5 วัน หลังจากนั้น....
ทั้งแจ๊ค และนิด ต่างก็ประสบกับการฝันร้าย ติดต่อกันมาทุกคืน.....เป็นความฝันที่ย้ำเหตุการณ์เดิมที่ได้ฝันในคืนแรก หลังจากที่ได้กลับบ้าน เหมือนการที่ทั้งสองคนได้ดูหนังเรื่องเดิมตอนเดิมซ้ำๆซากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติเกินไป คนเราจะไม่ฝันถึงเรื่องเก่าๆ เดิมๆ อย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายคืนอย่างนั้นแน่! นี่คือความคิดของทั้งสองคน
นิดนั้น ไม่ค่อยจะรู้สึกวิตกกังวลอะไรเกี่ยวกับตัวเองมากนัก แต่เหมือนจะหงุดหงิดและรำคาญเสียมากกว่า แต่สำหรับแจ๊คนั้น ตรงกันข้าม เขาต้องผวาตื่นขึ้นมากลางดึก เหงื่อแตกเหงื่อแตน ใจเต้นระส่ำ เหมือนคืนแรกทุกครั้ง และมันทำให้เขาหวาดผวา หวาดระแวง ว่าสักวันอาจจะได้เจอเหตุการณ์จริงเหมือนในฝัน....เขายังคิดว่ามันเป็นความฝัน หารู้ไม่ว่า มันเคยเกิดขึ้นกับเขามาแล้วจริงๆ !!!
สองสามีภรรยาหนุ่มสาว ยังคงดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ แจ๊คเป็นนักร้องและนักดนตรี เล่นกีตาร์อยู่กับวงดนตรีที่ฟอร์มวงกับเพื่อนๆ ในโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งทุกๆคืน เขาต้องขึ้นเวทีตั้งแต่ช่วงสองทุ่มจนถึงเที่ยงคืน แต่เมื่อ 5 วันก่อนนั้นเป็นช่วงที่ได้หยุดพัก จึงได้ขับรถพานิดผู้เป็นภรรยาไปเยี่ยมพ่อแม่และญาติๆที่อาศัยอยู่ในอำเภอเกาะคา ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองลำปางมากนัก......ส่วนนิด เป็นครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ต้องทำงานในช่วงเวลากลางวัน ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างเต็มที่นัก ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ นิดจึงจะได้หยุดงานและมีเวลาอยู่กับแจ๊คมากขึ้น ได้ไปเที่ยวในที่ไหนๆ ตามต้องการ พอกลางคืน สองทุ่มถึงเที่ยงคืนก็ปล่อยให้แจ๊คไปเล่นดนตรี รอให้เขากลับบ้านหลังเที่ยงคืน ซึ่งแจ๊คก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ ไม่เถลไถล เลิกงานแล้วก็กลับบ้านได้ตรงเวลา
ชีวิตคู่ของทั้งสองคนจึงราบรื่น และไปกันได้ดี ไม่มีปัญหายุ่งยากอะไร และสวีทกันพอสมควร ไม่เคยทะเลาะอะไรกัน เทคแคร์กันและกันด้วยดีมาตลอด จนเพื่อนๆพากันอิจฉา
คืนวันที่ 6 ผ่านพ้นไป.....และปรากฏว่า ตอนเช้าของวันที่ 7 ทั้งสองคน ตื่นนอนในเวลาปกติ คือประมาณ 6 โมงครึ่ง โดยไม่ได้ฝันถึงเหตุการณ์ประหลาดที่ได้ฝันต่อเนื่องกันมา 5 วันก่อนนั้นอีก ไม่ฝันถึงเลยแม้แต่น้อย !!!
และวันต่อๆไป หลังจากนั้น ก็ไม่ฝันถึงอีกเลย เช่นเดียวกัน.......
แต่ในช่วงเวลา 5 วันที่ผ่านไปแล้วนั้น ในตอนกลางคืน ช่วงดึกมากๆ ราวๆ ตีสองถึงตีสาม มีผู้พบเห็นดวงไฟลึกลับสีส้ม ปรากฏบนท้องฟ้า เหนือบริเวณพื้นที่หมู่บ้านที่สองสามีภรรยาอาศัยอยู่ และลอยมาหยุดนิ่งเหนือหลังคาบ้านของคนทั้งสองชั่วครู่ ประมาณสองสามนาที ก่อนจะลอยสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็วและหายลับไป มีข่าวว่า ผู้พบเห็นบางคน ถ่ายรูปได้ ถ่ายคลิปวีดิโอไว้ได้ เป็นข่าวฮือฮากันอยู่พักหนึ่ง ซึ่งแจ๊คกับนิดก็ได้ทราบข่าวนี้ และแจ๊ครู้สึกหวาดผวาและวิตกกังวลมากในช่วงนั้น จนนิดต้องคอยปลอบใจ ต้องขับรถไปส่งเขาไปทำงานตอนกลางคืนเพราะเขาไม่กล้าขับรถไปคนเดียว และก็ต้องขับรถไปรับเขากลับบ้านตอนหลังเที่ยงคืนอีกที.....แต่พอพ้นจากช่วง 5 วันนั้นไปแล้ว ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แจ๊คค่อยๆ หายหวาดระแวง และสัปดาห์ถัดไป เขาก็ขับรถไปเล่นดนตรีที่โรงแรมในตอนกลางคืนเองได้ ไปเองกลับเองได้ ไม่ต้องให้นิดไปส่งไปรับอีกต่อไป
***************************************************************************
หนึ่งเดือนต่อมา...
