สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
บอกไปเลยฟ้องเรียกค่าเสียหายเพิ่ม เพราะอยู่ในสภาพในงานไม่ได้ แต่เราคิดว่าคุณแย่มาก ให้เช่ามานานไม่เคยไปดูแลเลย ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราว่าเจอขนาดนี้ คุณไม่ได้อยู่ด้วย ยังทรมานเลย คนอื่นที่อยู่ คงทรมานน่าดู เห็นใจเพื่อนบ้าน ที่เจอเจ้าของห้อง ขี้เกียจ เราให้เช่า ในสัญญาเราต้องไปดูได้ มีปัญหาอะไร ก็แก้ไขได้
ความคิดเห็นที่ 32
เห็นกระทู้นี้แล้วต้อง Log in เข้ามาแสดงความคิดเห็นเลยค่ะ
ขอตอบในฐานะที่มีอพาร์ทเม้นท์ให้เช่านะคะ ถ้าเป็นอพาร์ทเม้นท์ดิฉัน
ในส่วนของเรื่องทาสี ดิฉันไม่ปรับค่ะ เนื่องจากผู้เช่าได้เช่าเป็นระยะเวลา 7 ปี เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร และทางอพาร์ทเม้นท์ได้รับเงินค่าเช่าครบทุกเดือน มันเป็นเรื่องธรรมดาค่ะที่สีจะหมอง เวลาย้ายออกสีจะไม่เหมือนใหม่แน่นอนค่ะ เพราะมันคือการเสื่อมสภาพจากการอยู่อาศัยค่ะ แล้วทางอพาร์ทเม้นท์ได้รับค่าเช่าทุกเดือนอยู่แล้ว แต่จะต้องเป็นกรณีที่สีหมองเท่านั้นนะคะ ไม่ใช่มาจากการลอกสติกเกอร์ สก็อตเทป แล้วสีหลุดร่อน
ในส่วนของการเลี้ยงสุนัขและแมว จริงๆ อพาร์ทเม้นท์ดิฉันมีกฎอยู่แล้วว่าไม่ให้เลี้ยงสัตว์ทุกชนิด แต่จะมีกรณีที่ อยู่ๆไปแล้วแอบนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง ถ้าดิฉันเจอ แล้วเป็นสุนัขหรือแมวพันธ์เล็ก ดิฉันอนุโลมให้เลี้ยงได้ค่ะ แต่ต้องไม่ให้ไม่ปล่อยให้เดินทางเดิน ไม่ให้นำลงมาเดินที่พื้นที่ส่วนกลาง ในเรื่องของความเสียหายที่จะเจอบ่อยๆคือ แมวจะชอบขุด เก้าอี้แพนทีน ขาโต๊ะเครื่องแป้ง หรือประตู ถ้ามีความเสียหาย ดิฉันปรับค่ะ แต่ไม่เกิน 800 บาท
ในส่วนของเรื่องความสะอาด หลังย้ายออก หากไม่สกปรกมากๆๆ เช่นมี ขยะเพียง 2-3 ถุง และห้องอยู่ในสภาพที่พอรับได้ดิฉันไม่ปรับค่ะ แต่มีบางคนบางกรณีที่ มีอาเจียนไว้ที่ใต้เตียงแล้วเอากระดาษหนังสือพิมพ์ปิดทับไว้ ห้องน้ำทำท่อน้ำอุดตัน เอาผ้าอนามัยยัดโถส้วม ถ้าเป็นประเภทนี้ดิฉันปรับ 300-500 ค่ะ เพราะดิฉันคิดว่า ตอนลูกค้าเข้ามา เราทำห้องให้สะอาด แต่พอออกไป หากไม่สะอาดเท่าเดิม ห้องจะต้องไม่ต้องเละเทะเกินไปค่ะ
ในส่วนของพื้นห้อง ดิฉันหมดปัญหาเรื่องนี้ค่ะ เพราะดิฉันใช้กระเบื้องค่ะ อาจจะมียาแนวหลุดลอกบ้าง แต่ก็ไม่ปรับค่ะ
ทางอพาร์ทเม้นท์ดิฉัน มีนิตินะคะ แต่ก็ไม่เคยขออนุญาติลูกค้าขึ้นไปตรวจห้องค่ะ ถึงแม้ว่าจะอยู่เป็น 10 ปีก็ตาม
