.
หากเป็นแฟนบอลรุ่นเก๋า จากยุคเก่าและแก่พรรษาหน่อย ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยและจดจำว่า ผู้เล่นหมายเลขตัวเดียวไปจากหมายเลข 1 จนถึงหมายเลข 11ของทีมใดๆก็ตามนั้น
คือผู้เล่นคนสำคัญและเป็นผู้เล่น “ตัวจริง”ของทีมนั้นๆเสมอ จนยุคสมัยเปลี่ยนไป มีผู้เล่นดาวรุ่งจากทีมสำรองหรือผู้เล่นหน้าใหม่ที่ย้ายเข้ามาแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ได้ แต่ด้วยการเรียงลำดับเบอร์ที่ให้ความสำคัญของหมายเลขกับผู้เล่นตัวจริงก่อนตามประเพณีนิยม ทำให้ผู้เล่นดาวรุ่งและผู้เล่นหน้าใหม่ที่ย้ายเข้า ส่วนมากได้รับเสื้อหมายเลขสองหลักในครั้งแรกๆที่ลงสนาม
หากไล่เรียงเบอร์เสื้อตามประเพณีนิยมของฟุตบอลยุคก่อน แต่ล่ะเบอร์ของเสื้อหมายเลขตัวเดียวไปจากหมายเลข 1 จนถึงหมายเลข 11 แทบจะบ่งบอกตำแหน่งการเล่นของผู้ที่สวมใส่เบอร์นั้นๆได้เลย
เบอร์ 1 สำหรับผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม
เบอร์ 2 3 5 6สำหรับผู้เล่นกองหลัง โดยส่วนใหญ่ เบอร์ 2 3 จะเป็นผู้เล่นตำแหน่งแบ๊คซ้าย-ขวา ส่วน 5 6 นั้นเป็นเบอร์ของผู้เล่นเซ็นเตอร์
เบอร์ 4 7 8 รวมถึง 11 สำหรับผู้เล่นกองกลาง โดย เบอร์ 7 กับ 11 ทำหน้าที่สนับสนุนเกมส์ด้านข้าง และมีเบอร์ 4 หรือเบอร์ 8 เป็นตัวชนเก็บกวาดอยู่หน้ากองหลัง โดยผู้เล่นเบอร์ 8 อาจรับอีกหน้าที่ด้วยคือเป็นตัวสอดขึ้นไปสนับสนุนเกมส์รุกในยามที่ทีมมีโอกาสได้บุก เหมือนที่ สตีเฟ่น เจอร์ราด อดีตกัปตันทีมเคยทำไว้ในบริบทนี้จนเป็นตำนานของทีมบนเบอร์เสื้อหมายเลข 8
ส่วนเบอร์ 9 10 นั้น สำหรับผู้เล่นกองหน้า อาจถอยร่นผู้เล่นเบอร์ 10 ลงมาต่ำเพื่อทำหน้าที่หน้าต่ำหรือถอยลึกไปอยู่เหนือแนวกองกลาง เพื่อทำหน้าที่เพลย์เมคเกอร์ เป็นจุดเริ่มต้นสร้างเกมส์รุกให้กับทีม โดยมีเบอร์ 9 ที่ ยืนอยู่สูงกว่าเพื่อเป็นตัวจบสกอร์ ขณะที่กองกลางริมเส้นทั้งสองข้าง เบอร์ 7 เบอร์ 11 ก็สอดประสานขึ้นไปสนับสนุนแนวรุก พื้นที่ริมเส้นจนถึงมุมธงของฝั่งคู่ต่อสู้ และเบอร์ 7 กับ 11 อาจขยับขึ้นไปยืนแนวหน้าเลยเพื่อทำหน้าที่เป็นปีกให้กับบางทีม ที่ใช้ระบบกองหน้า 3 ตัว
ในทีมผู้เล่นชุดหลักของลิเวอร์พูล ปัจจุบันแม้ไม่ได้เรียงเบอร์ตามประเพณีนิยมแบบเก่าทั้งหมดทุกคน แต่การจัดวางบทบาทและบริบทของผู้เล่นแต่ล่ะตำแหน่งในการลงเล่น ก็ไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไรนัก และหากลองดูตามบริบทที่ว่ามาจะเห็นว่า
