สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เรื่องนี้เราดูในโรง3รอบ ชอบมากๆ
นี่คือสิ่งที่เราคิด
จริงๆคู่มีอากับเซบาสเตียน มันไม่น่าไปด้วยกันได้ตั้งแต่แรกแล้วละ
เรามองว่าผู้ชายแบบพระเอกอยู่ด้วยยาก ติ๊สท์ ไม่ค่อยอยู่ในโลกความเป็นจริง แต่ถ้าให้เดทฉาบฉวยก็เป็นสีสรรชีวิตดี
ถ้าตัดความ charming ความหล่อ ทั้งหมดทั้งมวลออก พระเอกค่อนข้างบ้าๆนะ 5555 (นึกภาพอาจารย์เฉลิมชัย)
ถึงไม่มีเรื่องวงดนตรีเข้ามา ท้ายที่สุดแล้วสองคนนี้ก็จะทนกันไม่ได้ไปตลอดรอดฝั่งอยู่ดีแหละ อย่างที่บอกพระเอกอยู่ด้วยยาก สุดโต่งเกินไป
ทีนี้วกมาเรื่องมีอา
1. เราคิดว่าฉากที่นางเอกวิ่งออกมาจากแฟนเก่า เป็นฉากที่บอกว่านางเอกยอมรับแล้วว่าตัวเองเลือกพระเอก ก่อนหน้านี้สองคนนี้กั๊กๆกันมาตลอด จะไปดูหนังด้วยกัน ก็หาข้ออ้างให้ตัวเองสบายใจกันทั้งสองฝ่ายที่บอกว่าดูหนังเพื่อเป็นรีเสิร์ช แต่จริงๆแล้วก็ชอบๆกันนั่นแหละ แต่ยังไม่อยากยอมรับ
เพราะนางเอกก็มีพันธะอยู่ แต่นางเอกก็ดูไม่ได้ใส่ใจแฟนนัก บทพูดบนโต๊ะอาหารใส่มาเพื่อตอกย้ำว่านางเอกไปกับแฟนเก่าไม่ได้จริงๆ เซบาสเตียนคือคนที่ใช่มากกว่า(ณ ตอนนั้น)
2.พระเอกไม่มีเวลา นางเอกงอน
จริงๆตรงนี้เป็นตลกร้ายนะ เหตุผลของทั้งสองฝ่ายก็เพื่อให้อีกฝ่ายมีความสุข แต่ดันทำให้อีกฝ่ายทนทุกข์แทน
เซบาสเตียน : รับงานในวงดนตรีก็เพราะได้ยินมีอาคุยกับแม่ของตัวเองว่าเซบาสเตียนยังไม่มีงานทำที่มั่นคง
ก็เลยรับงานวงดนตรีทั้งๆที่ตัวเองไม่ชอบก็เพื่อมีให้มีรายรับที่แน่นอน
มีอา : ไม่ได้ตั้งใจจะให้พระเอกทำงานที่ตัวพระเอกเกลียด(นางเอกไม่รู้ว่าพระเอกแอบได้ยินที่ตัวเองคุยกับแม่)
พอพระเอกเลือกรับงานแรกๆก็แปลกใจแต่ก็พร้อมจะซัพพอร์ตในฐานะแฟนที่ดี
แต่หลังๆก็เริ่มรู้สึกว่าพระเอกเปลี่ยนไป ไหนบอกไม่ชอบแนวเพลงแบบนี้ไง ทำไมถึงยังไปทำ
เซบาสเตียนกลายเป็นผู้ชายคนละคนกับที่ผู้ชายหัวรั้นจะรักษาเพลงแจ็ซดั้งเดิมไว้ให้ได้แบบที่นางเอกหลงรักในตอนแรก
3.ฉากจบ ต่างคนต่างไป หนังไม่ได้เล่าเรื่องว่าพระเอกไปเดทกับคนอื่นอีกไหมรึเปล่า เรารู้เพียงแต่ว่าเขายังอยู่คนเดียว
แต่นางเอกมีครอบครัวและเป็นดาราดังแล้ว บางทีรักที่แท้จริงของพระเอกอาจจะเป็นเพลงแจ็ซก็ได้นะ
เราชอบตอนจบที่ต่างคนต่างทำความฝันสำเร็จ
