ซื้อไว้รอคุณ
เสียงดังโครมใหญ่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน ทำให้ฉันต้องผละจากอาหารเย็นบนโต๊ะเพื่อทำสิ่งที่คุ้นเคย คือออกไปดูเหตุการณ์ซึ่งเกิดซ้ำเป็นครั้งที่สี่แล้วในเดือนนี้
“ขอโทษจริงๆ ครับคุณอ้อ ผมชนประตูรั้วคุณอีกแล้วครับ” ขจรศักดิ์หนุ่มธนาคารยืนเกาหัวแกรกๆ ส่งยิ้มแหยๆ มาให้
‘เฮ้อ...’ ฉันอุทานในใจกับเรื่องราวเดิมๆ และคู่กรณีคนเดิม “ไม่เป็นไรค่ะ ก็เอาอย่างเดิมนั่นแหละค่ะ”
“ครับๆ เดี๋ยวผมโทรเรียกช่างเดี๋ยวนี้เลยครับ” แม้จะคุ้นเคยกับสถานการณ์ แต่เขาก็ยังมีอาการเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด
“คราวนี้อ้อขออนุญาตเรียกตำรวจมาเป็นพยานด้วยนะคะ เพราะมันบ่อย...อ้อไม่แน่ใจว่าคุณมีเจตนาอะไรแอบแฝงหรือเปล่า”
“อย่าให้ต้องถึงกับเรียกตำรวจเลยครับคุณอ้อ ผมไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยจริงๆ ครับ” เขาโบกไม้โบกมือห้ามเป็นการใหญ่
“คุณก็รู้ว่าอ้ออยู่บ้านหลังนี้คนเดียว อ้อเป็นผู้หญิง อ้อต้องระวังตัวเอาไว้ก่อนสิคะ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆ อ้อไม่ทำหรอกค่ะ” คำอธิบายของฉันดูจะเป็นผล สีหน้าของจรบ่งบอกว่ายอมรับสภาพกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ครับ ถ้าคุณอ้อสบายใจเอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
มองดูเขาแล้วก็เหมือนไม่ใช่คนมีพิษมีภัยอะไร แต่ก็อย่างว่าสมัยนี้แค่ภายนอกมันบอกไม่ได้ว่าข้างในเป็นอย่างไร
“เข้ามาในบ้านก่อนสิคะ มาดื่มอะไรให้ใจเย็นก่อนตำรวจจะมาดีไหมคะ”
“เอ่อ...จะดีเหรอครับ” แววตาเขาวาวขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสั่นไหวเพราะไม่แน่ใจ
“ดีสิคะ...ไหนๆ ก็เจอกันบ่อยขนาดนี้แล้ว คุณอยากรู้จักอ้อแค่เรื่องอุบัติเหตุเองเหรอคะ” ฉันปรายตาให้เขาก่อนจะเดินนำเข้ามาในบ้าน
“เกรงใจจังเลยครับคุณอ้อ” แขกของฉันดูจะตื่นเต้นเอาการทีเดียว เมื่อฉันยกเบียร์เย็นๆ พร้อมแก้วมาบริการ
เบียร์หมดไปสองขวดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาขัดจังหวะการสนทนาของเราทั้งคู่
“อีกสักพักตำรวจน่าจะมาแล้วล่ะครับ คุณอ้ออัชฌาศัยดีแบบนี้ ผมยินดีลงบันทึกประจำวันให้โดยไม่ขัดข้องเลยครับ” เจ้าหน้าที่มาช้าจนแม้แต่เขาก็คงรู้สึกเหมือนกัน
“ปกติคุณจรดื่มเบียร์บ่อยหรือเปล่าคะ” ฉันแสร้งทำไม่ใส่ใจสิ่งที่เขาพูด
“ก็มีบ้างครับตามจังหวะและโอกาส ว่าแต่คุณอ้อไม่ดื่มเบียร์ ทำไมมีเบียร์อยู่ในบ้านล่ะครับ”
“ค่ะ...อ้อซื้อไว้รอคุณมาดื่มโดยเฉพาะค่ะ”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“หมายความว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะมา เขาเอาเครื่องวัดแอลกอฮอล์มาด้วยค่ะ”
*******************
วิชชากาญจน์ วิรุฬห์อักษรากร