แต่เห็นสภาพห้องของ จขกท แล้ว รู้สึกเห็นใจมากค่ะ รู้เลยว่า จขกท รู้สึกยังไง แต่ก็ดีแล้วหล่ะค่ะ ที่ผู้เช่าได้ย้ายออกไป แต่ถ้าในสัญญาเช่ามีระบุเอาไว้ ว่าเวลาคืนห้องจะต้องคืนสภาพห้องแบบเดิม แนะนำให้ดำเนินการแจ้งความค่ะ กันผู้เช่าหัวหมอ เพราะถือว่า ตอนย้ายออกไปผู้เช่าไม่ได้คืนห้องตามสภาพเดิม แต่ถ้าในสัญญาไม่มีระบุเอาไว้ จขกท เก็บหลักฐานภาพถ่ายไว้เลยค่ะ แล้วไม่ต้องคืนเงินประกัน แล้วแจ้งผู้ช่าไปเลยค่ะ ว่าจะเรียงร้องค่าเสียหายเพิ่ม พร้อมหลักฐาน
ขอตอบในฐานะที่มีอพาร์ทเม้นท์ให้เช่านะคะ ถ้าเป็นอพาร์ทเม้นท์ดิฉัน
ในส่วนของเรื่องทาสี ดิฉันไม่ปรับค่ะ เนื่องจากผู้เช่าได้เช่าเป็นระยะเวลา 7 ปี เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร และทางอพาร์ทเม้นท์ได้รับเงินค่าเช่าครบทุกเดือน มันเป็นเรื่องธรรมดาค่ะที่สีจะหมอง เวลาย้ายออกสีจะไม่เหมือนใหม่แน่นอนค่ะ เพราะมันคือการเสื่อมสภาพจากการอยู่อาศัยค่ะ แล้วทางอพาร์ทเม้นท์ได้รับค่าเช่าทุกเดือนอยู่แล้ว แต่จะต้องเป็นกรณีที่สีหมองเท่านั้นนะคะ ไม่ใช่มาจากการลอกสติกเกอร์ สก็อตเทป แล้วสีหลุดร่อน
ในส่วนของการเลี้ยงสุนัขและแมว จริงๆ อพาร์ทเม้นท์ดิฉันมีกฎอยู่แล้วว่าไม่ให้เลี้ยงสัตว์ทุกชนิด แต่จะมีกรณีที่ อยู่ๆไปแล้วแอบนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง ถ้าดิฉันเจอ แล้วเป็นสุนัขหรือแมวพันธ์เล็ก ดิฉันอนุโลมให้เลี้ยงได้ค่ะ แต่ต้องไม่ให้ไม่ปล่อยให้เดินทางเดิน ไม่ให้นำลงมาเดินที่พื้นที่ส่วนกลาง ในเรื่องของความเสียหายที่จะเจอบ่อยๆคือ แมวจะชอบขุด เก้าอี้แพนทีน ขาโต๊ะเครื่องแป้ง หรือประตู ถ้ามีความเสียหาย ดิฉันปรับค่ะ แต่ไม่เกิน 800 บาท
ในส่วนของเรื่องความสะอาด หลังย้ายออก หากไม่สกปรกมากๆๆ เช่นมี ขยะเพียง 2-3 ถุง และห้องอยู่ในสภาพที่พอรับได้ดิฉันไม่ปรับค่ะ แต่มีบางคนบางกรณีที่ มีอาเจียนไว้ที่ใต้เตียงแล้วเอากระดาษหนังสือพิมพ์ปิดทับไว้ ห้องน้ำทำท่อน้ำอุดตัน เอาผ้าอนามัยยัดโถส้วม ถ้าเป็นประเภทนี้ดิฉันปรับ 300-500 ค่ะ เพราะดิฉันคิดว่า ตอนลูกค้าเข้ามา เราทำห้องให้สะอาด แต่พอออกไป หากไม่สะอาดเท่าเดิม ห้องจะต้องไม่ต้องเละเทะเกินไปค่ะ
ในส่วนของพื้นห้อง ดิฉันหมดปัญหาเรื่องนี้ค่ะ เพราะดิฉันใช้กระเบื้องค่ะ อาจจะมียาแนวหลุดลอกบ้าง แต่ก็ไม่ปรับค่ะ
ทางอพาร์ทเม้นท์ดิฉัน มีนิตินะคะ แต่ก็ไม่เคยขออนุญาติลูกค้าขึ้นไปตรวจห้องค่ะ ถึงแม้ว่าจะอยู่เป็น 10 ปีก็ตาม