ทีมในชุดปัจจุบันยังเหมือนจะขาดผู้เล่น 2 เบอร์สำคัญไปในทีมชุดหลักชุดนี้ ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
เบอร์แรกเลยคือเบอร์ 4 ที่ทำหน้าที่เป็นกองกลางตัวที่ยืนต่ำที่สุด ที่รับหน้าที่ตัวเก็บกวาดเข้าปะทะก่อนเซ็นเตอร์ คู่หูเบอร์ 5 หรือ 6 ซึ่งยืนประจำการร่วมกันที่รับหน้าที่ตัวซ้อน การเข้ามาของ โจเอลมาติป ถือว่ายกระดับแนวรับของทีมได้ดีระดับหนึ่ง แต่บริบทของเขาที่เลือกใส่เบอร์ 32 นั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับนักเตะเบอร์ 5 ตามบริบทการยืนตำแหน่งตามเบอร์เสื้อ (3+2=5) ยืนทำหน้าที่ร่วมกับ เดยัน ลอฟเร่น ที่ใส่เบอร์ 6 ตามบริบทในตำแหน่งที่เขาเล่น
มองตามศักยภาพคู่เซ็นเตอร์คู่นี้ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ขาดหายไปและทำให้คู่เซ็นเตอร์ของทีมต้องเจองานหนัก คือ การ
ไม่มีผู้เล่นเบอร์ 4 ที่ลงเล่นได้อย่างประจำ คอยทำหน้าที่สกรีนเก็บกวาดแนวรุกฝ่ายตรงข้ามให้ก่อน การขาดหายไปเกือบ 15 เกมส์ในเกมส์ลีคของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมเบอร์ 4 สร้างภาระให้กับแนวรับของทีมอย่างมาก เอ็มเร่ ชาน หากดูจากสไตล์การเล่นของเขา เขาเหมาะกับการเป็นผู้เล่นเบอร์ 8 (ตำแหน่งเดียวกับ ไวนาดุม)มากกว่าการมายืนทำหน้าที่เบอร์ 4 และนั้นทำให้ทีมเกิดปัญหาในเกมส์รับและไม่ราบรื่นในการเริ่มต้นขึ้นบอลเพื่อทำเกมส์รุก จนสะดุดไปพักใหญ่ในยามที่ไม่มีผู้เล่นเบอร์ 4 ที่แท้จริงช่วยลดภาระให้กับกองหลัง
นาบี เกอิต้า อาจเป็นคำตอบสำหรับการแก้ปัญหานี้ ด้วยสไตล์การเล่นและตำแหน่งหน้าที่ตามบริบทที่เขารับตอนอยู่ทีมเดิม หากซื้อเขาเข้ามาร่วมทีมได้ในฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึง ก็จะเป็นการเข้ามาเติมช่องว่างที่ขาดหายไปเพราะอาการบาดเจ็บของ เฮนเดอร์สัน จนไม่ส่งผลจนเป็นปัญหากับแนวรับของทีม หากเขาเล่นได้เท่ากับฟอร์มเดิมที่เคยทำได้
และหากให้เขาใส่เบอร์ 8 ซึ่งเบอร์ของอดีตตำนานของทีมอย่าง เจอร์ราด ก็คงไม่น่าเกลียดอะไร เพราะถึงยังไงราคาค่าตัวของเขาหากย้ายมาร่วมทีมจริงๆ คงทำลายสถิติสูงสุดที่เพิ่งเกิดอย่าง 39 ล้านปอนด์ในการคว้าตัว ซาล่าห์ ลงอย่างราบคาบ (ราคาค่าตัวประมาณการของ เกอิต้า คงไม่ต่ำกว่า 48 ล้าน ตามเงื่อนไขฉีกสัญญา และเพดานราคาอาจสูงไปถึงระดับ 70 ล้านก็เป็นได้)
