จะมีใครซวยเท่าผมอีก

ผมเป็นลูกจ้างธนาคารสีส้มแห่งหนึ่ง ทำมา 5-6 ปี เนื่องจากผมเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา ไม่ชอบประจบเลียแข้งเลียขาใคร ทำผิดก็ยอมรับผิดแต่ถ้าไม่ผิดต่อให้เกิดไรขึ้นผมก็ไม่รับ แต่ก็พยายามเลี่ยงไม่ให้มีปัญหา แต่ก็นับเป็นโชคร้ายที่ผมมาเจอกับ ผจก.คนนี้
ผมซึ่งเป็นลูกจ้างธนาคารได้มีปัญหากับ ผจก. ที่ไร้เหตุผล ไร้ความเป็นธรรม สักแต่ว่าด่าไว้ก่อนผิดถูกไม่สนและไม่มีขอโทษ
วันนั้นเป็นช่วงที่เกิดภัยน้ำท่วม ผมซึ่งกำลังทำความสะอาดรถอยู่ ได้มีน้องเคลียร์ริ่งที่ต่างสาขามาร่วมทำงานกันที่นี่เพราะสาขานั้นน้ำท่วม น้องเคลียร์ริ่งมาขอให้ผมไปส่งที่ สนญ. ซึ่งผมก็ตอบกลับไปว่าให้ไปบอก ผจก.ก่อน แต่น้องเคลียร์ริ่งนั้นกลับไม่พอใจและขี่มอไซออกไป เมื่อใกล้ถึง สนญ. รถเกิดล้มทำให้เอกสารเกือบเปียก เมื่อน้องเคลียร์ริ่งกลับมาถึงสาขาได้เอาเรื่องที่ผมไม่ไปส่งไปฟ้อง ผจก. แล้ว ผจก.ก็เดินมาด่าผมทันทีโดยไม่มีถามหาสาเหตุใดๆเลย โดยขณะที่ด่าก็มีน้องเคลียร์ริ่งยืนอยู่ข้างๆตลอด พวกพี่ๆที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  
ต่อมาเมื่อมีทำบุญสาขาผมก็ไปรับของที่จะเอามาประกอบพิธีที่วัด เมื่อเสร็จพิธีแล้วผมได้ยกของทั้งหลายเอาขึ้นรถเพื่อเตรียมไปส่งคืนวัด ผมเดินไปหา ผจก.พร้อมกับน้องคนนึงไปบอกว่า ผจก.ว่า จะให้ผมเอาของไปคืนวัดเลยมั้ยคับ คำตอบที่ได้คือเดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน ผมจึงเดินจากมาคนเดียวส่วนน้องนั้นเดินตาม ผจก.ไป แยกกันไม่ถึง 2 นาที ผจก.พูดมาว่า มันก็อยู่เฉยๆว่างๆทำไมไม่รู้จักเอาของไปคืนวัด น้องที่อยู่กลับ ผจก.จึงพูดสวนทันทีว่า อ้าว…พี่เค้าก็ถามแล้วนี่ค่ะว่าจะให้เอาไปคืนเลยมั้ย? แล้ว ผจก.ก็เงียบแล้วเดินกลับเข้าสาขาไป
ต่อมามีพนักงานคนนึงชื่อนิวได้มาคุยกับเพื่อนสนิทผมที่ทำงานอยู่ที่นั่นเหมือนกัน คุยกันสักพักแล้วมาสรุปความผิดของผมมา 5 ข้อ (ผมก็จำได้แค่ข้อเดียว) แล้วให้เพื่อนผมมาคุยกับผม ผมจึงบอกเพื่อนไปว่า พูดมาทีละข้อเดี๋ยวจะแจงให้ฟัง
1.เพื่อนว่าผมรู้มาก ผมถามกลับมาว่ารู้มากยังไง เพื่อนอธิบายว่าเวลา ผจก.จะออกข้างนอกผมก็ไปกินข้าว ทำให้ ผจก.เสียเวลา ผมสวนกลับทันทีว่า ผมถาม ผจก.แล้วว่าจะออกกี่โมงคำตอบที่ได้คือ เดี๋ยวก่อนๆ ถาม2-3 ครั้งคำตอบเหมือนเดิม เมื่อถึงเวลากินข้าวผมก็ไปกิน ซึ่งผมเองก็รีบกินเพื่อจะได้เตรียมพร้อมเพราะไม่รู้ว่า ผจก.จะออกข้างนอกกี่โมง เพื่อนมันเลยบอกว่า อ้าวงี้ก็ไม่ผิด เพราะไปถามแล้วแค่ไม่ได้คำตอบ
