[ตอนที่3] ปั่นจักรยาน 861 โล รอบทะเลญี่ปุ่น มาถึงแล้วเส้นทางมหาสมบัติ Shimanamikaido !!

กลับมาแล้วฮะะะ มาต่อกันกับวันที่ 7 สำหรับใครที่พึ่งเข้ามาอ่านวันนี้ ขอเกริ่นนิดนึงนะคือพวกเราเป็นนักวิจัยแลกเปลี่ยนที่เกียวโต อยู่มาวันนึงโดนไล่ออกจากหอพักไม่มีที่ไปเลยออกปั่นจักรยานเร่ร่อนกันไงล่ะ เป้าหมายคือ ที่นี่ Shimmanami Kaido สุดยอดทางปั่นจักรยานที่ชิวที่สุดในญี่ปุ่น ส่วนตอนก่อนหน้านี้ติดตามได้ผ่านลิ้งค์นี้เลยครับ แล้วไม่รู้จะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายจะบอกว่าตอนนี้ เราลงทีเดียวสามวันรวดจะยาวมากกกกกนะ
Part 1 Kyoto - Ako : https://ppantip.com/topic/36337769
Part 2 Ako - Hiroshima : https://ppantip.com/topic/36393934
ส่วนในภาคนี้เส้นทางนี้โดนใจเรามาก เราตั้งใจทำวีดีโอสุดๆ รับชมกันก่อนเลยแล้วกันนะ เห่อๆๆ หัวเราะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เมื่อคืนพวกเรามากางเต้นท์กันที่เกาะ Innoshima (因島) หลังจากกลับมาจาก Hiroshima ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ปั่นกันมืดมาก กว่าจะได้นอนกันจริงๆก็น่าจะตีสอง แล้วที่เด็ดคือ Campsite ที่พวกเราจะไปกันปิดประตูหน้า เราต้องหาทางเข้ากันเลยมาประตูหลัง แล้วก็มาจบที่เนินเล็กๆริมหาดที่มีสิ่งก่อสร้างแปลกๆนี้ เมื่อคืนดูอะไรไม่รู้เรื่องเลย กางเต้นท์นอนๆไป
ประเด็นคือภายุเข้าฮะ หนาวมากเราปั่นกันเดือนมีนาใช่มะ คือมันควรจะอุ่นขึ้นหน่อยๆแล้วเมื่อคืนติดลบ พวกเรามีถุงนอนกันคนละอัน กับเสื้อผ้าสองชุดใส่ทั้งหมดยังหนาวเลย หลับไปได้ชั่วโมงกว่าๆตีสี่นี่สั่นงั๊กๆๆ จนเราไม่ไหวต้องตื่นมาวิ่งขึ้นลงบันไดแถวนั้นจนฟ้าสาง หลอนก็หลอนนะ โดมอะไรไม่รู้ป่าอะไรไม่รู้ไม่มีไฟ เห็นไฟริบๆก็ที่สะพานแล้วก็เรือที่ล่องไปมา หยุดวิ่งก็ไม่ได้ด้วยไม่งั้นสั่นอีก
พอฟ้าสางสิ่งที่เราได้เห็นทำเอาลืมหนาวไปเลยครับ คือวิวดีมากเห็นสะพานที่เราปั่นมาจาก Mukoujima (向島) แบบที่นั่งแถวหน้าเลย เราเลยหยุดนั่งชิวจนลืมหนาวไปได้ซักพักใหญ่ๆ พอลมเริ่มตีหน้าหนาวอีก แดดไม่ยอมออกด้วยแหละฟ้าครึ้มมาเลย วิ่งต่อเร็วๆๆ
