คุณขี้เกียจทำอะไร วิธีทำให้ไม่ขี้เกียจลุกจากที่นอน

ครับผมวันนี้ผมจะมาบอกเล่าเรื่องดีๆเรื่องหนึ่งที่ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นมากพอสมควร
ก่อนอื่นเลยผมขอถามคุณก่อนว่าคุณขี้เกียจที่จะทำอะไรในชีวิตประจำวันของคุณ

ผมเป็นคนหนึ่งที่ขี้เกียจที่จะตื่นนอนในตอนเช้าของแต่ละวันเพื่อไปทำงานในตอนเช้า(ผมเข้างาน 8.00 น.) ขี้เกียจมาก พอรู้สึกตัวในแล่ะเช้าดูเวลาก็ล้มตัวลงนอนต่อไปเพราะว่ามันยังเช้า และในแต่วันกว่าผมจะตื่นก็ 7.20-7.35 น. เพื่อที่จะอาบน้ำ รีดผ้า แต่งตัว และออกไปทำงาน กว่าจะเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยมาจน 7.50 น. และกว่าจะไปใส่รองเท้าไปปิดห้อง ก็เสียเวลาเข้าไปอีก 2-3 นาที พอไปถึงที่ทำงานก็สายไปเสียแล้ว(อ่อลืม ! ลืมบอกว่าที่ทำงานของผมนั้นอยู่ไม่ไกลเดินไป 2 ซอย ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึงถ้าไม่เดินช้าจนเกินไป) ทำงานสาย งัวเงีย ง่วง ขี้เกียจทำงาน โดนใบเตือน เพราะแต่ล่ะเดือนผมสายถึง 10-15 ครั้ง/เดือน ทั้งๆที่ผมอยู่ห่างแค่ 10 นาที
นี้ล่ะครับในแต่ล่ะวันของผมที่แค่ขี้เกียจตื่นขึ้มาแค่เรื่องเดี่ยว


จน ณ วันหนึ่งเมื่อหลายเดือนที่แล้ว
ผมได้รู้ความจริงจากหนังสือเล่มหนึ่งที่ว่าสมองของคนเราจะตัดความคิดที่มันต้องใช้แคลลอลี่มากๆออก เพื่อประหยัดพลังงานในการใช้ชีวิต จึงทำให้เราขี้เกียจที่จะทำมัน เช่น การออกกำลังกายที่ต้องใช้แตลอลี่มากๆ เหนื่อยเราก็ขี้เกียจที่จะทำมัน เช่นเดี่ยวกับการตื่นนอนของผมในแต่ล่ะวัน ปกติแล้วคนส่วนมาก(โดยเฉพาะคนที่ทำงานประจำ) นั้นตอนเช้าพอรู้สึกตัวก็จะคิดเเล้วต้องลุกไปอาบน้ำ ไปแต่งตัว ไปทำงาน ไปเจอลูกค้า ไปเจอหัวหน้าที่น่าเบื่อ ไปเจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่เอาใหน(แค่คิดก้อขี้เกียจแล้ว) สมองมันก็จะขี้เกียจที่จะลุกขึ้นมาไปอาบแต่งตัว แต่กว่าสมองมันจะรู้ว่าการลุกไปทำงานนี้มันสำคัญ เวลาก็ 7.20 น.บางครั้งก็ 7.35 น. แล้ว
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในการไม่ให้ขี้เกียจคือ...ความคิด ความคิดที่ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องคิดเยอะ แต่ต้องคิกว่าจะต้องทำ ครับอย่างที่บอกไปว่าคิดมากไปทำให้เราขี้เกียจ แต่ผมไม่ได้บอกนะครับว่าไม่ให้คิดวางแผนชีวิตนะครับ
วิธีที่จะทำให้รู้สึกตัวแล้วลุกขึ้นมาทันทีเลย คือการที่เรารู้สึกตัวแล้วคิดว่าต้องลุก(ไม่ต้องดูเวลาเลยยิ่งดี) คิดแค่ว่าแค่ลุกก็พอ ไม่ต้องคิดว่าต้องลุกไปอาบน้ำ และไปทำงาน .....ครับต่อมาเมื่อลุกได้แล้วเราค่อยคิดว่าลุกแล้วนิต่อต้องไปอาบน้ำ ไปอาบน้ำก็พอ ไม่ต้องคิดว่าไปอาบน้ำแล้วมาแต่งตัว แล้วค่อยไปทำงาน พอจะเข้าใจน่ะครับ .....และมันแปลกมาก ผมรู้สึกตัวแล้วผมคิดถึงคำนั้น คำที่ว่าแค่ลุกก็พอ ผมก้อลุกขึ้ทันที พอลุกขึ้นมาแล้ว(หาน้ำกินเลยครับน้ำที่เย็นได้ยิ่งดีมันจะช่วยให้ตาสว่างเลยครับทำดู) ลุกแล้วก็ขี้เกียจที่จะนอนต่อเพราะนอนต่อต้องสายแน่ๆ ผมก็คิดต่อเลยว่าไปอาบก่อนโดยไม่คิดว่าไปอาบน้ำแล้วจะมาทำอะไรต่อ คิดแค่ว่าเราจะทำอะไรเท่านั้น ผมคิดและทำ(ทำนะครับไม่ใช่แค่ว่าจะลองทำดู) วันนั้นผมแต่งตัวเสร็จ ปิดประตูห้องพอดูเวลาผมก็ตกใจมากเลย ตอนนั้นมันยัง 6.50 น. อยู่เลย ทั้งๆที่ปกติผมยังไม่ตื่น แต่ใครล่ะครับที่แต่งตัวเสร็จออกจากห้องแล้วมาถอดชุดเพื่อที่จะเข้านอนต่อ(ใครทำอยู่ก้อคิดใหม่นะ 5555+) และวันนั้นทำให้ผมมีเวลาเดินสบายๆไปทำงาน มีเวลาไปชื้อข้าวกิน(จากที่ไม่เคยได้กินเพราะไปสาย) วันนั้นผมไปถึงที่ทำงาน 7.20 น. (เดือนที่แล้ว เวลานี้คือเวลาตื่น)และเดือนนั้นผมไม่ไปสายเลย และยังได้เงินเพิ่มอีก 150 จากการไม่ขาด ลา มาสาย ทุกๆเดือน ทำงานก็ แฮปปี้ ไม่ง่วงอีกเลย