2.นี่ผมจำไม่ได้ว่าเพื่อนถามอะไร แต่ผมตอบกลับไปว่า นิวมันแต่งเรื่องขึ้นมามีงก็เชื่อหรอ เพื่อนเลยว่า อ้าวมันแต่งเรื่องหรอ งั้นต่อไปถ้ามีไรจะมาถามผมก่อน
ต่อมา…ผจก.ได้ให้เงินติดไว้กับรถ 2000 บาท เพื่อที่จะเอาไปใช้เติมน้ำมันกับจ่ายค่าทางด่วน ซึ่งทุกครั้งไม่ว่าจะเติมน้ำมันหรือขึ้นทางด่วนผมจะขอใบเสร็จเพื่อเอามาเบิกเพื่อเอาเงินไปหมุนใช้จ่ายรอบต่อๆไป จากเหตุการณ์นี้ผมถูก ผจก.กล่าวหาว่าเป็นขโมย โดยเอาไปพูดกับสมุหฯ ว่าดูสิเงินที่เบิกกับเงินที่เหลือรวมกันแล้วมันได้แค่ 1000 กว่าบาท ดูสิมันขโมยเงินพี่(ผจก.)ไป เมื่อสบโอกาสพี่สมุหฯได้คุยเนื่องนี้กับผม ผมจึงบอกไปว่า ผจก.หยิบเงินจากในกองไปใช้แล้วเคยใส่คืนหรือเปล่าละ แล้วตะให้เงินมันมีเท่าเดิมได้ยังไง พี่สมุหฯก็ว่า ก็จริง และแนะให้ผมทำบัญชีรับจ่ายแต่ละวัน ซึ่งผมก็ทำโดยการจดบันทึกเช้ามาเงินเหลือเท่าไร ภายในวันมีใช้อะไรบ้างแล้วเย็นเหลือเท่าไร ผมจะจดบันทึกทุกวัน และแต่วันก็มีเงินหายตลอด เพราะผจก.เอารถธนาคารกลับบ้านด้วย เช้ามาก็ขับรถธนาคารมา เป็นแบบนี้ทุกวัน และทุกครั้งที่เงินหายไปผมก็จะบอกกับสมุหฯทุกครั้ง
ต่อมา…ได้เกิดเหตุผมลืมปิดฝาหม้อน้ำ ทำให้รถดับกลางทางในขณะที่ ผจก.ขับมาทำงาน เมื่อเรื่องนี้รู้กันทั้งสาขา ผจก.กล่าวหาว่าผมจะฆ่ามัน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น หาว่าผมทำมาหลายครั้งแล้ว ทั้งๆที่ความจริงคือนี่เป็นครั้งแรกที่พลาด พอผมรู้เรื่องเข้าผมรีบขับมอไซตามไปทีจุดที่รถจอด รถจอดกลางแยก ตอนที่ผมไปถึงได้มีผู้ชายคนนึงมาช่วยดูรถให้อยู่ แต่คน 2 คนหาฝาปิดหม้อน้ำไม่เจอ หากัน 10 กว่านาที ก็ไม่เจอ แต่ผมไปไม่ถึง 3 นาที ผมเจอฝาปิด มันอยู่ตรงซอกใกล้กับที่เปิดกระโปรงหน้ารถ แล้วผมก็ถูกกล่าวหาต่อว่า ผมเป็นคนเก็บฝาไว้กับตัวเพื่อที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ เพื่อจะฆ่า ผจก. เมื่อผมเจอฝาปิดหม้อน้ำแล้ว ผจก.