เอาแน่แล้ว!แก้กม.สงฆ์ปราบเงินทอนวัดระยะยาว
“ผอ.พศ.”เผยจ่อแก้กม.สงฆ์ "เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว" อ้างได้ข้อมูลวัด-จนท.โกงเพิ่ม
วันที่ 23 มิ.ย.60 พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)กล่าวหลังการเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีว่า ได้รายงานข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินคดีการทุจริตเงินอุหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรวัดของเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้นายวิษณุรับทราบ โดยนายวิษณุเน้นย้ำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎระเบียบ ทั้งนี้ การเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนทางวินัย เพื่อสืบสวน 12 กรณีที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง 4 ราย หากพบมูลความผิดก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า เบื้องต้นพบผู้กระทำความผิด 4 ราย ส่วนจะมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างจะต้องรอการสืบสวนสอบสวนต่อไป โดยคณะกรรมการจะรายงานผลการทำงานในทุก 15 วัน นอกจากนี้ยังตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการใช้เงินอุดหนุนวัด โดยการสืบสวนหาหลักฐานทำได้หลายอย่าง ทั้งข้อมูลจากตำรวจ และจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยให้ทำอย่างรวดเร็ว แต่ไม่สามารถกำหนดเวลาได้
พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ในการแก้ไขปัญหาระยะยาว สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เห็นว่าควรจะต้องปรับปรุงกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ เพราะกฎระเบียบเดิมที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี 2558 นั้น ยังมีช่องโหว่อยู่ โดยปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะเกิดก่อนปี 2558 คาดว่าจะมีการประชุมหารือ เพื่อแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบที่มีอยู่ในเร็วๆนี้ ส่วนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หากผู้ใดพบเบาะแสของการกระทำความผิด ก็ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ งบประมาณที่อุดหนุนวัดนั้นจะต้องไม่มีการรับทอน เมื่อให้งบไปแล้ว วัดจะต้องได้ใช้โดยตรง
พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช. เปิดเผยว่ามีข้อมูลว่าพบวัดทางภาคใต้กระทำความผิดในเรื่องเดียวกันกว่า 70 แห่งนั้น เบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลจากการเสนอข่าวของสื่อมวลชน วันนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มีการหารือถึงเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด แต่ยังไม่ระบุว่ามีวัดใดบ้าง นอกจากนี้ยังมีเบาะแสที่ได้รับแจ้งมา ส่วนจะเกี่ยวข้องกับคนใน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วยหรือไม่ ไม่ขอเปิดเผย ยืนยันว่าข้อมูลต่างๆที่เปิดเผยว่าพบวัดในพื้นที่ต่างๆ ที่กระทำความผิด ไม่ใช่ข้อมูลที่มาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพราะหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ย่อมไม่เปิดเผยข้อมูลเพื่อการดำเนินงาน เพราะการบังคับใช้กฎหมายจะเสื่อมประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลว่าบางวัดไม่ขอรับเงินอุดหนุนจากวัด เพื่อไม่ให้มีปัญหานั้น พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ตรวจสอบไม่พบว่าต้นทางของข้อมูลมากจากที่ใด อย่างไรก็ตาม แม้มีวัดหนึ่ง ไม่ต้องการเงินอุดหนุนจากรัฐ แต่วัดอื่นก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้
.........................
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.springnews.co.th/th/2017/06/57951/)
เอาแน่แล้ว!แก้กม.สงฆ์ปราบเงินทอนวัดระยะยาว
เอาแน่แล้ว!แก้กม.สงฆ์ปราบเงินทอนวัดระยะยาว
“ผอ.พศ.”เผยจ่อแก้กม.สงฆ์ "เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว" อ้างได้ข้อมูลวัด-จนท.โกงเพิ่ม
วันที่ 23 มิ.ย.60 พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)กล่าวหลังการเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีว่า ได้รายงานข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินคดีการทุจริตเงินอุหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรวัดของเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้นายวิษณุรับทราบ โดยนายวิษณุเน้นย้ำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎระเบียบ ทั้งนี้ การเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนทางวินัย เพื่อสืบสวน 12 กรณีที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง 4 ราย หากพบมูลความผิดก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า เบื้องต้นพบผู้กระทำความผิด 4 ราย ส่วนจะมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างจะต้องรอการสืบสวนสอบสวนต่อไป โดยคณะกรรมการจะรายงานผลการทำงานในทุก 15 วัน นอกจากนี้ยังตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการใช้เงินอุดหนุนวัด โดยการสืบสวนหาหลักฐานทำได้หลายอย่าง ทั้งข้อมูลจากตำรวจ และจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยให้ทำอย่างรวดเร็ว แต่ไม่สามารถกำหนดเวลาได้
พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ในการแก้ไขปัญหาระยะยาว สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เห็นว่าควรจะต้องปรับปรุงกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ เพราะกฎระเบียบเดิมที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี 2558 นั้น ยังมีช่องโหว่อยู่ โดยปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะเกิดก่อนปี 2558 คาดว่าจะมีการประชุมหารือ เพื่อแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบที่มีอยู่ในเร็วๆนี้ ส่วนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หากผู้ใดพบเบาะแสของการกระทำความผิด ก็ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ งบประมาณที่อุดหนุนวัดนั้นจะต้องไม่มีการรับทอน เมื่อให้งบไปแล้ว วัดจะต้องได้ใช้โดยตรง
พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช. เปิดเผยว่ามีข้อมูลว่าพบวัดทางภาคใต้กระทำความผิดในเรื่องเดียวกันกว่า 70 แห่งนั้น เบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลจากการเสนอข่าวของสื่อมวลชน วันนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มีการหารือถึงเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด แต่ยังไม่ระบุว่ามีวัดใดบ้าง นอกจากนี้ยังมีเบาะแสที่ได้รับแจ้งมา ส่วนจะเกี่ยวข้องกับคนใน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วยหรือไม่ ไม่ขอเปิดเผย ยืนยันว่าข้อมูลต่างๆที่เปิดเผยว่าพบวัดในพื้นที่ต่างๆ ที่กระทำความผิด ไม่ใช่ข้อมูลที่มาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพราะหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ย่อมไม่เปิดเผยข้อมูลเพื่อการดำเนินงาน เพราะการบังคับใช้กฎหมายจะเสื่อมประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลว่าบางวัดไม่ขอรับเงินอุดหนุนจากวัด เพื่อไม่ให้มีปัญหานั้น พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ตรวจสอบไม่พบว่าต้นทางของข้อมูลมากจากที่ใด อย่างไรก็ตาม แม้มีวัดหนึ่ง ไม่ต้องการเงินอุดหนุนจากรัฐ แต่วัดอื่นก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้
.........................
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.springnews.co.th/th/2017/06/57951/)