แต่เห็นสภาพห้องของ จขกท แล้ว รู้สึกเห็นใจมากค่ะ รู้เลยว่า จขกท รู้สึกยังไง แต่ก็ดีแล้วหล่ะค่ะ ที่ผู้เช่าได้ย้ายออกไป แต่ถ้าในสัญญาเช่ามีระบุเอาไว้ ว่าเวลาคืนห้องจะต้องคืนสภาพห้องแบบเดิม แนะนำให้ดำเนินการแจ้งความค่ะ กันผู้เช่าหัวหมอ เพราะถือว่า ตอนย้ายออกไปผู้เช่าไม่ได้คืนห้องตามสภาพเดิม แต่ถ้าในสัญญาไม่มีระบุเอาไว้ จขกท เก็บหลักฐานภาพถ่ายไว้เลยค่ะ แล้วไม่ต้องคืนเงินประกัน แล้วแจ้งผู้ช่าไปเลยค่ะ ว่าจะเรียงร้องค่าเสียหายเพิ่ม พร้อมหลักฐาน
ความคิดเห็นที่ 5
แปลกดี เมืองไทยคนให้เช่าห้อง ไม่ค่อยไปตรวจทรัพย์สินของตนเอง
ผมเคยเช่าทาวเฮ้าส์อยู่ที่ ตปท สัญญาเช่าเขียนไว้ชัดเจน ว่าผู้ให้เช่ามีสิทธิ์ขอเข้าตรวจสอบสถานที่ได้ โดยจะแจ้งล่วงหน้า 3 วัน และหากทรัพย์สินมีความเสียหาย ผู้เช่าต้องทำการซ่อมแซมให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน หากปฏิเสธไม่ให้เข้าตรวจสอบหรือไม่ซ่อมแซมในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ให้เช่ามีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาเช่าได้ทันที
ผมเคยเช่าทาวเฮ้าส์อยู่ที่ ตปท สัญญาเช่าเขียนไว้ชัดเจน ว่าผู้ให้เช่ามีสิทธิ์ขอเข้าตรวจสอบสถานที่ได้ โดยจะแจ้งล่วงหน้า 3 วัน และหากทรัพย์สินมีความเสียหาย ผู้เช่าต้องทำการซ่อมแซมให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน หากปฏิเสธไม่ให้เข้าตรวจสอบหรือไม่ซ่อมแซมในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ให้เช่ามีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาเช่าได้ทันที
ความคิดเห็นที่ 4
ขอนอกเรื่องนิดนึง
ตลอดระยะเวลา 7 ปี คุณไม่เคยไปตรวจดูห้องคุณบ้างเลยหรือ
ไม่สนใจว่าผู้เช่าจะไปสร้างมลภาวะต่อผู้อื่นหรือไม่ หรือแค่จ่ายค่าเช่าตรงเวลาก็โอเคแล้ว
คนที่ซื้อแล้วปล่อยให้คนอื่นเช่าแบบไม่สนใจอะไร คนที่รับกรรมคือเจ้าของที่ซื้ออยู่เอง
เขาคงสุดๆแล้วล่ะที่เขียนป้ายแปะไว้แบบนั้น
งานนี้คุณคงต้องรับสภาพไปนะ
ตลอดระยะเวลา 7 ปี คุณไม่เคยไปตรวจดูห้องคุณบ้างเลยหรือ
ไม่สนใจว่าผู้เช่าจะไปสร้างมลภาวะต่อผู้อื่นหรือไม่ หรือแค่จ่ายค่าเช่าตรงเวลาก็โอเคแล้ว
คนที่ซื้อแล้วปล่อยให้คนอื่นเช่าแบบไม่สนใจอะไร คนที่รับกรรมคือเจ้าของที่ซื้ออยู่เอง
เขาคงสุดๆแล้วล่ะที่เขียนป้ายแปะไว้แบบนั้น
งานนี้คุณคงต้องรับสภาพไปนะ
แสดงความคิดเห็น
เช่าห้อง 7 ปี พอไม่คืนเงินประกันความเสียหาย 6 พัน คนเช่าบอกว่าไม่แฟร์
จึงทำการแจ้งผู้เช่าให้ทำตามขั้นตอนปกติ