ก็เรียกแท็กซี่ไปสาขาทิ้งให้ผมอยู่จัดการคนเดียวโดยไม่มีใครช่วย ทั้งเข็นรถมาจอดข้างทาง ทั้งเดินไปซื้อน้ำมาใส่หม้อน้ำ แต่ใช่ว่าจะเติมน้ำได้ทันที ผมต้องรอให้เครื่องเย็นก่อนจึงเติมได้ ผมต้องยืนตากแดดตั้งแต่ 8 โมงเช้ายัน 10 โมงครึ่ง น้องที่ทำงาน 2 คนเข้ามาช่วยโดยที่ไม่มีใครรู้ ไม่งั้นผมคนเดียวกับรถ 2 คันจะไปยังไงในเวลานั้น เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีผมก็ได้รู้ว่า ผจก.เอาผมไปด่าว่าและกล่าวหาว่าจะฆ่า ผจก. และยังไปบอกให้ ผจก.คนอื่นๆและพนักงานธนาคารสาขาอื่นรู้ด้วย
มีอยู่วันนึงมีการประขุม ผจก.ที่ สนญ. ช่วงบ่าย ซึ่งผมก็ขับรถไปส่งแล้ววิ่งงานต่อ เมื่อ ผจก.ประชุมเสร็จแต่งานผมยังไม่เสร็จจึงนัดให้ผมเอารถไปจอดทิ้งไว้ที่บิ๊กซีวงศ์สว่าง แล้วให้ผมไปถามทางกลับสาขากับพี่ที่สาขาวงศ์สว่าง ผมก็ไปถามแต่ได้ข้อสรุปว่าให้นั่งแท็กซี่กลับ ผมจึงตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับเพื่อมาตอกบัตรลงเวลากลับ ซึ่งค่าแท็กซี่ประมาณ 450 บาท ผมให้นิวเป็นคนเขียนเบิก และได้บอกกับนิวว่าเบิกได้ก็ได้เบิกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร(แต่จริงๆแล้วผมควรจะเสียเงินตรงส่วนนี้หรอ) และเมื่อเวลาผ่านไปเย็นอีกวันในขณะที่ผมกำลังเดินขึ้นบันได ผมก็เห็น  ผจก.กับนิวคุยกันอยู่ ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ผจก.กับนิว คุยกันว่ายังไง แต่ที่ได้ยินชัดๆกับหูตัวผมเองคือเอะอะอะไรทำไมต้องเบิกเงินธนาคาร ไม่ให้เบิกไม่เกี่ยวกัน แต่ผมทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินผ่านไป เงินส่วนนี้ผมก็ไม่ได้คืนอย่างที่ผมคิดไว้
เรื่องบัตรตอกนี่นะ ถ้าผมไม่ได้ตอกบัตร ผจก.จะให้ผมเขียนว่าลืม โดย ผจก.อ้างว่าต้องส่งผ่านผู้บริหารหลายท่านเพื่อให้ท่านเซ็นต์กำกับ ไม่ว่าผมจะลืมตอกจริงหรือตอกไม่ได้เพราะยังไม่เสร็จงานหรือแม้กระทั่งไปส่ง ผจก.ที่บ้าน ทุกครั้งต้องเขียนลืม (แต่หากเขียนว่า”ลืม”แล้วความผิดมันก็ตกที่ผมคนเดียว แต่หากไม่เขียน ผจก.ก็จะไม่เซ็นต์ให้ทั้งๆที่ผมไม่ผิด)
การทำงานล่วงเวลาเค้ามีโอทีกัน แต่สำหรับผม ผจก.จะอ้างว่าต้องช่วยกัน ถ้าไม่ช่วยก็โดนว่าว่าไม่มีน้ำใจ
ขับมอไซของผมเองไปรับเคสให้ไม่ได้ค่าน้ำมัน กับนิวขับรถยนต์ตัวเองไปรับเคสที่เดียวกับผมนี่ละแต่ได้ค่าน้ำมัน
เงินเดือนผมขึ้น 300 บาท เพราะ ผจก.กดคะแนน (ถึงแม้คนประเมินจะไม่ใช่ ผจก. แต่สุดท้ายก็ต้องผ่าน ผจก. อยู่ดี)แต่กับนิวเงินเดือนขึ้น 700 บาท ผจก.นี่พูดเลยว่า แล้วมันจะอยู่ยังไง(ทั้งที่จริงๆแล้วเงินเดือนนิวก็หลายหมื่น แถมโบนัสที ไม่ 6-7 เดือนทุกปี)