ซื้อไว้รอคุณ(เรื่องสั้นห้าร้อยคำ)
เสียงดังโครมใหญ่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน ทำให้ฉันต้องผละจากอาหารเย็นบนโต๊ะเพื่อทำสิ่งที่คุ้นเคย คือออกไปดูเหตุการณ์ซึ่งเกิดซ้ำเป็นครั้งที่สี่แล้วในเดือนนี้
“ขอโทษจริงๆ ครับคุณอ้อ ผมชนประตูรั้วคุณอีกแล้วครับ” ขจรศักดิ์หนุ่มธนาคารยืนเกาหัวแกรกๆ ส่งยิ้มแหยๆ มาให้
‘เฮ้อ...’ ฉันอุทานในใจกับเรื่องราวเดิมๆ และคู่กรณีคนเดิม “ไม่เป็นไรค่ะ ก็เอาอย่างเดิมนั่นแหละค่ะ”
“ครับๆ เดี๋ยวผมโทรเรียกช่างเดี๋ยวนี้เลยครับ” แม้จะคุ้นเคยกับสถานการณ์ แต่เขาก็ยังมีอาการเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด
“คราวนี้อ้อขออนุญาตเรียกตำรวจมาเป็นพยานด้วยนะคะ เพราะมันบ่อย...อ้อไม่แน่ใจว่าคุณมีเจตนาอะไรแอบแฝงหรือเปล่า”
“อย่าให้ต้องถึงกับเรียกตำรวจเลยครับคุณอ้อ ผมไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยจริงๆ ครับ” เขาโบกไม้โบกมือห้ามเป็นการใหญ่
“คุณก็รู้ว่าอ้ออยู่บ้านหลังนี้คนเดียว อ้อเป็นผู้หญิง อ้อต้องระวังตัวเอาไว้ก่อนสิคะ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆ อ้อไม่ทำหรอกค่ะ” คำอธิบายของฉันดูจะเป็นผล สีหน้าของจรบ่งบอกว่ายอมรับสภาพกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ครับ ถ้าคุณอ้อสบายใจเอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
มองดูเขาแล้วก็เหมือนไม่ใช่คนมีพิษมีภัยอะไร แต่ก็อย่างว่าสมัยนี้แค่ภายนอกมันบอกไม่ได้ว่าข้างในเป็นอย่างไร
“เข้ามาในบ้านก่อนสิคะ มาดื่มอะไรให้ใจเย็นก่อนตำรวจจะมาดีไหมคะ”
“เอ่อ...จะดีเหรอครับ” แววตาเขาวาวขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสั่นไหวเพราะไม่แน่ใจ
“ดีสิคะ...ไหนๆ ก็เจอกันบ่อยขนาดนี้แล้ว คุณอยากรู้จักอ้อแค่เรื่องอุบัติเหตุเองเหรอคะ” ฉันปรายตาให้เขาก่อนจะเดินนำเข้ามาในบ้าน
“เกรงใจจังเลยครับคุณอ้อ” แขกของฉันดูจะตื่นเต้นเอาการทีเดียว เมื่อฉันยกเบียร์เย็นๆ พร้อมแก้วมาบริการ
เบียร์หมดไปสองขวดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาขัดจังหวะการสนทนาของเราทั้งคู่
“อีกสักพักตำรวจน่าจะมาแล้วล่ะครับ คุณอ้ออัชฌาศัยดีแบบนี้ ผมยินดีลงบันทึกประจำวันให้โดยไม่ขัดข้องเลยครับ” เจ้าหน้าที่มาช้าจนแม้แต่เขาก็คงรู้สึกเหมือนกัน
“ปกติคุณจรดื่มเบียร์บ่อยหรือเปล่าคะ” ฉันแสร้งทำไม่ใส่ใจสิ่งที่เขาพูด
“ก็มีบ้างครับตามจังหวะและโอกาส ว่าแต่คุณอ้อไม่ดื่มเบียร์ ทำไมมีเบียร์อยู่ในบ้านล่ะครับ”
“ค่ะ...อ้อซื้อไว้รอคุณมาดื่มโดยเฉพาะค่ะ”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“หมายความว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะมา เขาเอาเครื่องวัดแอลกอฮอล์มาด้วยค่ะ”