และการมีผู้เล่นระดับสูงในตำแหน่งเดียวกันหลายๆคน ทำให้สามารถหมุนเวียนผู้เล่นไม่ให้ต้องรับภาระหนักเกินไปจากระบบ Gegenpressing ที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นตัวการทำลายความฟิต หากนับรวมกับผู้เล่นเดิมซึ่งรับบริบทหน้าที่ของตำแหน่งเบอร์ 4 ที่มีอยู่ ก็จะเพิ่มเป็น 3 คน คือ เฮนเดอร์สัน ชาน และเกอิต้าที่น่าจะคว้าตัวมาร่วมทีมให้ได้ แถมยังซัพพอร์ตตำแหน่งของผู้เล่นเบอร์ 8 ซึ่งมีไวนาดุมทำหน้าที่ประจำอยู่ได้อีกด้วย เพราะทั้ง ชาน และเกอิต้า ก็สามารถรับบทบาทตรงนั้นได้ เพื่อผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอีกเช่นเคย ไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งในสองตำแหน่งสำคัญ ทั้งเบอร์ 4 และเบอร์8 ของแผงกองกลางของทีมต้องเหนื่อยเกินไปในการยืนระยะ เพื่อพาทีมไปสู่เป้าหมาย
ปีที่แล้วคอบอลอังกฤษแทบทุกคนบนโลกต่างก็รู้ดีว่า
ที่หงส์แดงยังมีปัญหา คือการขาดผู้เล่นที่มีศักยภาพทดแทนตัวหลักได้ มองไปที่ม้านั่งสำรองก็แทบไม่เห็นใครที่จะมาเป็นที่เพิ่งของทีม ดังนั้นการหาผู้เล่นที่ใช้งานได้เลยไม่ต้องรอปั้น นั้นอาจเป็นทางที่ถูกต้องของการรักษาระดับการเล่น ไม่ให้แก่วงในยามที่ตัวหลักคนใดคนหนึ่งบาดเจ็บเพราะรับภาระหนักเกินไปในระบบ Gegenpressing
ออกตัวสักนิดว่า ผู้เขียนเองก็ไม่ได้มองว่า ผู้เล่นที่รับบทบาทเบอร์ 4 และเบอร์ 8 เดิมของทีมทั้งเฮนเดอร์สัน ไวนาดุม หรือชาน นั้นไม่ดีพอในการเล่นให้กับลิเวอร์พูลแต่อย่างใด แต่การยืนระยะให้ไหวรักษาความสม่ำเสมอของทีมให้ได้ไปจนจบฤดูกาลให้ได้ ผู้เล่นที่มีอยู่เดิมที่มีศักยภาพฝีเท้าดีพอแค่ 3 คน ในสองตำแหน่งนี้อาจไม่เพียงพอและอาจก่อปัญหาแบบฤดูกาลที่ผ่านมา ดังนั้นคงดีกว่าหากมีผู้เล่นที่สามารถใช้งานได้เลย มาสนับสนุนช่วยเหลือผู้เล่นเดิมที่มีอยู่แล้วอีกสักคน จะเป็นการตอบโจทย์ของปัญหานี้มากกว่า โดยไม่มองว่าใครจะได้เป็นตัวจริงรึสำรอง เพราะระบบการเล่นที่ใช้พละกำลังสูงของลิเวอร์พูลนั้น เปิดกว้างสำหรับผู้เล่นในทีมที่มีศักยภาพแทบทุกตำแหน่งอยู่แล้ว (ถึงศักยภาพน้อยแต่คล้อปก็เข็นลงสนามแน่ๆเพื่อหาประสบการณ์)
แน่นอนว่านี้เป็นการตั้งความคาดหวัง กับผู้เล่นที่ยังไม่ได้เข้ามาร่วมทีม แต่มันก็มีเหตุผลมากพอที่จะทำให้การลงทุนที่มีมูลค่ามหาศาลครั้งนี้ อาจคุ้มค่ากับผลที่ทีมจะได้รับ