เช้าวันนั้นไปส่ง ผจก.ที่ สนญ. เพื่อประชุม ก่อนเข้าประชุม ผจก.ก็ไปเดินช็อปปิ้งแถวๆ สนญ.แล้วให้ผมเอาผลไม้กลับมาสาขา ผจก.บอกแค่นั้น แต่เมื่อเอากลับมาพนักงานเห็นก็อยากกินกัน น้องคนนึงก็จัดการผ่าผลไม้แจกกินกัน แต่ผมไม่กิน ตกเย็นไปรับ ผจก.ที่ สนญ. ปรากฏว่าถูกด่าว่าทำไมไม่เอาผลไม้มาให้ด้วย แล้วใครจะไปรู้ละในเมื่อไม่ได้สั่งไว้ วันรุ่งขึ้นเมื่อ ผจก.ไปเห็นผลไม้ที่เหลือก็โวยวายว่าผลไม้พวกนี้นี่ใครเค้าจะซื้อมาให้พนักงานกิน และพอดีกับผมเดินมาพอดีจึงได้ยิน พอสายๆหน่อยออกไปเซ็นต์สัญญากับพนักงานอีก2 คน เมื่อเซ็นต์เรียบร้อยก็บ่ายพอดี หัวหน้าที่สาขาโทรมาหาผม บอกให้ผมหาซื้อผลไม้มาคืน ผจก. เพราะ ผจก.บ่นตั้งแต่เช้าแล้ว พวกผมก็เลยไปหาซื้อมาคืน แต่พอ ผจก.มาเห็นผลไม้เข้าก็โวยวายบอกว่าตัว ผจก.เองนั้นนักเลงพอไม่จำเป็นต้องมาซื้อคืนให้ แล้วก็ว่านี่เป็นความคิดผมอีกที่เสนอให้ซื้อมาคืน 5555555 นักเลงพอแต่บ่นโวยวายตั้งแต่เช้ายันเย็น
จู่ๆเพื่อนสนิทผมก็โทรมาหาหลังจากที่ย้ายสาขากันไป ถามผมว่าไปเขียนหรือโพสอะไรไว้ในบอร์ดพนักงานหรือเปล่า ผมก็ว่าเปล่า พอถามกลับว่ามีเรื่องไร เพื่อนมันก็ให้ถ่ายรูป IPที่หน้าจอคอม หลังจากส่งถ่ายรูปส่งเพื่อนดูแล้วมันบอกว่าไม่ใช่สาขาผม จากนั้นหลายอาทิตย์มาก็ได้ข่าวเกี่ยวกับโพสเจ้าปัญหา โดยเนื้อหาในโพสพูดถึง ผจก.คนนึงที่เอารถธนาคารเอาไปใช้ส่วนตัว แล้วคิดดูสิคับ ผมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเครื่องคอมเลย แต่กลับโดนด่ากล่าวหาว่าเป็นฝีมือผมอีก มาด่าผมว่าเลวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอความจริงปรากฏว่าไม่ใช่ผม ก็ไม่มีคำขอโทษหรือแก้ข่าวใดๆให้คนอื่นรู้ว่าผมไม่ผิดผมไม่ได้ทำ แต่กลับปล่อยเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และที่น่าเจ็บใจที่สุดคือให้คะแนนความประพฤติที่สุดแสนเลว คะแนนเต็ม 50 คะแนน มี 10 ข้อ ผจก.ให้คะแนนผมด้วยความคิดส่วนตัวหาใช่มองในเรื่องงานที่ผมทำ ให้คะแนนผมไม่ 2 ก็ 3 ทั้ง 10 ข้อ ผลออกมาได้แค่พอใช้ ทำให้ผมหมดสิทธิ์สอบเลื่อนเป็นสัญญาจ้าง ซึ่งตลอดที่ทำงานอยู่ที่นี่ผมทำเพื่อรอสอบ แต่ในเมื่อผมหมดสิทธิ์สอบเพราะโดน ผจก.กลั่นแกล้งอย่างนี้คิดว่าผมจะรู้สึกยังไงหลังจากที่รอให้มีการสอบนี้มาถึง 2 ปี ยังไม่พอมีน้องดคลียร์ริ่งขอย้ายสาขา ผจก.ได้พูดประโยคนึงให้น้องเคลียร์ริ่งฟังว่า รู้แล้วใช่มั้ย หากชั้นเกลียดใครแล้วจะเป็นยังไง (คงเข้าใจนะคับว่าหมายถคงใคร)