คิดดูพระเอกจะขมขื่นแค่ไหน ถ้าได้แต่เดินตามนางเอกต้อยๆโดยที่ไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง
ผู้ชายแบบเซบาสเตียนไม่ใช่คนแบบนั้น
ในทางกลับกันฝันของมีอาก็ยิ่งใหญ่เช่นกัน มีอาก็ไม่สามารถละทิ้งความฝันได้เพื่อมาอยู่กับผู้ชายคนเดียว
พระเอกเข้าใจความฝันของนางเอกเพราะตัวเองก็มีเหมือนกัน ถึงได้บอกนางเอกตอนออดิชั่นครั้งสุดท้ายว่า
"คุณไปพยายามทำให้ดีที่สุดนะ ถ้าคุณไม่คว้าโอกาสไว้คุณจะเสียใจไปทั้งชีวิต แล้วเราค่อยมาดูกันว่าเราจะยังไปกันรอดไหม"
ประมาณนี้ จำคำพูดเป๊ะๆไม่ได้
แต่เราเข้าใจความหมายของพระเอกดี ถ้านางเอกทิ้งความฝันและมาอยู่กับพระเอกเต็มตัว
ทำหน้าที่เมียอย่างเดียวเลย นางเองก็จะทนชีวิตแบบนี้ไม่ได้
ให้พระเอกเลิกเป็นนักดนตรี เพื่อมาเป็นสามีนางเอกอย่างเดียวเลย พระเอกก็จะทนชีวิตแบบนี้ไม่ได้เช่นกัน
ทั้งสองคนถึงเลือกความฝันของตัวเอง
สิ่งที่ดีที่สุดคือพวกเขาสามารถทำมันได้สำเร็จทั้งคู่
นี่คือสิ่งที่เราคิด
จริงๆคู่มีอากับเซบาสเตียน มันไม่น่าไปด้วยกันได้ตั้งแต่แรกแล้วละ
เรามองว่าผู้ชายแบบพระเอกอยู่ด้วยยาก ติ๊สท์ ไม่ค่อยอยู่ในโลกความเป็นจริง แต่ถ้าให้เดทฉาบฉวยก็เป็นสีสรรชีวิตดี
ถ้าตัดความ charming ความหล่อ ทั้งหมดทั้งมวลออก พระเอกค่อนข้างบ้าๆนะ 5555 (นึกภาพอาจารย์เฉลิมชัย)
ถึงไม่มีเรื่องวงดนตรีเข้ามา ท้ายที่สุดแล้วสองคนนี้ก็จะทนกันไม่ได้ไปตลอดรอดฝั่งอยู่ดีแหละ อย่างที่บอกพระเอกอยู่ด้วยยาก สุดโต่งเกินไป
ทีนี้วกมาเรื่องมีอา
1. เราคิดว่าฉากที่นางเอกวิ่งออกมาจากแฟนเก่า เป็นฉากที่บอกว่านางเอกยอมรับแล้วว่าตัวเองเลือกพระเอก ก่อนหน้านี้สองคนนี้กั๊กๆกันมาตลอด จะไปดูหนังด้วยกัน ก็หาข้ออ้างให้ตัวเองสบายใจกันทั้งสองฝ่ายที่บอกว่าดูหนังเพื่อเป็นรีเสิร์ช แต่จริงๆแล้วก็ชอบๆกันนั่นแหละ แต่ยังไม่อยากยอมรับ
เพราะนางเอกก็มีพันธะอยู่ แต่นางเอกก็ดูไม่ได้ใส่ใจแฟนนัก บทพูดบนโต๊ะอาหารใส่มาเพื่อตอกย้ำว่านางเอกไปกับแฟนเก่าไม่ได้จริงๆ เซบาสเตียนคือคนที่ใช่มากกว่า(ณ ตอนนั้น)
2.พระเอกไม่มีเวลา นางเอกงอน
จริงๆตรงนี้เป็นตลกร้ายนะ เหตุผลของทั้งสองฝ่ายก็เพื่อให้อีกฝ่ายมีความสุข แต่ดันทำให้อีกฝ่ายทนทุกข์แทน
เซบาสเตียน : รับงานในวงดนตรีก็เพราะได้ยินมีอาคุยกับแม่ของตัวเองว่าเซบาสเตียนยังไม่มีงานทำที่มั่นคง
