วิถีชีวิต ของ เด็กฝั่งธนยุคปี 2533 - Part การเดินทาง

กระทู้สนทนา
เป็นยุคที่ยายเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น สิ่งที่ยายจะเล่านี้อยู่บนพื้นฐาน life style ของยายเอง  อาจจะไม่หวือหวาสักเท่าไร (เพราะยายแก่ตั้งแต่เด็ก เข้าใจตรงกัน นะ ) เราจะเริ่มต้นตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้านกันเรย
การเดินทาง หลักๆ คือ
1) รถเมล์ ขสมก. (หน่วยงานที่ได้ ISO เพราะการมีมาตรฐาน สม่ำเสมอ ตลอดมา  ... แซวเล่น แหะแหะ) ยายขึ้นตั้งแต่สมัย 2.50 บาท (สีน้ำเงิน) 3.50 (สีแดง) ได้ละมัง ถ้าจำไม่ผิดนะ รถแอร์สีน้ำเงินนี้น่าจะ 6 บาท  
แต่ไม่ค่อยมีหรอก นาน ๆ จะมาสักที สาย ปอ.10 ดอนเมือง - พระประแดง  จำได้ว่าจะไปทีนี้รอ 30 นาที นี้ถือว่าเร็วอะ  รถมินิบัสนี้ถ้าจำไม่ผิดก็ยังไม่ค่อยมีนะ จะเป็นรุ่นสีเขียวประตูด้านหน้าหลังถอดออกไม่ต้องปิดเพราะกระเป๋ารถเมล์สมัยยายนะการได้โหนรถเมล์แบบผลุบเข้าผลุบออกตรงประตูนี้ ก่อนถึงป้ายรถยังไม่จอดดีก็กระโดดลงมาเรียกผู้โดยสารก่อน  ตอนรถจะออกจากป้ายก็ไม่ขึ้นนะ วิ่งตามแทด แทด  ไปกระโดดเกาะประตูด้านหลัง แบบเค้าว่ามันเท่มั่กๆ  จะไปไหนแต่ละทีต้องเผื่อเวลากันพอสมควร  
รถไม่ติดก็จริงแต่ป้ายรถเมล์ซึ่งจะมีเฉพาะจุดที่เป็นตลาดหรือชุมชนเท่านั้นและจำนวนรถก็น้อยต้องใช้เวลารอประมาณหนึ่ง   อีกประเภท คือ รถประจำทางวิ่งระหว่างจังหวัด  สำหรับยายคุณลุงคุณป้าจะพานั่งรถสีส้ม สาย กทม-บางลี่ กลับไปหาคุณตาคุณยาย  ต้องไปขึ้นรถที่ท่าพระ  ตั้งแต่เช้ามาก กว่าจะไปถึงก็บ่าย  ซึ่งคุณป้าเล่าว่ายายไปทำวีรกรรมไว้บนรถครั้งหนึ่งโดยการฉี่ไว้ที่บริเวณพื้นที่นั่งด้านท้ายรถ  เวลารถลงสะพานก็ไหลไปเจิ่งด้านหน้าเป็นสาย  ผู้โดยสารที่นั่งซีกด้านซ้ายรองเท้าเปียกกันทั่วหน้า สาเหตุก็มาจาก  รถโดยสารนี้เค้าจะจอดที่จุดๆหนึ่ง และจะมีแม่ค้า พ่อค้านำน้ำหวานสีๆใส่ถุงใส่น้ำแข็ง ผูกด้วยเชือกฟาง ผลไม้ทั้งสดทั้งดอง  ลูกอมแบ่งใส่ถุงพลาสติก และพวกไก่ย่างใส่ถาดแบกขึ้นมาขายด้วยนะ ยายจะได้โอกาสกินน้ำหวานก็เวลาแบบนี้แหละ 😊 กินแล้วก็เลยปวดฉี่ แหะแหะ