นาบี เกอิต้า อาจเป็นคำตอบสุดท้ายของผู้เล่นทั้งเบอร์ 4 และเบอร์ 8 ที่เจอร์เก้น คล้อปและ Liverpool ต้องการ
ในฐานนะแฟนหงส์แดง ขอเขียนเชียร์ตัวนี้สุดลิ่มทิ่มประตู เมื่อรู้ว่าคงไม่ใช่ข่าวเต้าแน่ๆ เพราะ BBC เล่นข่าว เกอิต้ากับลิเวอร์พูลแล้ว
http://www.bbc.com/sport/football/40458921 ที่เหลือก็แค่ภาวนาให้ไลป์ซิกห์ยอมขาย กับไม่ให้ทีมเจรจามัวแต่ต่อราคาจนเขารำคาญและไล่ตะเพิดเอาแบบกรณีฟานไดร์
ขอให้ได้ขอให้โดนเถอะ เจ้าประคุ้ณ............ ตัวนี้แววดีที่สุดแล้วในรอบหลายปีหลังกับข่าวการเสริมทัพของทีม Liverpool
ป.ล.วันนี้วันหยุดสุดสัปดาห์เลยต้องออกมาตั้งกะทู้นอกบ้าน TIA สักหน่อย ห้องพรีเมียร์ลีคจะได้มีเรื่องราวของฟุตบอลจริงๆมาให้แลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง แม้จะไม่มีเนื้อหาสาระอะไร เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของคนๆหนึ่งซึ่งรักและเชียร์ทีมที่ตนเองชื่นชอบ เลือกทำอยู่ในขอบเขตที่แฟนบอลคนหนึ่งสมควรทำ ก็ไม่น่าผิดตรงไหน
เพราะอย่างน้อยมันก็น่าจะดีกว่ากะทู้จิกกัด สร้างศัตรู ที่ไม่รู้จะขยันตั้งกะทู้กันไปทำไมเยอะแยะ จริงไหมครับ..?
Liverpool กับเบอร์ 4 และเบอร์ 8 สองขุมกำลังสำคัญที่ขาดหาย แต่อาจแก้ไขได้โดยคนๆเดียว
หากเป็นแฟนบอลรุ่นเก๋า จากยุคเก่าและแก่พรรษาหน่อย ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยและจดจำว่า ผู้เล่นหมายเลขตัวเดียวไปจากหมายเลข 1 จนถึงหมายเลข 11ของทีมใดๆก็ตามนั้น คือผู้เล่นคนสำคัญและเป็นผู้เล่น “ตัวจริง”ของทีมนั้นๆเสมอ จนยุคสมัยเปลี่ยนไป มีผู้เล่นดาวรุ่งจากทีมสำรองหรือผู้เล่นหน้าใหม่ที่ย้ายเข้ามาแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ได้ แต่ด้วยการเรียงลำดับเบอร์ที่ให้ความสำคัญของหมายเลขกับผู้เล่นตัวจริงก่อนตามประเพณีนิยม ทำให้ผู้เล่นดาวรุ่งและผู้เล่นหน้าใหม่ที่ย้ายเข้า ส่วนมากได้รับเสื้อหมายเลขสองหลักในครั้งแรกๆที่ลงสนาม
หากไล่เรียงเบอร์เสื้อตามประเพณีนิยมของฟุตบอลยุคก่อน แต่ล่ะเบอร์ของเสื้อหมายเลขตัวเดียวไปจากหมายเลข 1 จนถึงหมายเลข 11 แทบจะบ่งบอกตำแหน่งการเล่นของผู้ที่สวมใส่เบอร์นั้นๆได้เลย
เบอร์ 1 สำหรับผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม
เบอร์ 2 3 5 6สำหรับผู้เล่นกองหลัง โดยส่วนใหญ่ เบอร์ 2 3 จะเป็นผู้เล่นตำแหน่งแบ๊คซ้าย-ขวา ส่วน 5 6 นั้นเป็นเบอร์ของผู้เล่นเซ็นเตอร์
