ความเห็นส่วนตัว ตอนนี้เริ่มจาก term fund และจะไปเก็บกองตราสารหนี้ธรรมดา และผสม....ถ้าเป็นรูปนี้เม็ดเงินคงเข้าตราสารทุนอีกเยอะครับ
กรมสรรพากรเตรียมเสนอคลังเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ใน อัตรา 15% ของผลตอบแทนการลงทุน เพื่อสร้างความเป็นธรรม คาดประกาศใช้เดือนตุลาคม
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกถึงการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนตราสารหนี้ของกองทุนว่า ได้มอบหมายให้กรมสรรพากรไปดูในรายละเอียดว่าจะจัดเก็บอย่างไร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เนื่องจากปัจจุบันกองทุนรวมที่ไปลงทุนในตราสารหนี้ไม่ต้องเสียภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้รับ ซึ่งแตกต่างจากนักลงทุนที่ไม่ใช่กองทุนหากไปลงทุนในตราสารหนี้ต้องเสียภาษี 15% ของผลตอบแทนจากการลงทุน
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง บอกว่า กรมฯจะส่งรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนตราสารหนี้ให้กระทรวงการคลังพิจารณาภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยขณะนี้รายละเอียดต้องรอให้เสนอกระทรวงการคลังก่อน ซึ่งเป็นการจัดเก็บในอัตราเดียวกับเงินฝากที่ 15%
ขณะที่รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า แนวทางการจัดเก็บภาษีดังกล่าว คลังวางแผนจะประกาศใช้ก่อนปีงบประมาณ 2561 หรือในเดือนตุลาคมนี้ โดยจะจัดเก็บจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่ผ่านกองทุนรวม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเก็บภาษีจากเทอมฟันด์ก่อนค่อยขยับไปกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม เพื่อให้บลจ.มีเวลาวางระบบ ขณะเดียวกันผู้ลงทุนก็ได้เตรียมตัว เพราะการเก็บภาษีอัตราเดียวกับเงินฝาก 15% ทำให้ผลตอบแทนระหว่างเทอมฟันด์กับเงินฝากไม่ต่างกันมาก
ด้านบลจ. มองว่าหากเก็บภาษีกองทุนก็ควรใช้มาตรฐานเดียวกับผู้ฝากเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับดอกเบี้ยที่ได้รับไม่ถึง 2 หมื่นบาท
ทั้งนี้ปัจจุบันการลงทุนในกองทุนรวมของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จาก 2.3 ล้านล้านบาท เป็นประมาณ 4.8 ล้านล้านบาท โดยเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกองทุนตราสารหนี้กว่า 2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 54% ของมูลค่ากองทุนรวมทั้งหมด
http://www.moneychannel.co.th/news_detail/17603/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8
สรรพากรเตรียมเสนอคลังเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้
กรมสรรพากรเตรียมเสนอคลังเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ใน อัตรา 15% ของผลตอบแทนการลงทุน เพื่อสร้างความเป็นธรรม คาดประกาศใช้เดือนตุลาคม
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกถึงการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนตราสารหนี้ของกองทุนว่า ได้มอบหมายให้กรมสรรพากรไปดูในรายละเอียดว่าจะจัดเก็บอย่างไร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เนื่องจากปัจจุบันกองทุนรวมที่ไปลงทุนในตราสารหนี้ไม่ต้องเสียภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้รับ ซึ่งแตกต่างจากนักลงทุนที่ไม่ใช่กองทุนหากไปลงทุนในตราสารหนี้ต้องเสียภาษี 15% ของผลตอบแทนจากการลงทุน
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง บอกว่า กรมฯจะส่งรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนตราสารหนี้ให้กระทรวงการคลังพิจารณาภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยขณะนี้รายละเอียดต้องรอให้เสนอกระทรวงการคลังก่อน ซึ่งเป็นการจัดเก็บในอัตราเดียวกับเงินฝากที่ 15%
ขณะที่รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า แนวทางการจัดเก็บภาษีดังกล่าว คลังวางแผนจะประกาศใช้ก่อนปีงบประมาณ 2561 หรือในเดือนตุลาคมนี้ โดยจะจัดเก็บจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่ผ่านกองทุนรวม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเก็บภาษีจากเทอมฟันด์ก่อนค่อยขยับไปกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม เพื่อให้บลจ.มีเวลาวางระบบ ขณะเดียวกันผู้ลงทุนก็ได้เตรียมตัว เพราะการเก็บภาษีอัตราเดียวกับเงินฝาก 15% ทำให้ผลตอบแทนระหว่างเทอมฟันด์กับเงินฝากไม่ต่างกันมาก
ด้านบลจ. มองว่าหากเก็บภาษีกองทุนก็ควรใช้มาตรฐานเดียวกับผู้ฝากเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับดอกเบี้ยที่ได้รับไม่ถึง 2 หมื่นบาท
ทั้งนี้ปัจจุบันการลงทุนในกองทุนรวมของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จาก 2.3 ล้านล้านบาท เป็นประมาณ 4.8 ล้านล้านบาท โดยเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกองทุนตราสารหนี้กว่า 2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 54% ของมูลค่ากองทุนรวมทั้งหมด
http://www.moneychannel.co.th/news_detail/17603/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8