2) รถสองแถวแดง เล็กใหญ่  เริ่มได้ใช้บริการเมื่อสมัยเรียนมหาลัย  สืบเนื่องจากการเสาะแสวงหาหนทางมาหาลุงหมีน้อยที่บ้านบ่อย ๆ อย่างว่า คิดจาจีบเค้าก็ต้องเช้าถึงเย็นถึงอะนะ  ส่วนรถสองแถวแบบที่เรียกว่ารถกระป๋อง นี้ลองใช้บริการจริงจรังเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เพราะต้องนั่งเข้าซอยที่เอกมัยในบางเวลาที่นั่ง BTS มาทำงานช่วงแรก ๆ เพื่อคำนวณหาค่าใช้จ่ายและค่าเสียเวลาเพื่อเปรียบเทียบกับการขับรถยนต์มาทำงาน  พบว่า  ราคาใกล้เคียงกันจ้า  จึงตัดสินใจใช้รถยนต์ดีกว่า ขากลับรับเพื่อนๆ ติดรถออกมาได้ด้วย
3) แท็กซี่ ก็น้อยนะ ไม่มีมิตเตอร์ ตอนนั้น ตกลงราคากันเอาเหมือนสามล้อยังงี้  แต่คนขับแท็กซี่สมัยนั้นถือว่าเป็นอาชีพสร้างรายได้เหมือนกันนะ  เพราะข้างบ้านยาย เค้าเป็นคนอีสานอยู่หมู่บ้านเดียวกัน  มาเช่าบ้านอยู่ด้วยกันเพื่อขับแท็กซี่โดยเฉพาะ เวลาหน้านาก็กลับบ้านไปทำนาแล้วก็กลับมาขับรถต่อได้เงินเป็นกอบเป็นกำอยู่  ส่งลูกเรียนจบปริญญากันได้เลยนะ  คงเพราะจำนวนรถและจำนวนโจรไม่มากเหมือนทุกวันนี้  ส่วนคนที่จะนั่งแท็กซี่ก็ต้องมีตังค์ประมาณหนึ่ง  หรือไม่ก็เป็นแม่ค้านัดไปรับ-ส่งกันเป็นประจำ ไม่อีกทีก็ต้องมีธุระดึกดื่นกันจริงๆ จึงจะได้ใช้บริการ  
4) วินมอเตอร์ไซด์  เอ...ยายจำได้เลาๆ ว่ามีพี่วินไม่มากเหมือนกัน  ยายเหมาเอาว่า คนแถวบ้านยายนี้ค่อนข้างขยันเดินนะ  ไปตลาดหรือไปไหนๆ พอจะเดินได้ก็เดินกันนะ ไม่ก็ขึ้นรถเมล์แล้วเดินต่อเอา  ยายเดินไปตลาดซื้อกับข้าวให้คุณป้าทุกวัน ระยะทางไปกลับก็สัก 30 นาทีได้ ย่างเข้าวัยรุ่นก็มีจักรยานตราตุ๊กเข้  ที่มีตระกร้าข้างหน้าอะ  ก็เลิกเดิน ปั่นสนุกเรย! คุณลุงคุณป้าใช้ไปซื้อของนี้ใช้ง่ายเลย  แต่เวลาปั่นจักรยานนี้มีอุปสรรคสำคัญอยู่ 1 อย่าง บ้านด้านหน้าที่ยายต้องปั่นผ่านตอนเข้าออกอะเค้าเลี้ยงหมาไว้ 1 ตัว ดุมากกก  หมาเจ้ากรรมก็ชอบไล่จักรยานจัง  ปั่นทีนี้จะเข้าพงหญ้า ไม่ก็เฉียดคลองน้ำทิ้งไปหลายที  555 ไม่รู้ว่าไม่ชอบจักรยานหรือไม่ชอบยายส่วนตัว   ส่วนเรื่องมอเตอร์ไซด์ ตอนนั้น ส่วนใหญ่มีแต่รุ่นที่เป็นแบบของผู้ชายที่มันมีคลัช