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย.60 เวลาประมาณ 18.30น. เรื่องมีว่าคุณแม่ผมให้มีขับรถพาไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งโดยไปกันสามคน มีผม คุณแม่ และลูกผม ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเย็นวันศุกร์และสิ้นเดือนจะไปคนมาห้างเยอะและที่จอดรถจะหายากมาก
ผมขับรถเข้ามาที่ลานจอดรถกำลังมองหาช่องว่างเผื่อจอดรถ เห็นว่างอยู่หนึ่งช่อง ผมก็เลี้ยวซ้ายเพื่อจะถอยเข้าช่องจอดรถ
มีรถคันหนึ่งพุ่งมาอย่าเร็วแล้วมาจอดแทบจะชนรถผมแล้วมาเปิดไฟสูงใส่รถผม และพยายามขับรถมาเพื่อให้ผมขับรถถอยหลังเพื่อเค้าจะถอยเข้าชิ่งจอดรถที่ผมกำลังจะเข้า ซึ่งตอนนั้นผมโกธรและโมโหมากผมก็ไม่ยอมถอยและก็เปิดไฟสูงและไม่ยอมถอยหลังนานอยู่ประมาณเกือบ 5 นาที ซึ่งตอนนั้นผมคิดว่าจะเปิดประตูไปมีเรื่องในใจคิดว่าไม่ยอมมีเรื่องก็ต้องมีเรื่อง
คุณแม่ผมซึ่งนั่งหน้าข้างผม หันมาจับแขนผมแล้วพูดว่า “ปล่อยเค้าไปเถอะลูกถ้าเค้าอยากจอดตรงนี้ก็ให้เค้าไป เราวนรถไปหาที่จอดใหม่ อยากไปมีเรื่องกันเลย ใจเย็นๆ” ซึ่งเวลานั้นผมโมโหมากแต่พอได้ยินคุณแม่พูดอย่างนั้นผมก็เลยถอยหลังรถให้รถเค้าเข้าจอด แล้ววนไปหาที่จอดรถใหม่แต่ในใจยังโกรธมากคิดว่าหาที่จอดได้แล้วจะเดินไปหารถคู่กรณี
ปกติผมยอมรับเป็นคนใจร้อนและยิ่งเวลาขับรถจะไม่ชอบให้มาบีบแตร หรือส่องไฟสูงไล่หลัง ขับมาปาดหน้าหรืออะไรก็ตามผมจะไม่ยอมจะต้องปาดกลับหรือบีบแตรใส่ คุณแม่ผมจะรู้นิสัยผมว่าเวลาขับรถจะใจร้อนมาก
ผมเคยมีเรื่องเวลาขับรถมาแล้ว ไม่ว่าจะมอเตอร์ไซค์รถแท็กซี่ รถยนต์ด้วยกันมาแล้ว
พอจอดรถเสร็จคุณแม่ก็บอกผมให้เดินตามมาในห้าง เหมือนรู้ว่าผมจะเดินไปหาคู่กรณี แล้วพูดกับผมว่า “ใจเย็นๆลูกใจเย็น” ผมก็เดินพาคุณแม่ไปซื้อของและจูงลูกเดินไปด้วยแต่มีใจยังโกรธมาก ผมเดินซื้อของผ่านไปได้ประมาณ 30 นาที
ผมคิดถึงคำที่คุณแม่พูดตลอดเวลาทำให้ผมหายโกรธ แล้วคิดได้ว่าถ้าผมลงไปจากรถแล้วไปเอาเรื่องคู่กรณีก็คงมีเรื่องกัน
อาจจะมีการทำร้ายร่างกายกันอาจมีเรื่องใหญ่โต ดีนะที่มีคุณแม่มาด้วยแล้วมาเตือนสติเราและเป็นครั้งแรกที่ผมชนะใจตนเองหยุดความโกรธและให้อภัย สิ่งที่ผมได้จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมใจเย็นลงมากและทำให้ผมสามารถชนะใจตนเองแล้วรู้สึกสบายใจมาก ที่ผมเล่ามาเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกท่านให้ใจเย็นๆกลับทุกเหตุการณ์จะทำให้สังคมดีขึ้น
แล้วจะรู้ว่าถ้าเราสามารถชนะใจตนเองได้เมื่อไร เราจะพบความสุขใจ ขอบคุณคุณแม่ผมมากที่ทำให้ผมสามารถชนะใจตนเองได้ และผมคิดว่าผมผ่านเรื่องนี้มาได้เรื่องอื่นๆผมก็ทำได้ครับ
ขอบคุณครับ
การชนะใจตนเอง
ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านอื่นๆ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย.60 เวลาประมาณ 18.30น. เรื่องมีว่าคุณแม่ผมให้มีขับรถพาไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งโดยไปกันสามคน มีผม คุณแม่ และลูกผม ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเย็นวันศุกร์และสิ้นเดือนจะไปคนมาห้างเยอะและที่จอดรถจะหายากมาก
ผมขับรถเข้ามาที่ลานจอดรถกำลังมองหาช่องว่างเผื่อจอดรถ เห็นว่างอยู่หนึ่งช่อง ผมก็เลี้ยวซ้ายเพื่อจะถอยเข้าช่องจอดรถ
มีรถคันหนึ่งพุ่งมาอย่าเร็วแล้วมาจอดแทบจะชนรถผมแล้วมาเปิดไฟสูงใส่รถผม และพยายามขับรถมาเพื่อให้ผมขับรถถอยหลังเพื่อเค้าจะถอยเข้าชิ่งจอดรถที่ผมกำลังจะเข้า ซึ่งตอนนั้นผมโกธรและโมโหมากผมก็ไม่ยอมถอยและก็เปิดไฟสูงและไม่ยอมถอยหลังนานอยู่ประมาณเกือบ 5 นาที ซึ่งตอนนั้นผมคิดว่าจะเปิดประตูไปมีเรื่องในใจคิดว่าไม่ยอมมีเรื่องก็ต้องมีเรื่อง
คุณแม่ผมซึ่งนั่งหน้าข้างผม หันมาจับแขนผมแล้วพูดว่า “ปล่อยเค้าไปเถอะลูกถ้าเค้าอยากจอดตรงนี้ก็ให้เค้าไป เราวนรถไปหาที่จอดใหม่ อยากไปมีเรื่องกันเลย ใจเย็นๆ” ซึ่งเวลานั้นผมโมโหมากแต่พอได้ยินคุณแม่พูดอย่างนั้นผมก็เลยถอยหลังรถให้รถเค้าเข้าจอด แล้ววนไปหาที่จอดรถใหม่แต่ในใจยังโกรธมากคิดว่าหาที่จอดได้แล้วจะเดินไปหารถคู่กรณี
ปกติผมยอมรับเป็นคนใจร้อนและยิ่งเวลาขับรถจะไม่ชอบให้มาบีบแตร หรือส่องไฟสูงไล่หลัง ขับมาปาดหน้าหรืออะไรก็ตามผมจะไม่ยอมจะต้องปาดกลับหรือบีบแตรใส่ คุณแม่ผมจะรู้นิสัยผมว่าเวลาขับรถจะใจร้อนมาก
ผมเคยมีเรื่องเวลาขับรถมาแล้ว ไม่ว่าจะมอเตอร์ไซค์รถแท็กซี่ รถยนต์ด้วยกันมาแล้ว
พอจอดรถเสร็จคุณแม่ก็บอกผมให้เดินตามมาในห้าง เหมือนรู้ว่าผมจะเดินไปหาคู่กรณี แล้วพูดกับผมว่า “ใจเย็นๆลูกใจเย็น” ผมก็เดินพาคุณแม่ไปซื้อของและจูงลูกเดินไปด้วยแต่มีใจยังโกรธมาก ผมเดินซื้อของผ่านไปได้ประมาณ 30 นาที
ผมคิดถึงคำที่คุณแม่พูดตลอดเวลาทำให้ผมหายโกรธ แล้วคิดได้ว่าถ้าผมลงไปจากรถแล้วไปเอาเรื่องคู่กรณีก็คงมีเรื่องกัน
อาจจะมีการทำร้ายร่างกายกันอาจมีเรื่องใหญ่โต ดีนะที่มีคุณแม่มาด้วยแล้วมาเตือนสติเราและเป็นครั้งแรกที่ผมชนะใจตนเองหยุดความโกรธและให้อภัย สิ่งที่ผมได้จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมใจเย็นลงมากและทำให้ผมสามารถชนะใจตนเองแล้วรู้สึกสบายใจมาก ที่ผมเล่ามาเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกท่านให้ใจเย็นๆกลับทุกเหตุการณ์จะทำให้สังคมดีขึ้น
แล้วจะรู้ว่าถ้าเราสามารถชนะใจตนเองได้เมื่อไร เราจะพบความสุขใจ ขอบคุณคุณแม่ผมมากที่ทำให้ผมสามารถชนะใจตนเองได้ และผมคิดว่าผมผ่านเรื่องนี้มาได้เรื่องอื่นๆผมก็ทำได้ครับ