จริงๆ ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ แต่ก็ขลุกอยู่กับมันมาหลายปีดีดักเหมือนกัน จึงพอจะรู้อะไรๆ บ้าง
คือ เท่าที่เคยผ่านอาจารย์ฝรั่งมาครับ ก็คือ ต้อง Input ให้มากๆ แล้วพอจะ Output มันก็จะง่ายขึ้น (ประมาณว่า ของที่จะนำออกมาใช้ ต้องมีตุนไว้ข้างในแล้ว)..มีหลักการดังต่อไปนี้ ครับ
1. เปิดฟัง กรอกหูทุกวันๆๆๆๆ ตั้งแต่บทสนทนาประโยคสั้นๆ จนถึงเรื่องยาวๆ จะเป็นข่าวหรือนิยาย นิทานก็ตาม จนติดหู หลักทฤษฏีมีอยู่ว่า การเรียนภาษา คือการจำ ถ้าจำได้มาก ก็มีโอกาสมาก (เรียกว่า ก๊อปปี้ ก็ไม่ผิด) ยกตัวอย่าง เด็กทารก ที่ยังไม่เคยเข้าโรงเรียน แต่ทำไมพูดได้ เพราะฟังจากพ่อแม่ทุกวัน ฟังจนจำได้ เป็นศัพท์ หรือประโยค อะไรก็แล้วแต่ แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาไป (สำคัญคือ ต้องทุกๆ วัน ความสำเร็จมาจากการต่อเนื่อง)
2. อ่านครับ คือผมเคยถูกอาจารย์ทดสอบ ตอนไปเรียนวันแรก ท่านให้อ่านให้ฟัง หนึ่งบท สั้นๆ ปรากฏว่า ผมอ่านไม่คล่องเลย อาจารย์ก็เลยบอกว่า ขนาดให้เธออ่าน แบบ เห็นๆ จากหนังสือ เธอยังอ่านไม่คล่อง ตะกุกตะกัก สะกดก็ไม่ถูก แล้วถ้าจะไปพูดกับคนอื่น โดยที่ไม่มีหนังสือ จะไม่ไปกันใหญ่หรือ?? จากนั้น เพื่อความคล่อง อาจารย์เลยให้อ่านมา ทุกๆ วัน วันละ 3-5 บท อ่านซ้ำๆ บทละ 10-20 รอบ ไม่นาน รู้สึกว่า อ่านคล่อง พอจะพูด มันก็คล่องโดยอัตตโนมัติ เพราะมันจำได้จากการอ่านทุกๆ วัน (เรียกว่า ก๊อปปี้ ก็ไม่ผิด)
3. ให้หาเพื่อนต่างชาติ เพื่อปล่อยของ ที่ได้ร่ำเรียนมา ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์คุย หรือสนทนา ด้วยเสียง ทางโลกออนไลน์ ได้ทั้งหมด หรือได้สนทนาแบบตัวต่อตัว ตัวเป็นๆ ก็ยิ่งดีครับ
แต่สำหรับ การไปเรียนตามสถาบันสอนภาษา ก็สำคัญครับ เพราะทำให้เราได้รู้หลักไวยากรณ์ ขั้นพื้นฐาน ถ้าพื้นแน่น โครงสร้างก็แน่นครับ ทีนี้จะใส่ฝาและหลังคา ทาสี (ฝึกความคล่อง และสำเนียง จากฝรั่งเจ้าของภาษา) ก็ง่ายขึ้น...แต่อย่างไรก็แล้วแต่ การเรียนในห้องเรียน มันแค่ไม่กี่ชั่วโมง และถ้าเป็นการสอนแบบ ไทยๆ ก็ยิ่งไปกันใหญ่ (คือได้ความรู้ แต่ทักษะการฟัง การพูด แทบจะไม่ได้เลย เพราะทั้งชั่วโมง ครูพูดแต่ภาษาไทย)...ฉะนั้น หลังจากออกจากห้องเรียนแล้ว คุณต้องมาใช้เวลา 20 กว่าชั่วโมง อยู่กับตัวเอง..