เช้าวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดที่นิดจะได้มีเวลาอยู่กับสามีผู้เป็นที่รักทั้งวัน เธอตื่นขึ้นมาในเวลาหกโมงครึ่งตามปกติ แจ๊คก็รู้สึกตัวตื่นแล้วเหมือนกัน แต่ยังนอนอยู่ต่อไป
นิดก้มลงจูบเขาที่แก้ม ก่อนจะบอก...
"เค้าไปอาบน้ำก่อนนะ ตัวเองนอนต่อเถอะ เดี๋ยวเค้าเสร็จแล้วจะมาปลุกจ้ะ"
"อื่อฮึ...." เขาส่งเสียงครางตอบ แล้วก็นอนต่อไป...ได้ยินเสียงหญิงสาวเดินห่างออกไป เสียงเปิดประตูห้องน้ำ ปิดประตู เสียงน้ำจากฝักบัว...
สักพักหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงจากภรรยาสาวดังมาแปลกๆ และทำให้เขาหูผึ่ง ลืมตาขึ้น
" โอ้ะ......อัวะ......โอ้กกกกก "
แจ๊คดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที และรีบตรงดิ่งไปหน้าประตูห้องน้ำ ส่งเสียงร้องเรียก พร้อมกับยกมือขวาขึ้นเคาะประตูสองสามครั้ง
" นิด !!! นิด !!! เป็นอะไรอะ ??? นิด !!! เปิดประตูหน่อย !!! "
เขายังได้ยินภรรยาสาวส่งเสียงเหมือนเดิม ครู่หนึ่ง เธอก็เปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินออกมาช้าๆ ด้วยใบหน้าซีดๆ ฝืนยิ้มให้ ส่ายหน้าสองสามทีแล้วตอบ
" ไม่มีไรมากหรอกแจ๊ค...เค้าแค่เวียนหัวนิดหน่อย แล้วก็ คลื่นไส้ ก็เลยอ้วก...อุ้บบ"
ไม่ทันขาดคำ เธอก็ยกมือปิดปากแล้วรีบกลับเข้าไปในห้องน้ำ คุกเข่าลงที่โถส้วม ก้มลงปล่อยอาเจียนอีกรอบ
" โอ้กกกกกกกกกกกกก "
แจ๊ครีบตามติดเข้าไป และลูบหลังเธอขึ้นลงๆ ครู่หนึ่งเธอก็โงหัวขึ้นมาและยกมือเกาะกุมข้อมือเขาไว้ให้หยุดลูบหลัง
"พอแล้วแจ๊ค...พอแล้ว"
แจ๊คยิ้ม ตาเป็นประกาย ก่อนจะถามด้วยความตื่นเต้น
"นิด.....ตัวเองท้องแล้ว ใช่ไหมเนี่ย ???"
เธอพยักหน้า และยิ้มนิดหนึ่ง ด้วยใบหน้าที่ยังซีดเผือดอยู่อย่างอ่อนระโหย
"ใช่จ้ะ แจ๊ค...."
" เย้ !!!! " เขาตะโกนลั่นบ้าน กำหมัดชูขึ้นด้วยความดีอกดีใจ ก่อนจะเข้าไปโอบกอดภรรยาสาวสุดที่รักไว้ แล้วค่อยๆประคองเธอออกมาจากห้องน้ำไปยังเตียงนอน
"ค่อยๆเดินจ้ะ อย่ารีบ....อ้ะ ถึงเตียงละ นอนก่อนๆ"
เขาค่อยๆ จัดแจงให้เธอนอนแล้วห่มผ้าให้
"ตัวเองรู้มานานยัง ?"
"สักสองสามวันที่ผ่านมานี่แหละจ้ะ" เธอตอบด้วยเสียงเบาๆ ค่อยๆพยักหน้าไปด้วย
แจ๊คยิ้มร่า ก้มลงจูบเธอที่หน้าผากทีหนึ่ง
"เราจะได้เป็นพ่อคนแม่คนกันแล้ว...ตัวเองนอนพักก่อน แล้วสายๆ ค่อยไปฝากครรภ์กันนะ"
เธอพยักหน้าหงึก ยิ้มให้ ก่อนจะหลับตาลง
แจ๊คกำหมัดชกลมไปอีกหนอย่างดีอกดีใจ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
*******************************************************************************
สามเดือนต่อมา.....