นั้นแหละครับทำให้ชีวิตแต่ล่ะวันผมดีขึ้น เพราะผมคิดที่จะทำ ทำที่ล่ะขั้น และทำทันที
แม้แต่ในเวลางานผมก็ใช้วิธีคิดแบบนี้ คิดปุปทำเลย ทำให้ดีที่สุด จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตรงหน้า แล้วไม่นานมันก็ถึงเวลาเลิกงาน 555+


เรื่องสุดท้ายจากกระทู้นี้นะครับ
ทำเลยครับ อย่าคิดว่าวันหนึ่งค่อยทำ เพราะในปฏิทินไม่มีวันที่ว่า วันหนึ่ง ฉะนั้นหากเราบอกกับตัวเองว่าวันหนึ่งที่เราจะทำนั้นคือเราบอกกับตัวเองว่าเราจะไม่มีวันทำมัน เช่น คุณคิดว่า ณ วันหนึ่งอยากทำธุรกิจของตัวเอง ผมเชื่อครับว่า นี้คุณก็ยังได้แค่คิดว่าวันหนึ่งอยากทำในสิ่งๆนั้น แต่ถ้าคุณคิดว่า วันที่ 30 มิ.ย. 2560 ฉันจะไปตัดผม ถ้าคุณคิดว่าสำคัญ คิดทุกวัน วันที่ 30 มิ.ย. 2560 คุณก้อจะไปตัดผม
อย่า ! อย่าใช้คำว่าไม่มีเวลา ไม่มีเวลาที่จะทำ เพราะคำนี้เป็นคำแก้ตัวของคน...ไม่ลงมือทำ.....




ขอขอบคุณทุกคนนะครับที่อ่านกระทู้นี้จนจบไม่หวังอะไรหรอกผมหวังแค่ว่าการถ่ายทอดบทความนี้ให้พวกคุณและคุณนำไปปรับใช้ และทำได้สำเร็จอย่างที่ผมทำ แค่ผมก็ดีใจแล้วครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่