1. เก็บหลักฐานใบเสร็จค่าส่วนกลางเดือนล่าสุดไว้
2. เก็บหลักฐานใบเสร็จจ่ายค่าไฟฟ้าเดือนล่าสุด
3. ย้ายของออกจากห้อง ทำให้ห้องมีสภาพเหมือนกับวันที่เข้าเช่าอยู่
4. โทรนัดหมายวันเวลา เพื่อให้เข้าไปตรวจสอบความเสียหายของห้องร่วมกัน และคืนเงินประกันความเสียหาย
แต่ผู้เช่าแจ้งมาว่าไม่สะดวกเข้าไปดูความเสียหายห้องด้วยกัน โดยผู้เช่านำกุญแจมาคืน แล้วบอกว่าฝากขนของออกจากห้องให้ด้วย โดยผู้เช่าบอกว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการขนของแล้วเสร็จ
ผมก็เข้าไปตรวจความเสียหาย และพบว่า
มีกลิ่นเหม็นสาปอย่างร้ายกาจภายในห้อง รุนแรงมากจนไม่กล้าเดินเข้าไปในห้องเกิน 1 ก้าว และข้าวของเต็มห้องแบบกองท่วมห้องเต็มไปหมด คือตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นกลิ่นสารเคมีกำจัดหนู ผมต้องกลับไปซื้อหน้ากากป้องกันกลิ่น 3M กรองคาร์บอน ที่ดีที่สุด เพื่อกลับไปตรวจสอบความเสียหายห้อง
และพบว่าสาเหตุของกลิ่นนั้นมาจาก
1. ผู้เช่าเลี้ยงสุนัข พบแผ่นรองซับสิ่งปฏิกูลของสัตว์ที่ชุ่มไปด้วยฉี่สุนัข บนที่นอน โดยฉี่นั้นชุ่มโชกออกมาเลอะที่นอนเต็มไปหมด
2. พอดึงชั้นวางทีวีออกมา พบครอบครัวหนู 5 ตัวอยู่ในนั้น และยังมีอีก 2-3 ตัววิ่งไปวิ่งมา
ความเสียหายภายในห้อง
1. ที่นอนที่ชุ่มไปด้วยฉี่สุนัข และเมื่อพลิกกลับอีกด้านขึ้นมาพบคราบฉี่สุนัขเป็นวงกว้าง ที่นอนขนาดคิงไซส์ ผมต้องทิ้งและซื้อใหม่ในราคาราวๆ 6,000 บาท
2. พื้นปาร์เก้พองทั่วห้อง น่าจะมาจากฉี่ของสุนัขหรือฉี่หนู ไม่สามารถแก้ไขเฉพาะจุดได้ ต้องรื้อออกทั้งหมดแล้วปูใหม่ ห้องขนาด 28 ตรม. หักห้องน้ำ 4 ตรม. เหลือ 24 ตรม.
2. ค่ารื้อพื้นปาร์เก้เก่า ตรม.ละ 20 บาท 24 ตรม= 480 บาท
2. ค่าปูพื้นปาร์เก้ ของ+ค่าแรง ตรม.ละ 450 บาท 24 ตรม = 10,800 บาท
3. ผนังในห้องมีการติดสติ๊กเกอร์ ค่าแรงลอก และขูดสติ๊กเกอร์ออกจากห้อง 500 บาท
3. ทาสีผนังในห้อง ตรม.ละ 120 บาท ฝั่งซ้ายขวา (สูง 3 x กว้าง 6) x 2 = 36 ตรม ส่วนอีก 2 ฝั่งที่เหลือมีหน้าต่าง มีซิ้งค์ มีประตูด้วย หักออกไปคิดแค่ฝั่งเดียว (สูง 3 x กว้าง 4.5) = 13.5 รวมเป็น (36+13.5) = 49.5 ตรม. ตรม.ละ 120 บาท (49.5 x 120) = 5,940 บาท
4. ผนังห้องน้ำแปะสติ๊กเกอร์ไว้ทั่ว ต้องทำใหม่หมดทั้งห้องเลย ค่าลอกสติ๊กเกอร์ 500 บาท
4. ค่าแรง+ทาสีน้ำมัน (ผนังไฟเบอร์) (สูง 3 x กว้าง 3) x2 ด้าน = 18 ตรม อีกด้าน (สูง 3 x กว้าง 1) x2 ด้าน = 6 ตรม. รวมเป็น 24 ตรม.