เบอร์ 4 7 8 รวมถึง 11 สำหรับผู้เล่นกองกลาง โดย เบอร์ 7 กับ 11 ทำหน้าที่สนับสนุนเกมส์ด้านข้าง และมีเบอร์ 4 หรือเบอร์ 8 เป็นตัวชนเก็บกวาดอยู่หน้ากองหลัง โดยผู้เล่นเบอร์ 8 อาจรับอีกหน้าที่ด้วยคือเป็นตัวสอดขึ้นไปสนับสนุนเกมส์รุกในยามที่ทีมมีโอกาสได้บุก เหมือนที่ สตีเฟ่น เจอร์ราด อดีตกัปตันทีมเคยทำไว้ในบริบทนี้จนเป็นตำนานของทีมบนเบอร์เสื้อหมายเลข 8
ส่วนเบอร์ 9 10 นั้น สำหรับผู้เล่นกองหน้า อาจถอยร่นผู้เล่นเบอร์ 10 ลงมาต่ำเพื่อทำหน้าที่หน้าต่ำหรือถอยลึกไปอยู่เหนือแนวกองกลาง เพื่อทำหน้าที่เพลย์เมคเกอร์ เป็นจุดเริ่มต้นสร้างเกมส์รุกให้กับทีม โดยมีเบอร์ 9 ที่ ยืนอยู่สูงกว่าเพื่อเป็นตัวจบสกอร์ ขณะที่กองกลางริมเส้นทั้งสองข้าง เบอร์ 7 เบอร์ 11 ก็สอดประสานขึ้นไปสนับสนุนแนวรุก พื้นที่ริมเส้นจนถึงมุมธงของฝั่งคู่ต่อสู้ และเบอร์ 7 กับ 11 อาจขยับขึ้นไปยืนแนวหน้าเลยเพื่อทำหน้าที่เป็นปีกให้กับบางทีม ที่ใช้ระบบกองหน้า 3 ตัว
ในทีมผู้เล่นชุดหลักของลิเวอร์พูล ปัจจุบันแม้ไม่ได้เรียงเบอร์ตามประเพณีนิยมแบบเก่าทั้งหมดทุกคน แต่การจัดวางบทบาทและบริบทของผู้เล่นแต่ล่ะตำแหน่งในการลงเล่น ก็ไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไรนัก และหากลองดูตามบริบทที่ว่ามาจะเห็นว่า ทีมในชุดปัจจุบันยังเหมือนจะขาดผู้เล่น 2 เบอร์สำคัญไปในทีมชุดหลักชุดนี้ ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
เบอร์แรกเลยคือเบอร์ 4 ที่ทำหน้าที่เป็นกองกลางตัวที่ยืนต่ำที่สุด ที่รับหน้าที่ตัวเก็บกวาดเข้าปะทะก่อนเซ็นเตอร์ คู่หูเบอร์ 5 หรือ 6 ซึ่งยืนประจำการร่วมกันที่รับหน้าที่ตัวซ้อน การเข้ามาของ โจเอลมาติป ถือว่ายกระดับแนวรับของทีมได้ดีระดับหนึ่ง แต่บริบทของเขาที่เลือกใส่เบอร์ 32 นั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับนักเตะเบอร์ 5 ตามบริบทการยืนตำแหน่งตามเบอร์เสื้อ (3+2=5) ยืนทำหน้าที่ร่วมกับ เดยัน ลอฟเร่น ที่ใส่เบอร์ 6 ตามบริบทในตำแหน่งที่เขาเล่น