เมื่อคืนขึ้นๆลงๆตรงบันไดนี้แหละฮะ อาคารก็มืดไม่กล้ามองเข้าไปหลับหูหลับตาวิ่งไป จริงๆคือจินตนาการไปต่างๆนาๆว่าเป็นฐานลับไว้ทดลองมนุษย์กลายพันธุ์ หรือแบบบ้านของฆาตรกรโรคจิตที่จับเหยื่อมาขังไว้หรือเปล่า ไม่แน่อาจจะเป็นโรงงานร้านที่เกิดอุบัติเหตุสมัยสงครามโลกจนปิดมาถึงตอนนี้ก็ได้ หลอนไปเยอะมาก 555
จริงๆแล้วที่นี่เป็นออฟฟิสประภาคารเก่าครับ โล่งอกไปภายในจัดเก็บชิ้นส่วนประภาคารไว้มากมายสามารถเกาะกระจกดูได้เหมือนตู้โชว์เลยนะ ของใช้ภายในจะเป็นของจากยุคสงครามโลกจริงๆด้วยแหละแต่เกาะนี้อยู่ไกลจาก Hiroshima เลยยังปลอดภัยจากปรมณูรอดไปๆ
เดินเลยออกมาอีกประมาณ ห้านาทีก็เจออาคารขาวๆที่เห็นเมื่อวาน ประภาคารนี่เองแต่ปิดใช้งานไปแล้วนะเขามีอันใหม่ที่ใหญ่กว่าขาวกว่า เลยถูกทิ้งไปตามยัตถากรรมเสียดายพยายามปีนเข้าไปเปิดประตูแต่ล๊อคไว้แน่นหนาดีมาก อดเอาภาพเด็ดๆมาฝากเลย
เดินลงมาจากหน้าประภาคารอีกห้านาทีมองขึ้นไปจะเห็นเป็นวิวแบบนี้มันคือชายหาดส่วนตัวฮะ น้ำสวยมากใสมาก มีปลาด้วย โหยคือถ้ามาหน้าร้อนจะโดดแล้ว แต่ถ้าโดดตอนนี้เราคงจบแค่นี้หนาวหลับหายไปในสายน้ำแน่ๆ แบบหนาวจังไม่ไหวแล้ว ขอนอนก่อนนะเหมือนในหนัง ดราม่าๆ
สำรวจจนพอใจแล้วสบายใจว่าพวกเราไม่ได้มานอนในที่แปลกๆทั้งคืน ก็กลับขึ้นมาที่เต้นท์สุดที่รักได้เวลาแพคของกลับบนหลังจักรยาน ในระหว่างแพคของนั้นอยู่ดีๆหลังจาก อดินาลีน ในการสำรวจหมดก็ วูบ ฮะ หน้ามืด นั่นไงเมื่อคืนได้นอนจริงๆไม่ถึงสองชั่วโมง ระหว่างเก็บกันเราเลยตัดสินใจไม่ฝืน หาที่นอนแถวๆเกาะ Oshima (大島) ซึ่งเป็นเกาะสุดท้ายก่อนเข้าแผ่นดินใหญ่ดีกว่า อยากนอนบนเกาะอะ เลยหาเรื่องอู้ เอาความเหนื่อยมาอ้าง เอาน่ะขอชิวนิดนึงนะ
เสิช Airbnb เจอบ้านคุณลุงคนนึงชื่อ คุณลุง Akira เรทติ้งดีมากบ้านลุงเป็นบ้านเล็กๆริมทะเล ฟรั่งทั้งหลายบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าลุงชิวและลุงเทพมาก บ้านลุงวิ่งลงหลังบ้านลงทะเลได้เลย อ้าวๆๆ จองสิแต่จะมีห้องว่างมั้ยเนี่ยจองเช้าเข้าเย็นบ้านฮิตขนาดนี้ ลองส่งข้อความหาลุงดูแต่ลุงคงยังไม่ตื่นลุ้นไปก่อนเก็บของแล้วออกเดินทางเถอะ !
