เราเห็นข่าวที่มีเด็กผู้หญิงท้องมีทั้งดีและไม่ดี
เลยอยากแชร์ประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเอง
เราท้องตั้งแต่อายุ 17
เราจำความรู้สึกนั้นได้จนวันนี้ แม้จะผ่านมา 14 ปีแล้ว
พอพ่อเรารู้ว่าเราท้อง พ่อเราเสียใจมาก พ่อไม่พูดอะไรเลย นอกจากนั่งเงียบ ๆ ซึ่งเรารับรู้ได้ว่าพ่อร้องไห้
นั่นคือจุดเปลี่ยนของเราเลย เราสัญญากับตัวเองว่า เราจะเรียนให้จบ และเอาใบปริญญามาฝากพ่อกับแม่ให้ไดั
แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะด่านแรกที่เราเจอคือ คำดูถูกของคนแถวบ้าน หรือเดินไปไหนคนก็ซุบซิบนินทา ซึ่งเราเตรียมใจไว้แล้ว ว่า สังคมคงไม่อาจยอมรับคนที่ท้องก่อนวัยอันควร ซึ่งนั่นคือแรงผลักดัน
เราพูดกับตัวเองว่า เราจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ไม่ให้เป็นภาระของสังคม
บอกตามตรงเราไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจใด ๆ รู้แค่ว่าอยากหนีไปไกล ๆ ไม่ให้ใครเห็นจนกว่าจะคลอด
แต่ความจริงก็คือความจริง เราต้องปาดน้ำตาเดินหน้าต่อไป พร้อมคำดูถูก ดูแคลนต่าง ๆ นานา
พอเราคลอดลูก ได้สักปี เราก็เรียนต่อ พูดได้คำเดียวว่ามันสาหัสมาก เพราะเราต้องต่อ กศน และเลี้ยงลูกไปด้วย พอจบ กศน ต่อมหาลัยเปิด เราเรียนแค่ 3 ปีเท่านั้น ซึ่งทุกอย่างเราพูดคำเดียว ว่าเราอดทนมาก ๆ เพราะน้ำตาพ่อในวันนั้น เราได้ปริญญามาให้พ่อสำเร็จ
จนมาถึงวันที่ลูกเราเรียน เราจำสายตาของคนที่มองเรา ทั้งผู้ปกครองครู คือ เราแค่ 20 นิด ๆ แต่พาลูกวัย 4 ขวบมาเรียน
ซึ่งตอนนี้ก็ไม่เปลี่ยน ลูกเราม .2 แต่เราคือแม่อายุที่น้อยที่สุดก็ว่าได้ ตอนนี้ลูกเรา 13 เรา 31
ซึ่งสายตาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มันเป็นสายตาของความแปลกใจที่ ทำไมแม่ยังดูเหมือนเด็ก ทั้ง ๆ ที่ แม่ ๆ ในนั้นดูเป็นผู้ใหญ่มาก
ตอนนี้ เรากล้าพูดได้ว่าสิ่งที่เราเคยพูดกับตัวเองเมื่อ อายุ17 เราทำสำเร็จ
ลูกเราเป็นเด็กดี เรียนเก่ง เราดูแลพ่อแม่ เรามีธุรกิจเล็ก ๆ เราไม่เป็นภาระใคร
จนตอนนี้คำดูถูกทั้งหลาย กลายเป็นคำชม ชมว่าลูกเราเป็นเด็กดี เรียนหนังสือเก่ง
ตอนนี้มีแต่คนบอกว่าเรา มีลูกทันใช้เนอะ
ซึ่งเราไม่ได้ภูมิใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้น เรายังคงเสียใจที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง แต่ในเมื่อเราย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ เราจึงเลือกที่จะปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้
อีกอย่างที่เราอยากบอกคือ เราเข้าใจมาตลอดว่า แค่รักมันพอและสำหรับการเลี้ยงลูก
แต่จริง ๆ มันมีมากกว่านั้น ทั้งเวลา ความรู้ วุฒิภาวะต่าง ๆ ซึ่งเรามีน้อยมาก
โชคดีที่เรามีความเป็นแม่สูง เราเลยค่อย ๆ สร้างสิ่งพวกนี้มาเลี้ยงลูกเรา
ตอนนี้เรามีลูกคนที่สองแล้ว เรากล้าพูดว่าลูกเราสองคนรักกันมาก สิ่งที่เราจะทำต่อไปคือ เราจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี และไม่ผิดพลาดเหมือนเราอีก
เราไม่ได้สนับสนุนให้เด็กท้องก่อนวัยอันควร เพราะเรารู้ว่า กว่าเราจะมาถึงจุด ๆ นี้ เราปาดน้ำตาเป็นพันครั้งได้