มองตามศักยภาพคู่เซ็นเตอร์คู่นี้ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ขาดหายไปและทำให้คู่เซ็นเตอร์ของทีมต้องเจองานหนัก คือ การไม่มีผู้เล่นเบอร์ 4 ที่ลงเล่นได้อย่างประจำ คอยทำหน้าที่สกรีนเก็บกวาดแนวรุกฝ่ายตรงข้ามให้ก่อน การขาดหายไปเกือบ 15 เกมส์ในเกมส์ลีคของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมเบอร์ 4 สร้างภาระให้กับแนวรับของทีมอย่างมาก เอ็มเร่ ชาน หากดูจากสไตล์การเล่นของเขา เขาเหมาะกับการเป็นผู้เล่นเบอร์ 8 (ตำแหน่งเดียวกับ ไวนาดุม)มากกว่าการมายืนทำหน้าที่เบอร์ 4 และนั้นทำให้ทีมเกิดปัญหาในเกมส์รับและไม่ราบรื่นในการเริ่มต้นขึ้นบอลเพื่อทำเกมส์รุก จนสะดุดไปพักใหญ่ในยามที่ไม่มีผู้เล่นเบอร์ 4 ที่แท้จริงช่วยลดภาระให้กับกองหลัง
นาบี เกอิต้า อาจเป็นคำตอบสำหรับการแก้ปัญหานี้ ด้วยสไตล์การเล่นและตำแหน่งหน้าที่ตามบริบทที่เขารับตอนอยู่ทีมเดิม หากซื้อเขาเข้ามาร่วมทีมได้ในฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึง ก็จะเป็นการเข้ามาเติมช่องว่างที่ขาดหายไปเพราะอาการบาดเจ็บของ เฮนเดอร์สัน จนไม่ส่งผลจนเป็นปัญหากับแนวรับของทีม หากเขาเล่นได้เท่ากับฟอร์มเดิมที่เคยทำได้
และหากให้เขาใส่เบอร์ 8 ซึ่งเบอร์ของอดีตตำนานของทีมอย่าง เจอร์ราด ก็คงไม่น่าเกลียดอะไร เพราะถึงยังไงราคาค่าตัวของเขาหากย้ายมาร่วมทีมจริงๆ คงทำลายสถิติสูงสุดที่เพิ่งเกิดอย่าง 39 ล้านปอนด์ในการคว้าตัว ซาล่าห์ ลงอย่างราบคาบ (ราคาค่าตัวประมาณการของ เกอิต้า คงไม่ต่ำกว่า 48 ล้าน ตามเงื่อนไขฉีกสัญญา และเพดานราคาอาจสูงไปถึงระดับ 70 ล้านก็เป็นได้)
และการมีผู้เล่นระดับสูงในตำแหน่งเดียวกันหลายๆคน ทำให้สามารถหมุนเวียนผู้เล่นไม่ให้ต้องรับภาระหนักเกินไปจากระบบ Gegenpressing ที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นตัวการทำลายความฟิต หากนับรวมกับผู้เล่นเดิมซึ่งรับบริบทหน้าที่ของตำแหน่งเบอร์ 4 ที่มีอยู่ ก็จะเพิ่มเป็น 3 คน คือ เฮนเดอร์สัน ชาน และเกอิต้าที่น่าจะคว้าตัวมาร่วมทีมให้ได้ แถมยังซัพพอร์ตตำแหน่งของผู้เล่นเบอร์ 8 ซึ่งมีไวนาดุมทำหน้าที่ประจำอยู่ได้อีกด้วย เพราะทั้ง ชาน และเกอิต้า ก็สามารถรับบทบาทตรงนั้นได้ เพื่อผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอีกเช่นเคย ไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งในสองตำแหน่งสำคัญ ทั้งเบอร์ 4 และเบอร์8 ของแผงกองกลางของทีมต้องเหนื่อยเกินไปในการยืนระยะ เพื่อพาทีมไปสู่เป้าหมาย