กว่าจะเก็บของพร้อมอู้เสร็จก็ ราวๆแปดโมงแล้วนะ โหยเวลาผ่านไปไวมาก เราบอกลากับสะพานและวิวสวยๆกับพื้นที่ส่วนบุคคลชั่วคราวของเราแล้วก็เริ่มปั่นกัน ก่อนจะออกพึ่งเห็นว่าที่เรามานอนทั้งคืนไม่ใช่ Campsite ที่เจอใน googlemap เป็นที่ของราชการด้วย Campsite ปิดไปแล้วเนื่องจากมีคนมาใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์เยอะ แต่เรื่องอะไรเขาไม่บอกอยากรู้มาก บายยยยยย。。。。สะพาน
ออกมาจากอาณาเขต camp site ได้ไม่ถึงจักรยานเพียบมีทุกแบบที่จินตนาการได้จริงๆ หลังจากพึ่งมีเสียงสัญญาณเปิดเส้นทางปั่นคนทะลักเข้ามากันสนุกสนานเลย จริงๆเส้นทางที่เขาเปิดก็ที่เราแอบปั่นขึ้นมาตอนเที่ยงคืนเมื่อวานนั่นแหละ ไม่รู้วันนี้จะโดนใครตามมาจับไหม 555
ปั่นออกมาจากทางลงสะพานที่สุดแสนจะชุกชุมก็เจอเขตชายหาด กว้างมากทรายเนียนมากๆ ฮึ่มถ้าเรามาฤดูร้อนจะกางเสื่อนอนอาบแดดไปแล้ว แต่ปั่นไปๆมาๆอ้าวจักรยานหายไปไหนหมดล่ะ ทางตันไง ออกมาไหนก็ไม่รู้กลับก่อนๆ ปั่นเกาะนี้ไม่ยากหาจักรยานแล้วตามเขาไปฮะ
นี่ไงๆเจอแล้วเกาะนี้สายโหดเพียบนะเห็นแบบนี้แต่ละคนอัดกัน 40-50 วิ่งเป็นเส้นๆเลย อย่างกะ Tour de France แต่ทำเป็นเล่นไปเขามีงานแข่งประจำปีที่นักปั่นสุดโหดจากทั้งประเทศและต่างประเทศมารวมตัวกันอีกด้วยนะ
จริงๆเห็นทั้งทริป เราแทบไม่ใส่หมวกเลยทางปลอดภัยปั่นแยกจากรถได้เลยแขวนไว้ใช่มะ ปกติที่ไทยถ้าใครปั่นจักรยานจะรู้กันเวลาสวนกับนักปั่นด้วยกันทักได้เลยส่วนมากเขาตอบด้วยความยิ้มแยม มาเกาะนี้เจอเหล่านักปั่นสายรัดติ้วเราก็อยากลองว่าจะมีวัฒนธรรมเดียวกับที่ไทยมั้ย ทักสิ “โอฮะโยะ !!”.... กริบ ลุงเย็นชา เอ้าสงสัยคงแค่ลุง ถัดไปเป็นวัยกลางคนลอง “คนนิจิวะ !!” มองเย็นชาอีก ไรอะทำไมเป็นแบบนี้
จนอยู่ดีๆนึกได้หัวโล่ง ทุกคนมีของบนหัวอ้าวๆ ที่ไทยนะใครไม่ใส่หมวกจะโดนดุจากเพื่อนนักปั่นด้วยถือว่าไม่ปลอดภัยมากๆ เราเลยลองหยิบหมวกมาใส่ แค่นั้นแหละเหล่านักปั่นที่สวนๆกันมา ทักเลย 555 หลังจากนั้นก็ทักกันแทบไม่หวั่นไม่ไหว เยอะมาก จนเริ่มเปลี่ยนจากพูดเป็นพยักหน้าแล้วยิ้มแทน ผลสรุปการทดลอง นักปั่นทั้งที่ญี่ปุ่นกับที่ไทย มีวัฒนธรรมเหมือนกันเป๊ะ ทั้งดุคนไม่ใส่หมวก และทักทายเพื่อนนักปั่นด้วยกันอย่างน่ารักน่าชังฮะ