หลังจากที่ได้ทำการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแล้ว ท้องของนิดเริ่มนูนขึ้นให้เห็น วันหนึ่ง แจ๊คจึงพาเธอไปตรวจ และเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ สแกนดูภาพเด็กในท้อง
ภาพที่ปรากฏให้เห็นบนจอมอนิเตอร์ เป็นภาพเหมือนเด็กทารกทั่วไป
แต่สังเกตเห็นดวงตาที่ใหญ่กว่าตาเด็กทารกทั่วไปนิดหนึ่ง และรูปทรงเรียว เหมือนหางตาจะชี้ขึ้น มองเห็นได้รางๆ
"ตาโตจัง" นิดเอ่ยขึ้น
"อืม...นั่นสิ ดูท่าทางจะโตกว่าเราสองคนเสียอีก หางตาก็ดูแหลมๆชี้ขึ้น ตาท่าจะสวยเมื่อคลอดออกมา" แจ๊ควิจารณ์
นิดหันมาถามด้วยความสงสัย "ตัวเอง มีญาติคนไหนบ้างไหม ที่มีดวงตาลักษณะแบบนี้ ?"
แจ๊คสั่นศีรษะ "ไม่มีจ้ะ คิดว่านะ เค้าไม่เคยเห็นใครในครอบครัวที่มีตาแบบนี้ แล้วญาติฝ่ายตัวเองล่ะ ?" เขาย้อนถามบ้าง
"ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ ไม่แน่ใจอะ" ว่าที่คุณแม่ส่ายหน้า " อาจจะมีก็ได้นะ เจเนเรชั่นสูงๆขึ้นไปก่อนหน้าปู่หรือทวด "
" แปลว่า ตัวเองก็ไม่เคยเห็นญาติคนไหนที่มีลักษณะตาแบบนี้ ? "
" จ้ะ ไม่เคยเห็นเหมือนกัน "
แจ๊คหันไปมองจอมอนิเตอร์อีกครั้ง
"แต่ลักษณะอื่นๆ ก็ดูดีนะ ไม่มีอะไรผิดปกติ" แล้วก็หันไปถามคุณหมอที่คอยควบคุมเครื่องอยู่ " ตกลงเค้าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงครับ และกำหนดคลอดประมาณเมื่ีอไรครับคุณหมอ ? "
"ผู้ชายครับผม" คุณหมอหันมาตอบ " อีกสัก 5 เดือนกว่าๆ ก็คลอดได้ครับ ดูแลภรรยาให้ดี เวลาภรรยาคุณเจ็บครรภ์ขึ้นมา ก็ให้รีบพามาเลยครับ"
"ครับผม ขอบคุณมากครับคุณหมอ"
แจ๊คกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วหันมาเกาะกุมมือภรรยาสาวที่อีกไม่นานก็จะได้เป็นแม่ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เราได้ลูกชายจ้ะ....จะตั้งชื่อเค้าว่าไงดีล่ะเนี่ย ?"
นิดส่ายหน้าอย่างช้าๆ และตอบยิ้มๆ
"เค้าก็ยังนึกไม่ออกจ้ะ ตัวเองลองคิดดูไปก่อนละกันนะ"
************************************************************************
5 เดือนต่อมา....
คืนวันกำหนดคลอดของนิด เวลาตีสอง นิดอยู่ในห้องทำคลอด ส่วนแจ๊คนั่งรออยู่ข้างนอกพร้อมกับคนในครอบครัวของคนทั้งสองที่มาด้วยห้าหกคน
ขณะที่การทำคลอดกำลังดำเนินไป จู่ๆ ไฟก็ดับพรึ่บอย่างกระทันหัน ดับทั้งโรงพยาบาล !! ทำให้ทุกคนพากันตกใจและแปลกใจ และมีเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกของผู้ชาย ผสมด้วยเสียงกรี๊ดของผู้หญิง ดังมาจากด้านนอกโรงพยาบาล
ข้างนอกนั้น มีคนหลายสิบคน ยืนอยู่ตามถนน ทุกคนแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้าและชี้ไม้ชี้มือขึ้นไปด้วยเสียงเอ็ดอึงกันไปทั่วบริเวณ
" เฮ้ยย !! ดวงไฟอะไรวะนั่น ??? "
" อ๊ายยย "
" จานผี !! "
" ยูเอฟโอ !!! "
ทุกคน มองเห็นดวงไฟกลมโต ลอยอยู่เหนือโรงพยาบาล ทีแรกมันดูเหมือนจะอยู่สูงลิบ แต่แล้วทันใดนั้น มันก็ลอยต่ำลงมาๆ จนอยู่เหนือดาดฟ้าโรงพยาบาลไม่ห่างมากนัก และด้วยสายตาของคนนับสิบๆคน มองเห็นเป็นยานทรงกลม มีโดมอยู่ข้างบน ส่งแสงไฟวูบวาบซึ่งเปลี่ยนสีเป็นครั้งคราวจากรอบขอบยาน เป็นแสงสีเหลืองบ้าง สีส้มบ้าง สีฟ้าบ้าง สีเขียวบ้าง มันลอยอยู่นิ่งๆ และฉับพลันก็มีลำแสงสีขาวนวล พุ่งออกมาจากใต้ท้องยานไปยังทิศทางที่เป็นห้องซึ่งกำลังทำคลอดให้นิดอยู่ เหมือนว่ามีคนบางคนส่องไฟฉายลำใหญ่ไปยังห้องนั้นฉะนั้น