มีเกียร์  และการเข้าถึงก็ยากนะกว่าที่บ้านของยายจะซื้อได้นี้ก็ยายโตชั้นประถมแล้วอะ  (ที่สำคัญคนไหนรุ่นเดียวกะยายให้ไปขอดูที่น่องขาด้านหลังที่ข้างซ้ายหรือขวา จะต้องมีรอยท่อไอเสียมอเตอร์ไซด์ 90++% ) ยายจำครั้งแรกที่ฉลองการนั่งรถมอเตอร์ไซด์ครั้งแรกได้  คุณลุงพาขี่มอเตอร์ไซด์ไปเที่ยวสวนสัตว์เขาดิน  ยายสนุกมาก แต่ยายได้ของแถมมาด้วย คือ ขากลับยายนั่งหลับเกาะหลังลุง  พอถึงบ้านอีตอนขาลงก็งัวเงีย ปกติก็ลงฝั่งซ้าย  งวดนี้ลงทางขวาจ๊ะ น่องขวาเลยได้รอยแผลเป็นฝากมาจนถึงทุกวันนี้  สมัยนี้ ปีหนึ่ง ๆ ออกใหม่เป็นสิบๆรุ่น  จะซื้อก็ง่ายดาย ฟรีดาวน์  ผ่อนกันนานจนรถพัง  ร้านขายมอเตอร์ไซด์จำนวนน้อยกว่า 7elevn หน่อยนึง  แถมทั้งทองแถมทีวี...อีกหน่อยคงแจกฟรี  จนเด็กประถม-ม.ต้นสมัยนี้ขี่มอเตอร์ไซด์ไปโรงเรียนกันแล้วอะ

5) รถยนต์ส่วนบุคคล  สำหรับทางบ้านยายตอนนั้น  ถือว่า  ซื้อยากมากกกกก กระทั่งช่วงยายอยู่ชั้นประถมปลายได้มัง  คุณลุงคุณป้าของยายทำอาชีพรับเหมาก่อสร้างมีรายได้ดีขึ้นก็เลยสามารถซื้อรถกระบะ ยี่ห้อ DATSUN สีฟ้าแปร๋น  มือสอง  มาติดหลังคาแล้วก็ขับตุเลงๆกันไป  ส่วนใหญ่จะไปหาคุณตาคุณยายที่บางลี่  สมัยนั้นถนนยังเข้าไม่ถึงบ้านริมคลอง  ต้องจอดที่ริมฝั่งคลองหนึ่งแล้วเดินลงไปที่ท่าน้ำ หรือบีบแตร ตะโกนเรียกให้คุณตาพายเรือมารับ  ส่วนหน้าน้ำหลากน้ำท่วมทางหมดต้องจอดรถไว้ที่ตลาดและนั่งเรือหางยาวประจำทาง  หรือเหมาเรือหางยาวเร็วเข้าไปในคลอง(ยายเรียกว่า เรือลูกสาวกำนัน เพราะ คุณจารุณีสมัยเล่นเรื่องลูกสาวกำนันใช้เป็นพาหนะหลักในการเข้าฉากแสดง เท่มั่กๆ )   การนั่งเรือประจำทางเข้าไปนี้ทำให้ยายพบกับต้นไส้กรอก ! ยายมั่นใจว่า ไส้กรอกที่เค้าขายกันในห้าง เค้าปลูกกันแบบนี้เอง ยายพยายามจะเก็บไปให้คุณป้าทอดให้กินแต่มันเอื้มไม่ถึง...โชคดีของยาย จนเรียน ม.