เส้นทางบนเกาะนี้จะตัดผ่านกลางเกาะเลย ผ่านสวนผักสวนปลาสวนหมูมากมาย กลิ่นตีกันคลุ้งมาก ถ้าใครเคยไปแถวสามพราน จะเข้าใจแบบนั้นแหละฮะ ราวๆ 7.5 กิโล ก็เห็นแว้บๆของสะพานที่พาไปเกาะ Ikuchi (生口島) ซึ่งน่าจะเป็นเกาะที่ยาวอันดับต้นๆของเส้นทางนี้
เส้นทางของจักนยานจะถูกแยกอย่างชัดเจนปั่นตามเส้นฟ้ามาเรื่อยๆเลย แต่ขึ้นทางเดียวกับรถไม่ได้นะต้องขึ้นทางยึกยักๆๆๆ หลายตลบมากแต่สนุกนะ เราปั่นมาเรื่อยๆจนลอดใต้สะพานแล้วก็พบทางแคบๆที่จะพาเราขึ้นไป
ทางขึ้นหน้าตาแบบนี้เลย ห้ามรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์เด็ดขาดนะ จักรยานเท่านั้นปั่นไปเรื่อยๆสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงซักที แต่เพื่อนปั่นเยอะไม่เป็นไรสนุกๆๆ
มาถึงจุดคนเยอะก็งงเขาหยุดดูอะไรกัน พอไปถึงรู้เลยจุดชมวิวไง คือดีมากนี่แค่ชุดชมวิวแรกนะรู้สึกว่าที่ปั่นมาหลายวันนี่คุ้มแล้ว เราก็ยืนอู้กันอยู่ซักพักใหญ่ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ พอลองซูมกล้องดูโอ้โห สะพานนี้ปั่นข้างบนเลยฮะ นึกว่าจะเจอลูกกรงใต้สะพานแบบเมื่อวานซะอีก ไปๆๆ ลองไปดูกันๆ
ตอนแรกก็นึกว่าจะใกล้ถึงแล้วใช่ปะ ยังๆนี่ต้องมาเข้าซอกแคบอีก ไม่รู้เขาจะพาเราวกไปไหน หรือมาผิดแต่ไม่น่าจะใช่ตามลุงมา ลุงเชื่อใจได้ ช่วงนี้ต้องระวังหน่อยนะมีสายซิ่งไหลลงมาเยอะแบบไม่เบรค แบบกลุ่มพี่แกมันส์มากเราต้องหลบเองนะพ้นโค้งนี้มาถึงยอดแล้ว ขึ้นถึงนี่โหววว เข้าใจแล้วทำไมนักปั่นทั่วโลกถึงยกให้ที่นี่เป็นสวรรค์ของนักปั่นจักรยาน นี่สินะ ขนาดเราพึ่งออกมาได้เกาะเดียวยังเด็ดขนาดนี้ตื่นเต้นมากๆว่าจะได้เจออะไรอีก
ด้วยความที่เป็นสะพานข้ามระหว่างเกาะที่ 2 ทำให้นักปั่นยังอุ่นหนาฝาคั่งมากๆ มีทั้งแบบมาเดี่ยว มาเป็นครอบครัว มาเป็นทีม มาเป็นคู่ ถ้าที่ไทยจะหาดูแบบนี้ต้องไปสนามเขียวเท่านั้นเลยนะ
กำลังนึกถึงสนามเขียวที่ไทยที่ตอนนี้เป็นสนามฟ้า แต่จริงๆก็ยังไม่เคยไปบ้านเราไกล ปั่นริมทะเลเอาเหมือนๆกันมั้ง เราก็เจอทางลงสีเขียว หลังจากที่เราขึ้นยึกยักมากันก็ได้เวลาลงยึกยักแล้วๆ พร้อมหันกลับไปมองบอกลาสะพานที่ช่วยพาเราข้ามมาอีกฝั่งด้วยนะ บายจ้า
ลงถึงแล้ว 5555 หักมุมมาก ไหลยาวลืมถ่ายรูป มันส์เกินไปเข้าใจแล้วทำไมลุงๆที่ลงเป็นกลุ่มๆถึงขบฟันกัดฟันกันอย่างเมามันส์แว้บเดียวถึงพื้นเลยยังไม่ทันหายสนุก ลงมาเลี้ยวซ้ายเลยนะ เลียบทะเลเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่