ครู่หนึ่ง ราวสิบวินาที ลำแสงนั้นก็ดับ ยานลึกลับลอยตัวสูงขึ้น และพุ่งหายวับไปในท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิด
และครั้นยานนั้นจากไปแล้ว ไฟฟ้าในโรงพยาบาลก็กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมตามปกติ เช่นเดียวกับอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่าง พร้อมใช้งาน การทำคลอดจึงดำเนินต่อไปจนเสร็จเรียบร้อย
แจ๊ค และนิด ได้ลูกชายที่ร่างกายสมบูรณ์และน่ารัก สิ่งที่พิเศษสำหรับเด็กทารกคนนี้คือ ดวงตาที่โตกว่าเด็กทั่วไปเล็กน้อย รูปเรียว หางตาชี้ขึ้นข้างบนนิดหนึ่ง ตาดำปนเขียวมรกต มองดูแวววาวเป็นประกาย ส่วนลักษณะอื่นๆนอกนั้น ล้วนเป็นปกติ
พ่อแม่ป้ายแดงทั้งคู่ต่างพากันทึ่งกับลักษณะดวงตาของลูกน้อย เพราะไม่เหมือนใครๆเลย ไม่ว่าจะเป็นญาติทางฝ่ายไหน...บางทีอาจจะเป็นลักษณะใหม่ที่เกิดขึ้นก็ได้ ทั้งสองคนเชื่ออย่างนั้น และด้วยลักษณะดวงตาที่ดูแปลกไม่เหมือนใคร ทั้งสองจึงช่วยกันคิดชื่อให้ลูกน้อย และให้ชื่อว่า "ทิพยเนตร" ซึ่งทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นชื่อที่เหมาะสมที่สุด ดีที่สุด และเรียกชื่อเล่นว่า น้องเนตร ตามคำท้ายที่เป็นชื่อนั่นเอง
ทั้งสองพ่อแม่คู่ใหม่ หารู้ไม่ว่า ชื่อนั้น จะตั้งได้อย่างเหมาะสมและจริงอย่างยิ่งสำหรับลูกน้อย !!!
เด็กชายทิพยเนตร เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าเด็กทั่วๆไปประมาณครึ่งส่วน อายุยังไม่ถึงสามขวบดี ก็พูดกับพ่อแม่ได้รู้เรื่องแล้ว !!! แถมยังช่วยตัวเองได้แทบทุกอย่าง และความจำเป็นเลิศ สร้างความแปลกประหลาดใจให้แก่ทั้งแจ๊คและนิดเป็นอันมาก กับทั้งรู้สึกปลื้ม เพราะเข้าใจว่าตนได้ลูกชายสุดแสนวิเศษ บางทีเขาอาจเป็นอัจฉริยะก็ได้....ทั้งสองคิดอย่างนั้น
พอ "น้องเนตร" อายุ 3 ขวบครึ่ง ก็สามารถอ่านหนังสือได้ เขียนได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เพราะอายุน้อยเกินไปในสายตาของพวกครูในโรงเรียนประถม จึงทำให้เด็กน้อยถูกปฏิเสธในการเข้าเรียนชั้น ป.1 ในเบื้องต้น แต่เด็กน้อยยืนยันว่าตนอ่านออกเขียนได้ และแจ๊คกับนิดก็ช่วยยืนยันและขอร้องให้ทางโรงเรียนรับไว้ ซึ่งทางโรงเรียนก็ยังไม่ยอม...ในที่สุด จึงมีการทดสอบกันขึ้น!
เด็กชายทิพยเนตร นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าชั้นเรียน ใกล้กับโต๊ะครู โดยมีครูคนอื่นๆทุกคนเข้ามาในห้อง รวมทั้งแจ๊คและนิด ทุกคนนั่งบ้างยืนบ้าง ห่างออกไป ครูใหญ่นั่งอยู่ที่โต๊ะประจำตำแหน่งครูสอน และบนโต๊ะที่เด็กชายทิพยเนตรนั่งอยู่ตอนนี้ มีหนังสือวางอยู่สามเล่ม เป็นหนังสือเรียนภาษาไทย หนังสือวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เบื้องต้นสำหรับระดับชั้น ป.1
เมื่อทุกคนเข้ามาในห้องกันหมดแล้ว การทดสอบก็เริ่มขึ้น
ครูใหญ่ เอ่ยปากสั่ง "น้องเนตร" ด้วยเสียงดัง ใบหน้าดุและเฮียบ โดยตั้งใจว่าจะขู่ให้เด็กกลัว
" เอาละ เปิดหนังสือภาษาไทย แล้วอ่านให้ครูฟัง ตั้งแต่หน้าแรกซิ !!!"
เด็กชายทิพยเนตร เปิดหนังสือหน้าแรกอย่างไม่สะทกสะท้าน ใบหน้านิ่งเหมือนไร้ความรู้สึก และเริ่มอ่านด้วยเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยทุกคำ จากหน้าหนึ่ง ไปหน้าสอง หน้าสาม...ไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว สร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกๆคน !!!