จึงแนะนำ จากประสบการณ์ตรง(ที่ผมใช้มาตลอด หลายปี) จาก 3 ข้อ ข้างบน ที่แนะนำไว้นั่นและครับ(ฟังทุกวัน ฟังทุกอย่างที่ชอบ, อ่านออกเสียงดังๆ ทุกวัน ซ้ำๆ 10-20 รอบทุกวัน, หาทางปล่อยของกับเจ้าของภาษา) โดยเฉพาะ ข้อสุดท้าย ถ้าฝึกกับฝรั่ง หรือชาวต่างชาติ เป็นประจำ ทีนี้ไอ้โรคกลัวฝรั่ง มันจะหายไปเอง โดยอัตโนมัติ มันกลับจะวิ่งเข้าหา จนฝรั่งรำคาญไปเลยละครับ
ส่วนในเรื่องเว็บฝึกภาษา ใน YouTube พิมพ์คำว่า Learning English มีเป็นล้านๆ มีเยอะ เลือกๆ เอาที่ชอบครับ (แต่เยอะเกิน ก็เฝือ)
คำแนะนำ เล็กๆ น้อยๆ หวังว่า พอจะช่วย ให้เจ้าของกระทู้ มีทางออกบ้างนะครับ แม้จะไม่ดีเลิศ ประเสริฐศรี มณีเจ็ดแสง
และขอเป็นกำลังใจทุกท่านที่รักการเรียนภาษา ให้มีแรงบันดาลใจ ในการเรียนรู้ และประสบความสำเร็จ ในเร็ววันเร็วคืน นะครับ..!!
ทำตาม อย่างที่บอก 1 เดือน รับประกัน เก่งแน่นอนครับ
"ความสำเร็จ ย่อมมาจากการทำ ที่ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ"
"ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะล้มเหลวมากี่ครั้ง ขอเพียงคุณทำให้มันสำเร็จ สักครั้ง ก็พอ"
เพียง 1 เดือน จะเก่งภาษาอังกฤษได้ไหม??
คือ เท่าที่เคยผ่านอาจารย์ฝรั่งมาครับ ก็คือ ต้อง Input ให้มากๆ แล้วพอจะ Output มันก็จะง่ายขึ้น (ประมาณว่า ของที่จะนำออกมาใช้ ต้องมีตุนไว้ข้างในแล้ว)..มีหลักการดังต่อไปนี้ ครับ
1. เปิดฟัง กรอกหูทุกวันๆๆๆๆ ตั้งแต่บทสนทนาประโยคสั้นๆ จนถึงเรื่องยาวๆ จะเป็นข่าวหรือนิยาย นิทานก็ตาม จนติดหู หลักทฤษฏีมีอยู่ว่า การเรียนภาษา คือการจำ ถ้าจำได้มาก ก็มีโอกาสมาก (เรียกว่า ก๊อปปี้ ก็ไม่ผิด) ยกตัวอย่าง เด็กทารก ที่ยังไม่เคยเข้าโรงเรียน แต่ทำไมพูดได้ เพราะฟังจากพ่อแม่ทุกวัน ฟังจนจำได้ เป็นศัพท์ หรือประโยค อะไรก็แล้วแต่ แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาไป (สำคัญคือ ต้องทุกๆ วัน ความสำเร็จมาจากการต่อเนื่อง)
