สวัสดีค่ะ เพิ่งลองเชียนกระทู้ใน Pantip ครั้งแรก เลยอยากแชร์เรื่องสนใจ และเคยเขียนไว้ก่อนหน้ามาลง เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "ถุงพลาสติก"
ถุงพลาสติก เป็นหนึ่งในสาเหตุสิ่งปนเปื้อนในธรรมชาติเป็นอันดับต้นๆ ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นหนึ่งในวัตถุที่เป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันของมวลมนุษย์ทุกชนชาติ ความพยายามในการลดใช้ถุงพลาสติก รวมถึงการใช้วัสดุที่ย่อยสลายง่าย (biodegradable bags) เป็นก้าวสำคัญในการช่วยลด หรือ ชลอ ผลกระทบจากการใช้ถุงพลาสติก....ถึงแม้ผู้บริโภคบางกลุ่มจะหันมาใช้ถุงผ้า หรือลดการใช้ แต่ดูเหมือนว่าการร่วมมือจากส่วนธุรกิจในเรื่องดังกล่าวยังไม่แพร่หลายนัก
ในช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษประกาศให้มีการเก็บค่าถุงพลาสติก โดยกำหนดว่า
“If you’re a large retailer you must charge at least 5p for single-use carrier bags. If you’re a small or medium-sized business you can charge and follow the scheme voluntarily - you don’t have to report or keep records for carrier bag use.”
หรือ แปลเป็นไทยประมาณว่า ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ต้องคิดค่าถุงพลาสติกเป็นจำนวนเงิน 5p หรือประมาณ 2-3 บาทไทย ส่วนร้านค้าขนาดกลางและเล็กสามารถทำตามนโยบายนี้ได้ถ้าสมัครใจ โดยร้านค้าขนาดกลางและเล็กนี้ไม่จำเป็นต้องบันทึกว่าได้ให้ถุงพลาสติกไปกี่ใบแก่ลูกค้า (ในขณะที่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ต้องบันทึกจำนวนไว้)
การเก็บเงินจำนวนนี้ไม่ใช่ภาษี เงินจึงไม่ได้เข้ารัฐบาล แต่เป็น campaign เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก (เหมือนเป็นยอดขายบรรทัดหนึ่งของธุรกิจ)เพราะฉะนั้นธุรกิจที่เก็บเงิน มีหน้าที่ที่จะนำเงินที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ แต่ต้องรายงานรัฐบาลเกี่ยวกับรายรับ-จ่ายเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว
การกำหนดมาตรการแบบนี้เป็นการส่งเสริมให้ธุรกิจตื่นตัว และมีส่วนร่วมในกับการลดใช้ถุงพลาสติก ผู้บริโภคก็หันมาระวังกันมากขึ้น บางคนอาจจะไม่สนใจเพราะมันแค่ 5p (ประมาณ 2.5 บาบ คิดจาก 1 ปอนด์ = 50 บาท)
ส่วนตัวแล้ว หลังๆ ก็ติดนิสัยหยิบถุงติดกระเป๋าออกจากบ้านตอนไปซื้อของทุกที และยิ่งรู้ว่าไม่ใช่ภาษี อาการขี้เหนียว และไม่อยากจ่าย 5p เริ่มออกหนัก แบบนี้ก็ถือว่าได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย *ลดการใช้พลาสติก ลดโลกร้อน *ผู้บริโภคและธุรกิจมีส่วนร่วม *ระยะยาวสามารถลดต้นทุนของการใช้ถุงพลาสติก อีกทั้งยังช่วยในระบบการบันทึกสถิติการใข้ถุงถุงพลาสติกอีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้อาจจะเป็นข้อมูลที่สำคัญในอนาคต
ในประเทศไทยก็เริ่มมีการตื่นตัวเรื่องนี้ เช่น Tesco Lotus ให้ Green Point เพิ่มกับคนที่ไม่รับถุงพลาสติก (แต่ให้เพียงช่วงสั้น) ถึงแม้ผลอาจจะไม่เท่าการเก็บเงินแบบอังกฤษ แต่ก็นับว่าเป็นก้าวที่ดีสำหรับการส่งเสริม ความยั่งยืนแบบได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย และเพิ่ม awareness เรื่องการใช้ถุงพลาสติกในผู้บริโภค
เนื่องจากใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษเลยอยากลองเล่าเรื่องในประเทศอังกฤษเกี่ยวกับการใช้ถุงพลาสติกให้ฟัง และถามความเห็น + เปิดบทสนทนาว่าประเทศไทยควรมีอะไรแบบนี้บ้างมั้ย เพื่อช่วยลดการใช้ ถ้ามีข้อติชมยังไงเต็มที่เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
------------------------------
www.charika-bo.com
แนวคิด/นโยบายลดการใช้ใหม่ และเพิ่มการใช้ซ้ำ ของถุงพลาสติก
ถุงพลาสติก เป็นหนึ่งในสาเหตุสิ่งปนเปื้อนในธรรมชาติเป็นอันดับต้นๆ ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นหนึ่งในวัตถุที่เป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันของมวลมนุษย์ทุกชนชาติ ความพยายามในการลดใช้ถุงพลาสติก รวมถึงการใช้วัสดุที่ย่อยสลายง่าย (biodegradable bags) เป็นก้าวสำคัญในการช่วยลด หรือ ชลอ ผลกระทบจากการใช้ถุงพลาสติก....ถึงแม้ผู้บริโภคบางกลุ่มจะหันมาใช้ถุงผ้า หรือลดการใช้ แต่ดูเหมือนว่าการร่วมมือจากส่วนธุรกิจในเรื่องดังกล่าวยังไม่แพร่หลายนัก
ในช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษประกาศให้มีการเก็บค่าถุงพลาสติก โดยกำหนดว่า
“If you’re a large retailer you must charge at least 5p for single-use carrier bags. If you’re a small or medium-sized business you can charge and follow the scheme voluntarily - you don’t have to report or keep records for carrier bag use.”
