ด้วยความไม่รู้ หรือ ไม่มีประสบการณ์ ทำประกันคุ้มครองวงเงินกู้และเงินฝากไว้กับแบงค์สีเขียว แต่ถูกบ.ประกันบอกล้างสัญญาหลังจากพ่อเสีย เพราะตัวแทน/พนักงานขายได้เขียนในใบขอกรมธรรม์ว่าพ่อไม่มีโรคประจำตัวใดๆ ทั้งๆที่ตอนที่ทำได้บอกแล้วว่ามีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ
ผมเองและครอบครัวได้ต้องการเงินกู้ เพื่อมาใช้หมุนเวียนในธุระกิจ จิงเดินเข้าไปหาแบงค์(สีเขียว) และได้ดำเนินการยื่นเรื่องซึ่งใช้ชื่อพ่อผมเป็นคนกู้ ซิ่งก็ปกติ คือต้องทำประกัน เพื่อคุ้มครองเงินกู้ ซึ่งเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรและได้ตอบข้อซักถามกับเจ้าหน้าที่ ตัวแทน/พนักงานขาย ของแบงค์ ตามปกติ พอถึงปัญหาเรื่องสุขภาพ ทางเราก็บอกไปตรงๆ ว่าเป็นโรคหัวใจ และก็ได้รับการรักษามาตลอดจนทำงานได้ปกติ แต่ทางตัวแทน/พนักงานขาย ของแบงค์ก็ไม่ได้แจ้งหรือทักท้วงว่าทำไม่ได้ หรือต้องไปขอใบอะไรมายืนยัน หรือเปลี่ยนรูปแบบประกันที่มันครอบคลุมกับการที่คนป่วยโรคแบบนี้อยากจะกู้ ทางผมเองก็ไม่ได้สงสัย แถมทางแบงค์ยังบอกว่ากู้ได้ๆ และผมยังถามอีกว่าถ้าเกิดพ่อตายไป ผมและครอบครัวจะไม่ต้องรับภาระหนี้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้รับคำตอบจากผู้การแบงค์ว่า ใช่ครับกรมธรรม์จะคุ้มครองครับ
เพราะคิดว่าไม่มีอะไร ที่คิดอย่างงี้เพราะไว้ใจครับ หลังจากนั้นประมาณ 6เดือนต่อมา และแล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พ่อผมได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจวาย ทางเราก็ยื่นเรื่องขอสินไหมตามปกติ แต่ทางบริษัทประกัน(มท. ประกันชีวิต) ได้มีจดหมายบอกล้างสัญญา ก็เพราะว่าทางผู้เอาประกัน ปกปิด ไม่แถลงให้บ.ประกันรู้ก่อนที่จะทำประกัน ประกันภัยจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 865 ผมและแม่ช็อคเลยครับ ซึ่งทางเราเองก็ได้บอกทางตัวแทน/พนักงานขายไปแล้ว ในวันที่เขียนใบคำขอว่าพ่อป่วยเป็นโรคหัวใจ อีกอย่าง อาจจะเป็นตรงนี้ก็ได้ที่ผมพลาด เพราะตัวแทน/พนักงานขาย เอาไปกรอกเอง แล้วมาให้พ่อเซ็นชื่อเท่านั้น ผมจึงมาย้อนดูกรมธรรม์ที่ผมถ่ายสำเนาไว้ ก็จริงๆครับ ตัวแทน/พนักงานขาย กรอกและติ๊กตรงช่อง ว่า ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยหรือได้รับการรักษาหรือตั้งข้อสังเกตว่าป่วยเป็นโรคตามรายการ และมีอีกหลายข้อซึ่งแสดงว่าพ่อผมไม่เคยป่วยเป็นโรค
คือถ้าผมหรือพ่อต้องกู้ไม่ผ่าน เพราะมีประวัติการรักษาหรือเจ็บป่วย และตัวแทน/พนักงานขายชี้แจงบอกผมและครอบครัวตรงๆ ผมก็จะไม่กู้ และเดินออกจากแบงค์ โดยไม่มีข้อสงสัย แต่นี่ผมได้บอกแล้วว่าพ่อป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่ แต่ทางตัวแทน/พนักงานขายยัง ไม่บอกถึงวิธิการหรือมีข้อเสนอแนะ หรือให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์กับลูกค้า กรณีอย่างนี้ผมต้องทำยังไงบ้างครับ ตอนนี้แม่เครียดมาก รวมถึงทุกคนในครอบครัว