2. อ่านครับ คือผมเคยถูกอาจารย์ทดสอบ ตอนไปเรียนวันแรก ท่านให้อ่านให้ฟัง หนึ่งบท สั้นๆ ปรากฏว่า ผมอ่านไม่คล่องเลย อาจารย์ก็เลยบอกว่า ขนาดให้เธออ่าน แบบ เห็นๆ จากหนังสือ เธอยังอ่านไม่คล่อง ตะกุกตะกัก สะกดก็ไม่ถูก แล้วถ้าจะไปพูดกับคนอื่น โดยที่ไม่มีหนังสือ จะไม่ไปกันใหญ่หรือ?? จากนั้น เพื่อความคล่อง อาจารย์เลยให้อ่านมา ทุกๆ วัน วันละ 3-5 บท อ่านซ้ำๆ บทละ 10-20 รอบ ไม่นาน รู้สึกว่า อ่านคล่อง พอจะพูด มันก็คล่องโดยอัตตโนมัติ เพราะมันจำได้จากการอ่านทุกๆ วัน (เรียกว่า ก๊อปปี้ ก็ไม่ผิด)
3. ให้หาเพื่อนต่างชาติ เพื่อปล่อยของ ที่ได้ร่ำเรียนมา ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์คุย หรือสนทนา ด้วยเสียง ทางโลกออนไลน์ ได้ทั้งหมด หรือได้สนทนาแบบตัวต่อตัว ตัวเป็นๆ ก็ยิ่งดีครับ
แต่สำหรับ การไปเรียนตามสถาบันสอนภาษา ก็สำคัญครับ เพราะทำให้เราได้รู้หลักไวยากรณ์ ขั้นพื้นฐาน ถ้าพื้นแน่น โครงสร้างก็แน่นครับ ทีนี้จะใส่ฝาและหลังคา ทาสี (ฝึกความคล่อง และสำเนียง จากฝรั่งเจ้าของภาษา) ก็ง่ายขึ้น...แต่อย่างไรก็แล้วแต่ การเรียนในห้องเรียน มันแค่ไม่กี่ชั่วโมง และถ้าเป็นการสอนแบบ ไทยๆ ก็ยิ่งไปกันใหญ่ (คือได้ความรู้ แต่ทักษะการฟัง การพูด แทบจะไม่ได้เลย เพราะทั้งชั่วโมง ครูพูดแต่ภาษาไทย)...ฉะนั้น หลังจากออกจากห้องเรียนแล้ว คุณต้องมาใช้เวลา 20 กว่าชั่วโมง อยู่กับตัวเอง..จึงแนะนำ จากประสบการณ์ตรง(ที่ผมใช้มาตลอด หลายปี) จาก 3 ข้อ ข้างบน ที่แนะนำไว้นั่นและครับ(ฟังทุกวัน ฟังทุกอย่างที่ชอบ, อ่านออกเสียงดังๆ ทุกวัน ซ้ำๆ 10-20 รอบทุกวัน, หาทางปล่อยของกับเจ้าของภาษา) โดยเฉพาะ ข้อสุดท้าย ถ้าฝึกกับฝรั่ง หรือชาวต่างชาติ เป็นประจำ ทีนี้ไอ้โรคกลัวฝรั่ง มันจะหายไปเอง โดยอัตโนมัติ มันกลับจะวิ่งเข้าหา จนฝรั่งรำคาญไปเลยละครับ
ส่วนในเรื่องเว็บฝึกภาษา ใน YouTube พิมพ์คำว่า Learning English มีเป็นล้านๆ มีเยอะ เลือกๆ เอาที่ชอบครับ (แต่เยอะเกิน ก็เฝือ)
คำแนะนำ เล็กๆ น้อยๆ หวังว่า พอจะช่วย ให้เจ้าของกระทู้ มีทางออกบ้างนะครับ แม้จะไม่ดีเลิศ ประเสริฐศรี มณีเจ็ดแสง
และขอเป็นกำลังใจทุกท่านที่รักการเรียนภาษา ให้มีแรงบันดาลใจ ในการเรียนรู้ และประสบความสำเร็จ ในเร็ววันเร็วคืน นะครับ..!!
ทำตาม อย่างที่บอก 1 เดือน รับประกัน เก่งแน่นอนครับ
"ความสำเร็จ ย่อมมาจากการทำ ที่ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ"
"ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะล้มเหลวมากี่ครั้ง ขอเพียงคุณทำให้มันสำเร็จ สักครั้ง ก็พอ"