*โปรดติดตามตอนต่อไปในกระทู้หน้าครับ*
< เรื่องสั้น > --- ลบเลือนความทรงจำ --- ตอนที่ 3
ทั้งแจ๊ค และนิด ต่างก็ประสบกับการฝันร้าย ติดต่อกันมาทุกคืน.....เป็นความฝันที่ย้ำเหตุการณ์เดิมที่ได้ฝันในคืนแรก หลังจากที่ได้กลับบ้าน เหมือนการที่ทั้งสองคนได้ดูหนังเรื่องเดิมตอนเดิมซ้ำๆซากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติเกินไป คนเราจะไม่ฝันถึงเรื่องเก่าๆ เดิมๆ อย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายคืนอย่างนั้นแน่! นี่คือความคิดของทั้งสองคน
นิดนั้น ไม่ค่อยจะรู้สึกวิตกกังวลอะไรเกี่ยวกับตัวเองมากนัก แต่เหมือนจะหงุดหงิดและรำคาญเสียมากกว่า แต่สำหรับแจ๊คนั้น ตรงกันข้าม เขาต้องผวาตื่นขึ้นมากลางดึก เหงื่อแตกเหงื่อแตน ใจเต้นระส่ำ เหมือนคืนแรกทุกครั้ง และมันทำให้เขาหวาดผวา หวาดระแวง ว่าสักวันอาจจะได้เจอเหตุการณ์จริงเหมือนในฝัน....เขายังคิดว่ามันเป็นความฝัน หารู้ไม่ว่า มันเคยเกิดขึ้นกับเขามาแล้วจริงๆ !!!
สองสามีภรรยาหนุ่มสาว ยังคงดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ แจ๊คเป็นนักร้องและนักดนตรี เล่นกีตาร์อยู่กับวงดนตรีที่ฟอร์มวงกับเพื่อนๆ ในโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งทุกๆคืน เขาต้องขึ้นเวทีตั้งแต่ช่วงสองทุ่มจนถึงเที่ยงคืน แต่เมื่อ 5 วันก่อนนั้นเป็นช่วงที่ได้หยุดพัก จึงได้ขับรถพานิดผู้เป็นภรรยาไปเยี่ยมพ่อแม่และญาติๆที่อาศัยอยู่ในอำเภอเกาะคา ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองลำปางมากนัก......ส่วนนิด เป็นครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ต้องทำงานในช่วงเวลากลางวัน ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างเต็มที่นัก ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ นิดจึงจะได้หยุดงานและมีเวลาอยู่กับแจ๊คมากขึ้น ได้ไปเที่ยวในที่ไหนๆ ตามต้องการ พอกลางคืน สองทุ่มถึงเที่ยงคืนก็ปล่อยให้แจ๊คไปเล่นดนตรี รอให้เขากลับบ้านหลังเที่ยงคืน ซึ่งแจ๊คก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ ไม่เถลไถล เลิกงานแล้วก็กลับบ้านได้ตรงเวลา
ชีวิตคู่ของทั้งสองคนจึงราบรื่น และไปกันได้ดี ไม่มีปัญหายุ่งยากอะไร และสวีทกันพอสมควร ไม่เคยทะเลาะอะไรกัน เทคแคร์กันและกันด้วยดีมาตลอด จนเพื่อนๆพากันอิจฉา
คืนวันที่ 6 ผ่านพ้นไป.....และปรากฏว่า ตอนเช้าของวันที่ 7 ทั้งสองคน ตื่นนอนในเวลาปกติ คือประมาณ 6 โมงครึ่ง โดยไม่ได้ฝันถึงเหตุการณ์ประหลาดที่ได้ฝันต่อเนื่องกันมา 5 วันก่อนนั้นอีก ไม่ฝันถึงเลยแม้แต่น้อย !!!
และวันต่อๆไป หลังจากนั้น ก็ไม่ฝันถึงอีกเลย เช่นเดียวกัน.......
แต่ในช่วงเวลา 5 วันที่ผ่านไปแล้วนั้น ในตอนกลางคืน ช่วงดึกมากๆ ราวๆ ตีสองถึงตีสาม มีผู้พบเห็นดวงไฟลึกลับสีส้ม ปรากฏบนท้องฟ้า เหนือบริเวณพื้นที่หมู่บ้านที่สองสามีภรรยาอาศัยอยู่ และลอยมาหยุดนิ่งเหนือหลังคาบ้านของคนทั้งสองชั่วครู่ ประมาณสองสามนาที ก่อนจะลอยสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็วและหายลับไป มีข่าวว่า ผู้พบเห็นบางคน ถ่ายรูปได้ ถ่ายคลิปวีดิโอไว้ได้ เป็นข่าวฮือฮากันอยู่พักหนึ่ง ซึ่งแจ๊คกับนิดก็ได้ทราบข่าวนี้ และแจ๊ครู้สึกหวาดผวาและวิตกกังวลมากในช่วงนั้น จนนิดต้องคอยปลอบใจ ต้องขับรถไปส่งเขาไปทำงานตอนกลางคืนเพราะเขาไม่กล้าขับรถไปคนเดียว และก็ต้องขับรถไปรับเขากลับบ้านตอนหลังเที่ยงคืนอีกที.....แต่พอพ้นจากช่วง 5 วันนั้นไปแล้ว ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แจ๊คค่อยๆ หายหวาดระแวง และสัปดาห์ถัดไป เขาก็ขับรถไปเล่นดนตรีที่โรงแรมในตอนกลางคืนเองได้ ไปเองกลับเองได้ ไม่ต้องให้นิดไปส่งไปรับอีกต่อไป
หนึ่งเดือนต่อมา...