ก็เลยรับงานวงดนตรีทั้งๆที่ตัวเองไม่ชอบก็เพื่อมีให้มีรายรับที่แน่นอน
มีอา : ไม่ได้ตั้งใจจะให้พระเอกทำงานที่ตัวพระเอกเกลียด(นางเอกไม่รู้ว่าพระเอกแอบได้ยินที่ตัวเองคุยกับแม่)
พอพระเอกเลือกรับงานแรกๆก็แปลกใจแต่ก็พร้อมจะซัพพอร์ตในฐานะแฟนที่ดี
แต่หลังๆก็เริ่มรู้สึกว่าพระเอกเปลี่ยนไป ไหนบอกไม่ชอบแนวเพลงแบบนี้ไง ทำไมถึงยังไปทำ
เซบาสเตียนกลายเป็นผู้ชายคนละคนกับที่ผู้ชายหัวรั้นจะรักษาเพลงแจ็ซดั้งเดิมไว้ให้ได้แบบที่นางเอกหลงรักในตอนแรก
3.ฉากจบ ต่างคนต่างไป หนังไม่ได้เล่าเรื่องว่าพระเอกไปเดทกับคนอื่นอีกไหมรึเปล่า เรารู้เพียงแต่ว่าเขายังอยู่คนเดียว
แต่นางเอกมีครอบครัวและเป็นดาราดังแล้ว บางทีรักที่แท้จริงของพระเอกอาจจะเป็นเพลงแจ็ซก็ได้นะ
เราชอบตอนจบที่ต่างคนต่างทำความฝันสำเร็จ
คิดดูพระเอกจะขมขื่นแค่ไหน ถ้าได้แต่เดินตามนางเอกต้อยๆโดยที่ไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง
ผู้ชายแบบเซบาสเตียนไม่ใช่คนแบบนั้น
ในทางกลับกันฝันของมีอาก็ยิ่งใหญ่เช่นกัน มีอาก็ไม่สามารถละทิ้งความฝันได้เพื่อมาอยู่กับผู้ชายคนเดียว
พระเอกเข้าใจความฝันของนางเอกเพราะตัวเองก็มีเหมือนกัน ถึงได้บอกนางเอกตอนออดิชั่นครั้งสุดท้ายว่า
"คุณไปพยายามทำให้ดีที่สุดนะ ถ้าคุณไม่คว้าโอกาสไว้คุณจะเสียใจไปทั้งชีวิต แล้วเราค่อยมาดูกันว่าเราจะยังไปกันรอดไหม"
ประมาณนี้ จำคำพูดเป๊ะๆไม่ได้
แต่เราเข้าใจความหมายของพระเอกดี ถ้านางเอกทิ้งความฝันและมาอยู่กับพระเอกเต็มตัว
ทำหน้าที่เมียอย่างเดียวเลย นางเองก็จะทนชีวิตแบบนี้ไม่ได้
ให้พระเอกเลิกเป็นนักดนตรี เพื่อมาเป็นสามีนางเอกอย่างเดียวเลย พระเอกก็จะทนชีวิตแบบนี้ไม่ได้เช่นกัน
ทั้งสองคนถึงเลือกความฝันของตัวเอง
สิ่งที่ดีที่สุดคือพวกเขาสามารถทำมันได้สำเร็จทั้งคู่
แสดงความคิดเห็น
ถาม la la land หน่อยครับ (spoil)
คือแค่อยากมีคนอยู่ข้างๆ
ต้องการคนมาทำให้ชีวิตตัวเองมีความสุข
หรือ ง่ายๆคือ เห็นแก่ตัว ใช่ไหมครับ
สังเกตุจาก
1.ฉากที่อยู่ดีๆก็เดินออกมาจากโต๊ะกินข้าว(แฟนเก่า)
แล้วไปหาพระเอกที่โรงหนัง
2.ฉากที่พระเอกไม่มีเวลาให้นางเอก ผมว่าฉากนี้นางเอกเห็นแก่ตัวมากๆ
3.ฉากจบ นางเอกไม่หนักแน่นเลย T___T
ปล. แต่ผมชอบตอนจบนะครับ มันทั้งเศร้า
แล้วก็ รู้สึกดีไปด้วยกับความฝันที่ทั้งคู่ทำมันสำเร็จ