ปีที่แล้วคอบอลอังกฤษแทบทุกคนบนโลกต่างก็รู้ดีว่า ที่หงส์แดงยังมีปัญหา คือการขาดผู้เล่นที่มีศักยภาพทดแทนตัวหลักได้ มองไปที่ม้านั่งสำรองก็แทบไม่เห็นใครที่จะมาเป็นที่เพิ่งของทีม ดังนั้นการหาผู้เล่นที่ใช้งานได้เลยไม่ต้องรอปั้น นั้นอาจเป็นทางที่ถูกต้องของการรักษาระดับการเล่น ไม่ให้แก่วงในยามที่ตัวหลักคนใดคนหนึ่งบาดเจ็บเพราะรับภาระหนักเกินไปในระบบ Gegenpressing
ออกตัวสักนิดว่า ผู้เขียนเองก็ไม่ได้มองว่า ผู้เล่นที่รับบทบาทเบอร์ 4 และเบอร์ 8 เดิมของทีมทั้งเฮนเดอร์สัน ไวนาดุม หรือชาน นั้นไม่ดีพอในการเล่นให้กับลิเวอร์พูลแต่อย่างใด แต่การยืนระยะให้ไหวรักษาความสม่ำเสมอของทีมให้ได้ไปจนจบฤดูกาลให้ได้ ผู้เล่นที่มีอยู่เดิมที่มีศักยภาพฝีเท้าดีพอแค่ 3 คน ในสองตำแหน่งนี้อาจไม่เพียงพอและอาจก่อปัญหาแบบฤดูกาลที่ผ่านมา ดังนั้นคงดีกว่าหากมีผู้เล่นที่สามารถใช้งานได้เลย มาสนับสนุนช่วยเหลือผู้เล่นเดิมที่มีอยู่แล้วอีกสักคน จะเป็นการตอบโจทย์ของปัญหานี้มากกว่า โดยไม่มองว่าใครจะได้เป็นตัวจริงรึสำรอง เพราะระบบการเล่นที่ใช้พละกำลังสูงของลิเวอร์พูลนั้น เปิดกว้างสำหรับผู้เล่นในทีมที่มีศักยภาพแทบทุกตำแหน่งอยู่แล้ว (ถึงศักยภาพน้อยแต่คล้อปก็เข็นลงสนามแน่ๆเพื่อหาประสบการณ์)
แน่นอนว่านี้เป็นการตั้งความคาดหวัง กับผู้เล่นที่ยังไม่ได้เข้ามาร่วมทีม แต่มันก็มีเหตุผลมากพอที่จะทำให้การลงทุนที่มีมูลค่ามหาศาลครั้งนี้ อาจคุ้มค่ากับผลที่ทีมจะได้รับ
ในฐานนะแฟนหงส์แดง ขอเขียนเชียร์ตัวนี้สุดลิ่มทิ่มประตู เมื่อรู้ว่าคงไม่ใช่ข่าวเต้าแน่ๆ เพราะ BBC เล่นข่าว เกอิต้ากับลิเวอร์พูลแล้ว http://www.bbc.com/sport/football/40458921 ที่เหลือก็แค่ภาวนาให้ไลป์ซิกห์ยอมขาย กับไม่ให้ทีมเจรจามัวแต่ต่อราคาจนเขารำคาญและไล่ตะเพิดเอาแบบกรณีฟานไดร์
ขอให้ได้ขอให้โดนเถอะ เจ้าประคุ้ณ............ ตัวนี้แววดีที่สุดแล้วในรอบหลายปีหลังกับข่าวการเสริมทัพของทีม Liverpool
ป.ล.วันนี้วันหยุดสุดสัปดาห์เลยต้องออกมาตั้งกะทู้นอกบ้าน TIA สักหน่อย ห้องพรีเมียร์ลีคจะได้มีเรื่องราวของฟุตบอลจริงๆมาให้แลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง แม้จะไม่มีเนื้อหาสาระอะไร เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของคนๆหนึ่งซึ่งรักและเชียร์ทีมที่ตนเองชื่นชอบ เลือกทำอยู่ในขอบเขตที่แฟนบอลคนหนึ่งสมควรทำ ก็ไม่น่าผิดตรงไหน
เพราะอย่างน้อยมันก็น่าจะดีกว่ากะทู้จิกกัด สร้างศัตรู ที่ไม่รู้จะขยันตั้งกะทู้กันไปทำไมเยอะแยะ จริงไหมครับ..?