เช้าวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดที่นิดจะได้มีเวลาอยู่กับสามีผู้เป็นที่รักทั้งวัน เธอตื่นขึ้นมาในเวลาหกโมงครึ่งตามปกติ แจ๊คก็รู้สึกตัวตื่นแล้วเหมือนกัน แต่ยังนอนอยู่ต่อไป
นิดก้มลงจูบเขาที่แก้ม ก่อนจะบอก...
"เค้าไปอาบน้ำก่อนนะ ตัวเองนอนต่อเถอะ เดี๋ยวเค้าเสร็จแล้วจะมาปลุกจ้ะ"
"อื่อฮึ...." เขาส่งเสียงครางตอบ แล้วก็นอนต่อไป...ได้ยินเสียงหญิงสาวเดินห่างออกไป เสียงเปิดประตูห้องน้ำ ปิดประตู เสียงน้ำจากฝักบัว...
สักพักหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงจากภรรยาสาวดังมาแปลกๆ และทำให้เขาหูผึ่ง ลืมตาขึ้น
" โอ้ะ......อัวะ......โอ้กกกกก "
แจ๊คดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที และรีบตรงดิ่งไปหน้าประตูห้องน้ำ ส่งเสียงร้องเรียก พร้อมกับยกมือขวาขึ้นเคาะประตูสองสามครั้ง
" นิด !!! นิด !!! เป็นอะไรอะ ??? นิด !!! เปิดประตูหน่อย !!! "
เขายังได้ยินภรรยาสาวส่งเสียงเหมือนเดิม ครู่หนึ่ง เธอก็เปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินออกมาช้าๆ ด้วยใบหน้าซีดๆ ฝืนยิ้มให้ ส่ายหน้าสองสามทีแล้วตอบ
" ไม่มีไรมากหรอกแจ๊ค...เค้าแค่เวียนหัวนิดหน่อย แล้วก็ คลื่นไส้ ก็เลยอ้วก...อุ้บบ"
ไม่ทันขาดคำ เธอก็ยกมือปิดปากแล้วรีบกลับเข้าไปในห้องน้ำ คุกเข่าลงที่โถส้วม ก้มลงปล่อยอาเจียนอีกรอบ
" โอ้กกกกกกกกกกกกก "
แจ๊ครีบตามติดเข้าไป และลูบหลังเธอขึ้นลงๆ ครู่หนึ่งเธอก็โงหัวขึ้นมาและยกมือเกาะกุมข้อมือเขาไว้ให้หยุดลูบหลัง
"พอแล้วแจ๊ค...พอแล้ว"
แจ๊คยิ้ม ตาเป็นประกาย ก่อนจะถามด้วยความตื่นเต้น
"นิด.....ตัวเองท้องแล้ว ใช่ไหมเนี่ย ???"
เธอพยักหน้า และยิ้มนิดหนึ่ง ด้วยใบหน้าที่ยังซีดเผือดอยู่อย่างอ่อนระโหย
"ใช่จ้ะ แจ๊ค...."
" เย้ !!!! " เขาตะโกนลั่นบ้าน กำหมัดชูขึ้นด้วยความดีอกดีใจ ก่อนจะเข้าไปโอบกอดภรรยาสาวสุดที่รักไว้ แล้วค่อยๆประคองเธอออกมาจากห้องน้ำไปยังเตียงนอน
"ค่อยๆเดินจ้ะ อย่ารีบ....อ้ะ ถึงเตียงละ นอนก่อนๆ"
เขาค่อยๆ จัดแจงให้เธอนอนแล้วห่มผ้าให้
"ตัวเองรู้มานานยัง ?"
"สักสองสามวันที่ผ่านมานี่แหละจ้ะ" เธอตอบด้วยเสียงเบาๆ ค่อยๆพยักหน้าไปด้วย
แจ๊คยิ้มร่า ก้มลงจูบเธอที่หน้าผากทีหนึ่ง
"เราจะได้เป็นพ่อคนแม่คนกันแล้ว...ตัวเองนอนพักก่อน แล้วสายๆ ค่อยไปฝากครรภ์กันนะ"
เธอพยักหน้าหงึก ยิ้มให้ ก่อนจะหลับตาลง
แจ๊คกำหมัดชกลมไปอีกหนอย่างดีอกดีใจ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
สามเดือนต่อมา.....