ต้น ยายถึงได้รู้ว่า ไส้กรอกมันทำมาจากเนื้อหมู  และจนจบมหาวิทยาลัย ยายจึงได้รู้ว่า ต้นไส้กรอกของยาย คือ ต้นธูปฤาษี ทุกวันนี้ยายก็ยังเรียกต้นไส้กรอกอยู่นะ 😝 ยายว่าการมีรถยนต์สมัยนั้นสนุกมากๆ  เพราะจะไปไหนกันแต่ละทีไปกันเต็มคันรถ  ตะโกนชวนบ้านนู้นบ้านนี้ไปเที่ยวพร้อมๆ กัน  เตรียมเสบียงใส่รถไปด้วย  ยายจำได้ว่า  การได้ไปเล่นน้ำทะเลที่บางแสนตอนนั้นสนุกมากกกกก ทั้งที่การเดินทางก็ไม่สะดวกเท่านี้  รถก็ไม่มีแอร์  แต่ทำไมมันสนุกอะ  คงจะเหมือนที่เค้าพูดกันบ่อยๆใช่มั้ย ว่า “การเดินทางนั้นไม่ได้สำคัญที่จุดหมายปลายทาง  แต่ระหว่างทางต่างหากที่จะให้คุณค่าบางอย่างกับตัวเรา”
6)  )  เรือประจำทางในกทม. พวกคลองแสนแสบอะไรนี้ ยายไม่มีประสบการณ์นะ จนทุกวันนี้ยายก็ยังไม่เคยนั่งเรยอะ  ส่วนเรือธงส้ม ธงฟ้า แบบวัดราชสิงขร - ท่าน้ำนนท์นี้  ยายเพิ่งจะมาได้นั่งเมื่อ 5-6 ปีก่อนเองอะ  แบบว่า  วิถีชีวิตเพิ่งจาเปลี่ยน  มันทำให้ยายหลงรัก แม่น้ำเจ้าพระยาและวิถีชีวิตริมสองฝั่งเลยนะ  อย่าว่างั้นงี้  ยายรู้สึกเหมือนได้เติมพลังงานชีวิตอันเหี่ยวเฉาจากการทำงานจันทร์-ศุกร์ หน้าคอมพิวเตอร์   ยายอยากให้ลองกันนะ  คิดดูเวลาลมพัดแล้วน้ำมันกระเซ็นโดนหน้าบาง ๆ มันสดชื่นไปถึงหัวใจเลยอะ  ปล.ถ้าใครโดยสารเรือด่วนธงสีส้มในวันหยุด  แล้วเห็นผู้หญิงนั่งหน้าบานๆ  พร้อมกับยิ้มให้กับภาพทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดทาง นั้นแหละยายเอง 😲  ตอนนี้ถือเป็นงานอดิเรกของยายอย่างหนึ่งเรยอะ ถ้ายายจะไปธุระที่ไหน นั่งเรือด่วนได้ยายก็จะจอดรถ เพื่อที่จะพยายามใช้บริการนะ  และเวลาเพื่อนต่างชาติของยายมานะ ยายก็จะพาเค้านั่งเรือธงส้มเที่ยว (แบบเป็นทริปต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองกันเรยอะ)
6) BTS / MRT ยุค 90 ยังไม่มีจ้า  ยายเข้าม.ปลายเค้าเพิ่งจะเริ่มตอกเสาเข็มรถไฟฟ้า สายแรกของประเทศไทย ที่หน้าสยาม  ยายได้ใช้จริงจังก็ตอนมหาลัยสมัยจีบกะลุงเค้าใหม่ ๆ นั่งจากสะพานตากสินไปลงหมอชิต  นั่งสบายมาก โล่งงงง ซึ่งต้องขอโทษเพื่อนเดินทางทั้งหลายในยุคปัจจุบันด้วยที่แนบสนิทกันตั้งแต่ต้นสายจนกระทั่งลงกันเลยทีเดียว
Blog ต่อไป เรามาคุยเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวกันมั้ง ว่า ยุคยายวัยสะรุ่น นะ ยายมีที่ชอบ ที่ชอบ ที่ไหนบ้าง 😊
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่