หรือ แปลเป็นไทยประมาณว่า ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ต้องคิดค่าถุงพลาสติกเป็นจำนวนเงิน 5p หรือประมาณ 2-3 บาทไทย ส่วนร้านค้าขนาดกลางและเล็กสามารถทำตามนโยบายนี้ได้ถ้าสมัครใจ โดยร้านค้าขนาดกลางและเล็กนี้ไม่จำเป็นต้องบันทึกว่าได้ให้ถุงพลาสติกไปกี่ใบแก่ลูกค้า (ในขณะที่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ต้องบันทึกจำนวนไว้)
การเก็บเงินจำนวนนี้ไม่ใช่ภาษี เงินจึงไม่ได้เข้ารัฐบาล แต่เป็น campaign เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก (เหมือนเป็นยอดขายบรรทัดหนึ่งของธุรกิจ)เพราะฉะนั้นธุรกิจที่เก็บเงิน มีหน้าที่ที่จะนำเงินที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ แต่ต้องรายงานรัฐบาลเกี่ยวกับรายรับ-จ่ายเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว
การกำหนดมาตรการแบบนี้เป็นการส่งเสริมให้ธุรกิจตื่นตัว และมีส่วนร่วมในกับการลดใช้ถุงพลาสติก ผู้บริโภคก็หันมาระวังกันมากขึ้น บางคนอาจจะไม่สนใจเพราะมันแค่ 5p (ประมาณ 2.5 บาบ คิดจาก 1 ปอนด์ = 50 บาท)
ส่วนตัวแล้ว หลังๆ ก็ติดนิสัยหยิบถุงติดกระเป๋าออกจากบ้านตอนไปซื้อของทุกที และยิ่งรู้ว่าไม่ใช่ภาษี อาการขี้เหนียว และไม่อยากจ่าย 5p เริ่มออกหนัก แบบนี้ก็ถือว่าได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย *ลดการใช้พลาสติก ลดโลกร้อน *ผู้บริโภคและธุรกิจมีส่วนร่วม *ระยะยาวสามารถลดต้นทุนของการใช้ถุงพลาสติก อีกทั้งยังช่วยในระบบการบันทึกสถิติการใข้ถุงถุงพลาสติกอีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้อาจจะเป็นข้อมูลที่สำคัญในอนาคต
ในประเทศไทยก็เริ่มมีการตื่นตัวเรื่องนี้ เช่น Tesco Lotus ให้ Green Point เพิ่มกับคนที่ไม่รับถุงพลาสติก (แต่ให้เพียงช่วงสั้น) ถึงแม้ผลอาจจะไม่เท่าการเก็บเงินแบบอังกฤษ แต่ก็นับว่าเป็นก้าวที่ดีสำหรับการส่งเสริม ความยั่งยืนแบบได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย และเพิ่ม awareness เรื่องการใช้ถุงพลาสติกในผู้บริโภค
เนื่องจากใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษเลยอยากลองเล่าเรื่องในประเทศอังกฤษเกี่ยวกับการใช้ถุงพลาสติกให้ฟัง และถามความเห็น + เปิดบทสนทนาว่าประเทศไทยควรมีอะไรแบบนี้บ้างมั้ย เพื่อช่วยลดการใช้ ถ้ามีข้อติชมยังไงเต็มที่เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
------------------------------
www.charika-bo.com