ด้วยความไม่รู้ ทำประกันคุ้มครองวงเงินกู้และเงินฝากไว้กับแบงค์สีเขียว แต่กลับถูกบ.ประกันบอกล้างสัญญาหลังจากพ่อตาย
ผมเองและครอบครัวได้ต้องการเงินกู้ เพื่อมาใช้หมุนเวียนในธุระกิจ จิงเดินเข้าไปหาแบงค์(สีเขียว) และได้ดำเนินการยื่นเรื่องซึ่งใช้ชื่อพ่อผมเป็นคนกู้ ซิ่งก็ปกติ คือต้องทำประกัน เพื่อคุ้มครองเงินกู้ ซึ่งเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรและได้ตอบข้อซักถามกับเจ้าหน้าที่ ตัวแทน/พนักงานขาย ของแบงค์ ตามปกติ พอถึงปัญหาเรื่องสุขภาพ ทางเราก็บอกไปตรงๆ ว่าเป็นโรคหัวใจ และก็ได้รับการรักษามาตลอดจนทำงานได้ปกติ แต่ทางตัวแทน/พนักงานขาย ของแบงค์ก็ไม่ได้แจ้งหรือทักท้วงว่าทำไม่ได้ หรือต้องไปขอใบอะไรมายืนยัน หรือเปลี่ยนรูปแบบประกันที่มันครอบคลุมกับการที่คนป่วยโรคแบบนี้อยากจะกู้ ทางผมเองก็ไม่ได้สงสัย แถมทางแบงค์ยังบอกว่ากู้ได้ๆ และผมยังถามอีกว่าถ้าเกิดพ่อตายไป ผมและครอบครัวจะไม่ต้องรับภาระหนี้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้รับคำตอบจากผู้การแบงค์ว่า ใช่ครับกรมธรรม์จะคุ้มครองครับ
เพราะคิดว่าไม่มีอะไร ที่คิดอย่างงี้เพราะไว้ใจครับ หลังจากนั้นประมาณ 6เดือนต่อมา และแล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พ่อผมได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจวาย ทางเราก็ยื่นเรื่องขอสินไหมตามปกติ แต่ทางบริษัทประกัน(มท. ประกันชีวิต) ได้มีจดหมายบอกล้างสัญญา ก็เพราะว่าทางผู้เอาประกัน ปกปิด ไม่แถลงให้บ.ประกันรู้ก่อนที่จะทำประกัน ประกันภัยจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 865 ผมและแม่ช็อคเลยครับ ซึ่งทางเราเองก็ได้บอกทางตัวแทน/พนักงานขายไปแล้ว ในวันที่เขียนใบคำขอว่าพ่อป่วยเป็นโรคหัวใจ อีกอย่าง อาจจะเป็นตรงนี้ก็ได้ที่ผมพลาด เพราะตัวแทน/พนักงานขาย เอาไปกรอกเอง แล้วมาให้พ่อเซ็นชื่อเท่านั้น ผมจึงมาย้อนดูกรมธรรม์ที่ผมถ่ายสำเนาไว้ ก็จริงๆครับ ตัวแทน/พนักงานขาย กรอกและติ๊กตรงช่อง ว่า ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยหรือได้รับการรักษาหรือตั้งข้อสังเกตว่าป่วยเป็นโรคตามรายการ และมีอีกหลายข้อซึ่งแสดงว่าพ่อผมไม่เคยป่วยเป็นโรค
คือถ้าผมหรือพ่อต้องกู้ไม่ผ่าน เพราะมีประวัติการรักษาหรือเจ็บป่วย และตัวแทน/พนักงานขายชี้แจงบอกผมและครอบครัวตรงๆ ผมก็จะไม่กู้ และเดินออกจากแบงค์ โดยไม่มีข้อสงสัย แต่นี่ผมได้บอกแล้วว่าพ่อป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่ แต่ทางตัวแทน/พนักงานขายยัง ไม่บอกถึงวิธิการหรือมีข้อเสนอแนะ หรือให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์กับลูกค้า กรณีอย่างนี้ผมต้องทำยังไงบ้างครับ ตอนนี้แม่เครียดมาก รวมถึงทุกคนในครอบครัว