หลังจากที่ได้ทำการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแล้ว ท้องของนิดเริ่มนูนขึ้นให้เห็น วันหนึ่ง แจ๊คจึงพาเธอไปตรวจ และเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ สแกนดูภาพเด็กในท้อง
ภาพที่ปรากฏให้เห็นบนจอมอนิเตอร์ เป็นภาพเหมือนเด็กทารกทั่วไป แต่สังเกตเห็นดวงตาที่ใหญ่กว่าตาเด็กทารกทั่วไปนิดหนึ่ง และรูปทรงเรียว เหมือนหางตาจะชี้ขึ้น มองเห็นได้รางๆ
"ตาโตจัง" นิดเอ่ยขึ้น
"อืม...นั่นสิ ดูท่าทางจะโตกว่าเราสองคนเสียอีก หางตาก็ดูแหลมๆชี้ขึ้น ตาท่าจะสวยเมื่อคลอดออกมา" แจ๊ควิจารณ์
นิดหันมาถามด้วยความสงสัย "ตัวเอง มีญาติคนไหนบ้างไหม ที่มีดวงตาลักษณะแบบนี้ ?"
แจ๊คสั่นศีรษะ "ไม่มีจ้ะ คิดว่านะ เค้าไม่เคยเห็นใครในครอบครัวที่มีตาแบบนี้ แล้วญาติฝ่ายตัวเองล่ะ ?" เขาย้อนถามบ้าง
"ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ ไม่แน่ใจอะ" ว่าที่คุณแม่ส่ายหน้า " อาจจะมีก็ได้นะ เจเนเรชั่นสูงๆขึ้นไปก่อนหน้าปู่หรือทวด "
" แปลว่า ตัวเองก็ไม่เคยเห็นญาติคนไหนที่มีลักษณะตาแบบนี้ ? "
" จ้ะ ไม่เคยเห็นเหมือนกัน "
แจ๊คหันไปมองจอมอนิเตอร์อีกครั้ง
"แต่ลักษณะอื่นๆ ก็ดูดีนะ ไม่มีอะไรผิดปกติ" แล้วก็หันไปถามคุณหมอที่คอยควบคุมเครื่องอยู่ " ตกลงเค้าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงครับ และกำหนดคลอดประมาณเมื่ีอไรครับคุณหมอ ? "
"ผู้ชายครับผม" คุณหมอหันมาตอบ " อีกสัก 5 เดือนกว่าๆ ก็คลอดได้ครับ ดูแลภรรยาให้ดี เวลาภรรยาคุณเจ็บครรภ์ขึ้นมา ก็ให้รีบพามาเลยครับ"
"ครับผม ขอบคุณมากครับคุณหมอ"
แจ๊คกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วหันมาเกาะกุมมือภรรยาสาวที่อีกไม่นานก็จะได้เป็นแม่ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เราได้ลูกชายจ้ะ....จะตั้งชื่อเค้าว่าไงดีล่ะเนี่ย ?"
นิดส่ายหน้าอย่างช้าๆ และตอบยิ้มๆ
"เค้าก็ยังนึกไม่ออกจ้ะ ตัวเองลองคิดดูไปก่อนละกันนะ"
5 เดือนต่อมา....
คืนวันกำหนดคลอดของนิด เวลาตีสอง นิดอยู่ในห้องทำคลอด ส่วนแจ๊คนั่งรออยู่ข้างนอกพร้อมกับคนในครอบครัวของคนทั้งสองที่มาด้วยห้าหกคน
ขณะที่การทำคลอดกำลังดำเนินไป จู่ๆ ไฟก็ดับพรึ่บอย่างกระทันหัน ดับทั้งโรงพยาบาล !! ทำให้ทุกคนพากันตกใจและแปลกใจ และมีเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกของผู้ชาย ผสมด้วยเสียงกรี๊ดของผู้หญิง ดังมาจากด้านนอกโรงพยาบาล
ข้างนอกนั้น มีคนหลายสิบคน ยืนอยู่ตามถนน ทุกคนแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้าและชี้ไม้ชี้มือขึ้นไปด้วยเสียงเอ็ดอึงกันไปทั่วบริเวณ
" เฮ้ยย !! ดวงไฟอะไรวะนั่น ??? "
" อ๊ายยย "
" จานผี !! "
" ยูเอฟโอ !!! "
ทุกคน มองเห็นดวงไฟกลมโต ลอยอยู่เหนือโรงพยาบาล ทีแรกมันดูเหมือนจะอยู่สูงลิบ แต่แล้วทันใดนั้น มันก็ลอยต่ำลงมาๆ จนอยู่เหนือดาดฟ้าโรงพยาบาลไม่ห่างมากนัก และด้วยสายตาของคนนับสิบๆคน มองเห็นเป็นยานทรงกลม มีโดมอยู่ข้างบน ส่งแสงไฟวูบวาบซึ่งเปลี่ยนสีเป็นครั้งคราวจากรอบขอบยาน เป็นแสงสีเหลืองบ้าง สีส้มบ้าง สีฟ้าบ้าง สีเขียวบ้าง มันลอยอยู่นิ่งๆ และฉับพลันก็มีลำแสงสีขาวนวล พุ่งออกมาจากใต้ท้องยานไปยังทิศทางที่เป็นห้องซึ่งกำลังทำคลอดให้นิดอยู่ เหมือนว่ามีคนบางคนส่องไฟฉายลำใหญ่ไปยังห้องนั้นฉะนั้น