4. ทาสีผนังห้องน้ำ ตรม.ละ 120 บาท (120 x 24) = 2,880 บาท
4. โซฟา ขาโซฟาขึ้นสนิมจนผุ!! คาดว่าหมาฉี่ใส่แล้วไม่เช็ดออก โซฟาเบี้ยวผิดรูป กลิ่นสาปฉี่หมาติดโซฟาผ้า ไม่สามารถแก้ไขได้ต้องทิ้งแล้วซื้อใหม่
5. เฟอร์นิเจอร์โดนน้ำ ไม่เช็ดทำความสะอาดให้แห้งจนผิวหน้าพองออกมา กำลังคิดอยู่ว่าจะซ่อมยังไง เพราะซื้อใหม่ทั้งหมดไม่ไหวจริงๆนะคุณ
6. จ้างแม่บ้านคอนโดเข้ามาทำความสะอาด แม่บ้านไม่รับงานนี้เพราะเหม็นสาปเกินไป เข้าห้องไปขนย้ายของไม่ได้ และข้าวของเยอะเต็มห้องมากเกินไป
6. ผมต้องซื้อหน้ากากป้องกันกลิ่น 3M กรองคาร์บอน มาใช้ และจ้างคนนอกมาช่วยขนของออกจากคอนโด
6. เพราะถังขยะของตึกคอนโด รับเฉพาะขยะที่เป็นขยะทั่วไปในการอยู่อาศัยทั่วไป ผมต้องจ้างคนมาขนของออกไป และจ้างรถมาเก็บไปทิ้งอีก
7. ตู้เสื้อผ้า แปะสติ๊กเกอร์ไว้ ยังไม่รู้จะแก้ไขยังไงดีเลยครับ
สรุปค่าความเสียหายภายในห้องคร่าวๆ
ทำพื้น 480+10,800
ผนังในห้อง 500+5,940
ผนังห้องน้ำ 500+2,880
แค่นี้ก็ 21,100 แล้วครับ
และที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นเหม็นสาปฉี่หมาฉี่หนู ฟุ้งเหม็นสาปอย่างร้ายกาจเต็มไปทั้งห้อง ใช้น้ำยาดับกลิ่น (Bio fresh) มาสเปรย์+ทาทั้งผนัง เฟอร์นิเจอร์ทั้งห้อง เปิดหน้าต่างรับแดด เข็นเฟอร์นิเจอร์มาตากแดด ผ่านไป 1 อาทิตย์กว่าแล้ว กลิ่นยังเหม็นบรรลัยอยู่เลย คาดว่ากลิ่นยังติดอยู่ที่พื้นปาร์เก้ของห้อง ถ้ารื้อออกน่าจะบรรเทาไปได้อีกเยอะ
นึกภาพออกมั้ยครับว่าเหม็นขนาดไหน เอางี้เพื่อนบ้านข้างห้องมาแปะหน้าประตูห้องแจ้งว่ากลิ่นเหม็นสาปรบกวนเจ้าของร่วมท่านอื่น
เพราะผมเปิดหน้าต่างไว้เพื่อดับกลิ่นและระบายอากาศในห้อง จึงทำให้มันเหม็นสาปออกไปทั้งทางเดินครับ ตอนนี้ต้องปิดหน้าต่างให้หมดแล้วเครียดกับการดับกลิ่นภายในห้องอยู่
ผู้เช่ายังคงทวงถามเงินค่าประกันความเสียหาย 6,400
โดยผู้เช่าบอกว่าค่าทำความสะอาด 600 บาทเอง
และ
เจ้าของห้องไม่ใส่ใจผู้เช่าในขณะที่เขาเช่าอยู่
น้ำซึมจากข้างบนห้อง (มาจากห้องคนอื่นที่อยู่ด้านบน) เจ้าของห้องไม่ใส่ใจมาแก้ไขให้
เวลาทวงค่าเช่า เจ้าของห้องทวงค่าห้องจนน่าเกลียด ไม่ยอมเช็คว่าโอนตังรึยัง
แอร์เสียก็ไม่ซ่อมให้
ที่ตากผ้าก็ไม่เปลี่ยนให้
เครื่องทำน้ำอุ่นเสียก็ไม่ซ่อมให้
หักค่าประกันความเสียหายหมด 6,400 บาท ผู้เช่าบอกว่ามันเยอะเกินไป ไม่แฟร์ และเราเอาเปรียบเกินไป
"แล้วยังบอกอีกว่าทรัพย์สินที่เสียหายเป็นการเสื่อมสภาพตามการใช้งานปกติ"
นี่ผู้เช่าย้ายออกไปเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว แต่ผมยังไม่สามารถปล่อยเช่าต่อได้ทำให้ผมเสียโอกาสการให้เช่าห้องต่อเดือนละ 3,200 ไป เพราะต้องเสียเวลามาแก้ไขห้องที่เสียหาย
มุมของผมผมก็คิดว่าผมแฟร์แล้ว แต่มุมของเขา เขาว่าผมเอาเปรียบ
อยากทราบความเห็นของคนอื่นด้วยครับ