ทุกการกระทำของ ผจก.เค้าคงสะใจ ทั้งได้ด่าคนอื่นในสาขา ด่าคนที่ตำแหน่งสูงกว่าอยู่ลับหลังเป็นประจำ
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ผจก.ไม่ว่าคนอื่นจะบอกว่าผมดีแค่ไหน แต่ตราบใดที่สุดท้ายท้ายสุดต้องผ่าน ผจก.ผมมันก็เป็นคนเลว
ไม่เคยถาม ไม่เคยฟังคนอื่น ด่าว่าคนอื่นได้แต่ห้ามคนอื่นด่ากลับ เหยียบย่ำคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยเพื่อความสะใจของตัวเอง ชอบช็อปปิ้งแต่บอกคนอื่นว่าเปล่า พอถูกคนอื่นจับได้ว่าเป็นคนด่าก็บอกว่าเปล่าไม่ได้ด่าแค่ปรึกษา ต่อหน้าพูดอย่างลับหลังพูดอีกอย่าง ชอบปั่นหัวคนอื่นให้เชื่อในสิ่งที่ตนเองเชื่อ ทั้งๆที่คนอื่นเค้ามีสมองมีตาเห็นมีหูฟังคิดเองได้
*ผจก.เคยท้าให้ผมไปร้องเรียนที่ สนญ. แล้วบอกว่าฟ้องไปก็ทำอะไร ผจก.ไม่ได้ แต่พอมีเรื่องโพสเกี่ยวกับรถธนาคารมานะ โห…ดิ้นพล่านอย่างกับโดนน้ำร้อนราดยังไงยังงั้นเลย
แต่ก็ไม่เข้าหลักการทำงานของฝ่ายบุคคลเหมือนกัน ว่าระหว่างใบประเมินกับบัตรตอกลงเวลามันก็มีจุดที่แตกต่างให้เห็นชัดๆแล้ว แต่ก็ยังไม่สนใจ ใบประเมินติกในช่องผมไม่ตรงต่อเวลา แต่บัตรตอกผมไม่มีสายสักวัน แต่งกายตามกฏระเบียบแต่ได้คะแนนประเมินแค่ 2
เรื่องราวที่ผมโดนยังมีอีกเยอะ หลังจากโพสนี้ออกไปตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากทางธนาคารเห็นโพสนี้เข้า ผมจะโดนไล่ออก หรือจะได้รับความยุติธรรม ผมก็ไม่รู้
ปล.เรื่องที่เล่าให้ทุกคนฟังนั้น ผมเล่าว่าผมโดนกระทำอะไรบ้าง แต่หากมีใครมาเข้าข้างผม ผจก.ก็จะบอกว่าคนนั้นมันหูเบา โดนผมเป่าหู
ปล.2 อีกไม่กี่เดือน ผจก.ก็จะเกษียนแล้วคงไปใช้ชีวิตด้วยความสุขและสะใจที่ได้ทำให้อนาคตคนหนึ่งคนต้องดับไป
ปล.3 อวยคนผิดให้เป็นถูก แล้วคนทำถูกทำดีจะไปยืนอยู่ตรงไหน
ปล.4 ผจก.บอกว่าการฟังข้อมูลด้านเดียวจากพนักงานหลายคนๆแต่ได้ข้อมูลจากคนเดียวกัน คือไม่ได้ฟังความข้างเดียว
จากเรื่องราวที่เล่ามาแล้ว หากผมแจ้งความนี่จะมีข้อหาอะไรได้บ้าง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่