ครู่หนึ่ง ราวสิบวินาที ลำแสงนั้นก็ดับ ยานลึกลับลอยตัวสูงขึ้น และพุ่งหายวับไปในท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิด
และครั้นยานนั้นจากไปแล้ว ไฟฟ้าในโรงพยาบาลก็กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมตามปกติ เช่นเดียวกับอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่าง พร้อมใช้งาน การทำคลอดจึงดำเนินต่อไปจนเสร็จเรียบร้อย
แจ๊ค และนิด ได้ลูกชายที่ร่างกายสมบูรณ์และน่ารัก สิ่งที่พิเศษสำหรับเด็กทารกคนนี้คือ ดวงตาที่โตกว่าเด็กทั่วไปเล็กน้อย รูปเรียว หางตาชี้ขึ้นข้างบนนิดหนึ่ง ตาดำปนเขียวมรกต มองดูแวววาวเป็นประกาย ส่วนลักษณะอื่นๆนอกนั้น ล้วนเป็นปกติ
พ่อแม่ป้ายแดงทั้งคู่ต่างพากันทึ่งกับลักษณะดวงตาของลูกน้อย เพราะไม่เหมือนใครๆเลย ไม่ว่าจะเป็นญาติทางฝ่ายไหน...บางทีอาจจะเป็นลักษณะใหม่ที่เกิดขึ้นก็ได้ ทั้งสองคนเชื่ออย่างนั้น และด้วยลักษณะดวงตาที่ดูแปลกไม่เหมือนใคร ทั้งสองจึงช่วยกันคิดชื่อให้ลูกน้อย และให้ชื่อว่า "ทิพยเนตร" ซึ่งทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นชื่อที่เหมาะสมที่สุด ดีที่สุด และเรียกชื่อเล่นว่า น้องเนตร ตามคำท้ายที่เป็นชื่อนั่นเอง
ทั้งสองพ่อแม่คู่ใหม่ หารู้ไม่ว่า ชื่อนั้น จะตั้งได้อย่างเหมาะสมและจริงอย่างยิ่งสำหรับลูกน้อย !!!
เด็กชายทิพยเนตร เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าเด็กทั่วๆไปประมาณครึ่งส่วน อายุยังไม่ถึงสามขวบดี ก็พูดกับพ่อแม่ได้รู้เรื่องแล้ว !!! แถมยังช่วยตัวเองได้แทบทุกอย่าง และความจำเป็นเลิศ สร้างความแปลกประหลาดใจให้แก่ทั้งแจ๊คและนิดเป็นอันมาก กับทั้งรู้สึกปลื้ม เพราะเข้าใจว่าตนได้ลูกชายสุดแสนวิเศษ บางทีเขาอาจเป็นอัจฉริยะก็ได้....ทั้งสองคิดอย่างนั้น
พอ "น้องเนตร" อายุ 3 ขวบครึ่ง ก็สามารถอ่านหนังสือได้ เขียนได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เพราะอายุน้อยเกินไปในสายตาของพวกครูในโรงเรียนประถม จึงทำให้เด็กน้อยถูกปฏิเสธในการเข้าเรียนชั้น ป.1 ในเบื้องต้น แต่เด็กน้อยยืนยันว่าตนอ่านออกเขียนได้ และแจ๊คกับนิดก็ช่วยยืนยันและขอร้องให้ทางโรงเรียนรับไว้ ซึ่งทางโรงเรียนก็ยังไม่ยอม...ในที่สุด จึงมีการทดสอบกันขึ้น!
เด็กชายทิพยเนตร นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าชั้นเรียน ใกล้กับโต๊ะครู โดยมีครูคนอื่นๆทุกคนเข้ามาในห้อง รวมทั้งแจ๊คและนิด ทุกคนนั่งบ้างยืนบ้าง ห่างออกไป ครูใหญ่นั่งอยู่ที่โต๊ะประจำตำแหน่งครูสอน และบนโต๊ะที่เด็กชายทิพยเนตรนั่งอยู่ตอนนี้ มีหนังสือวางอยู่สามเล่ม เป็นหนังสือเรียนภาษาไทย หนังสือวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เบื้องต้นสำหรับระดับชั้น ป.1
เมื่อทุกคนเข้ามาในห้องกันหมดแล้ว การทดสอบก็เริ่มขึ้น
ครูใหญ่ เอ่ยปากสั่ง "น้องเนตร" ด้วยเสียงดัง ใบหน้าดุและเฮียบ โดยตั้งใจว่าจะขู่ให้เด็กกลัว
" เอาละ เปิดหนังสือภาษาไทย แล้วอ่านให้ครูฟัง ตั้งแต่หน้าแรกซิ !!!"
เด็กชายทิพยเนตร เปิดหนังสือหน้าแรกอย่างไม่สะทกสะท้าน ใบหน้านิ่งเหมือนไร้ความรู้สึก และเริ่มอ่านด้วยเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยทุกคำ จากหน้าหนึ่ง ไปหน้าสอง หน้าสาม...ไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว สร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกๆคน !!!
*โปรดติดตามตอนต่อไปในกระทู้หน้าครับ*