ขอบคุณที่รับฟังค่ะ
ท้องตั้งแต่อายุ17
เลยอยากแชร์ประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเอง
เราท้องตั้งแต่อายุ 17
เราจำความรู้สึกนั้นได้จนวันนี้ แม้จะผ่านมา 14 ปีแล้ว
พอพ่อเรารู้ว่าเราท้อง พ่อเราเสียใจมาก พ่อไม่พูดอะไรเลย นอกจากนั่งเงียบ ๆ ซึ่งเรารับรู้ได้ว่าพ่อร้องไห้
นั่นคือจุดเปลี่ยนของเราเลย เราสัญญากับตัวเองว่า เราจะเรียนให้จบ และเอาใบปริญญามาฝากพ่อกับแม่ให้ไดั
แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะด่านแรกที่เราเจอคือ คำดูถูกของคนแถวบ้าน หรือเดินไปไหนคนก็ซุบซิบนินทา ซึ่งเราเตรียมใจไว้แล้ว ว่า สังคมคงไม่อาจยอมรับคนที่ท้องก่อนวัยอันควร ซึ่งนั่นคือแรงผลักดัน
เราพูดกับตัวเองว่า เราจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ไม่ให้เป็นภาระของสังคม
บอกตามตรงเราไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจใด ๆ รู้แค่ว่าอยากหนีไปไกล ๆ ไม่ให้ใครเห็นจนกว่าจะคลอด
แต่ความจริงก็คือความจริง เราต้องปาดน้ำตาเดินหน้าต่อไป พร้อมคำดูถูก ดูแคลนต่าง ๆ นานา
พอเราคลอดลูก ได้สักปี เราก็เรียนต่อ พูดได้คำเดียวว่ามันสาหัสมาก เพราะเราต้องต่อ กศน และเลี้ยงลูกไปด้วย พอจบ กศน ต่อมหาลัยเปิด เราเรียนแค่ 3 ปีเท่านั้น ซึ่งทุกอย่างเราพูดคำเดียว ว่าเราอดทนมาก ๆ เพราะน้ำตาพ่อในวันนั้น เราได้ปริญญามาให้พ่อสำเร็จ
จนมาถึงวันที่ลูกเราเรียน เราจำสายตาของคนที่มองเรา ทั้งผู้ปกครองครู คือ เราแค่ 20 นิด ๆ แต่พาลูกวัย 4 ขวบมาเรียน
ซึ่งตอนนี้ก็ไม่เปลี่ยน ลูกเราม .2 แต่เราคือแม่อายุที่น้อยที่สุดก็ว่าได้ ตอนนี้ลูกเรา 13 เรา 31
ซึ่งสายตาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มันเป็นสายตาของความแปลกใจที่ ทำไมแม่ยังดูเหมือนเด็ก ทั้ง ๆ ที่ แม่ ๆ ในนั้นดูเป็นผู้ใหญ่มาก
ตอนนี้ เรากล้าพูดได้ว่าสิ่งที่เราเคยพูดกับตัวเองเมื่อ อายุ17 เราทำสำเร็จ
ลูกเราเป็นเด็กดี เรียนเก่ง เราดูแลพ่อแม่ เรามีธุรกิจเล็ก ๆ เราไม่เป็นภาระใคร
จนตอนนี้คำดูถูกทั้งหลาย กลายเป็นคำชม ชมว่าลูกเราเป็นเด็กดี เรียนหนังสือเก่ง
ตอนนี้มีแต่คนบอกว่าเรา มีลูกทันใช้เนอะ
ซึ่งเราไม่ได้ภูมิใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้น เรายังคงเสียใจที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง แต่ในเมื่อเราย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ เราจึงเลือกที่จะปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้
อีกอย่างที่เราอยากบอกคือ เราเข้าใจมาตลอดว่า แค่รักมันพอและสำหรับการเลี้ยงลูก
แต่จริง ๆ มันมีมากกว่านั้น ทั้งเวลา ความรู้ วุฒิภาวะต่าง ๆ ซึ่งเรามีน้อยมาก
โชคดีที่เรามีความเป็นแม่สูง เราเลยค่อย ๆ สร้างสิ่งพวกนี้มาเลี้ยงลูกเรา
ตอนนี้เรามีลูกคนที่สองแล้ว เรากล้าพูดว่าลูกเราสองคนรักกันมาก สิ่งที่เราจะทำต่อไปคือ เราจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี และไม่ผิดพลาดเหมือนเราอีก
เราไม่ได้สนับสนุนให้เด็กท้องก่อนวัยอันควร เพราะเรารู้ว่า กว่าเราจะมาถึงจุด ๆ นี้ เราปาดน้ำตาเป็นพันครั้งได้
ขอบคุณที่รับฟังค่ะ