เราเพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมา 3 ปี ได้ไม่ถึงสัปดาห์ค่ะ โดยเค้าให้เหตุผลว่า ไม่ได้รักเราแบบเดิมแล้ว แต่ยังเป็นหวง และแคร์อยู่ และที่สำคัญที่สุดคือ เค้าอยากใช้ชีวิตค่ะ
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามันมีทั้งช่วงที่สุขสุดๆ และทุกข์สุดๆเช่นกัน ก่อนเจอเค้าเรามีชีวิตทีค่อนข้างดีค่ะ ทั้งเรื่องเรียน ฐานะ หน้าตา และเพื่อน โดยตอนที่เจอเค้านั้น เค้าเรียกได้ว่า มีอะไรๆ น้อยกว่าเราค่ะ แต่ก็ไม่ใช่แย่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า
แต่มันมาถึงเหตุการณ์นึง ที่ทำให้เราทิ้งทุกอย่างที่กล่าวมานั้น ไปหาเค้า เพราะรักค่ะ ทั้งครอบครัว เพื่อน และเงิน ทุกอย่าง ทิ้งไว้ข้างหลัง เพื่อไปสร้างตัว และช่วยเค้า
ช่วงที่ทิ้งไปทำมาหลายอย่าง ซึ่งบลางอย่างเราไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องทำด้วยซ้ำ อดข้าว ขายของตลาดนัด โดนคำดูถูก ซึ่งทำให้ท้อและร้องไห้อยู่หลายครั้ง แต่เพราะมีเค้า จึงผ่านมาได้
ส่วนใหญ่เวลาที่อยู่ด้วยกันเค้าเทคแคร์เราดีนะคะ ซักผ้า ล้างจาน กวาดถูบ้าน ซึ่งเราไปช่วยเค้าน้อยมากจริงๆในเรื่องนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกผิดจนถึงวันนี้ เพราะย้อนกลับไปคิดแล้ว เค้าคงจะเหนื่อย
ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเราทั้งสองคนเหมือนตัดโลกที่เหลือของกันและกันออกไปค่ะ เราอยู่กันสองคน ออกไปพบเพื่อนน้อยมาก ทำงาน คิด ปรึกษา กันสองคน
บางทีเราก็เหนื่อยค่ะ และท้อแท้ เพราะนอกจากเค้า มันไม่มีใครเลย เวลาทะเลาะกันกับเค้า เรารู้สึกว่า มันหดหู่มาก รู้สึกตัวเองไร้ค่า ที่บางเวลานั่งร้องไห้แล้วเขาไม่แม้แต่สนใจ จนสุดท้ายเราต้องเป็นฝ่ายหยุดร้องและเดินเข้าไปเอง
เรารู้สึกไม่มีใครรักเรา เพราะเราตัดคนอื่นๆออกไปนานเหลือเกิน อีกทั้งที่บ้านเค้าก็ดูจะไม่ชอบเราซักเท่าไหร่ ซึ่งเราก็เข้าใจค่ะ แต่ที่ทน เพราะเรารักเค้า ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่ตัวเราเลย เราเป็นคนมั่นใจ เราเป็นคนปากกล้า เป็นคนแข็ง แต่ยอมอ่อนให้เค้าและคนรอบตัวเค้า เพราะเรารู้ว่าถ้าเราเหวี่ยง มันจะมีแต่แย่ กับทั้งครอบครัวเค้า เรา และตัวเค้าเอง
ซึ่ง ณ ตอนนั้น มันก็มีความสุขดี แต่พอเราคิดย้อนไป มันเหมือนเราทั้งคู่เลี้ยงสัตว์ตัวหนึ่งไว้ในกรง โดยที่ไม่รู้ว่า วันหนึ่งเมื่อเปิดกรง เค้าจะยังอยู่ หรือจะไปจากเรา
จนมาถึงเราที่เราเริ่มกลับบ้านไปหาครอบครัวค่ะ ซึ่งตอนกลับมา ทุกคนต้อนรับทั้งเราและเค้าดีมากๆ พ่อเราก็ขอบคุณเค้า ที่ดูแลลูกสาวมาตลอด 3 ปี แต่ตอนนั้นเป็นช่วงที่บริษัทที่บ้านอยู่ในช่วงขาลงพอดี เพราะช่วงปีก่อนโดนโกงไปหลักสิบล้าน เป็นช่วงลำบาก แต่ก็ยังมีชีวิตที่ดี มีข้าวกิน มีห้องแอร์นอน มีรถขับ แต่ไม่ได้ใช้ชีวิตที่หรูหราอู้ฟู่เหมือนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง
ในขณะที่เรากลับมาช่วยกิจการที่บ้านที่มันร่อแร่นั้น เค้าก็ได้ก้าวเท้าเข้าสู่วงการบันเทิงค่ะ อาจจะไม่ใช่ดาราดังยิ่งใหญ่ แต่ก็พอได้รับงานแบบต่างๆอยู่บ้าง และได้ออกไปเจอคนใหม่ๆมากขึ้น ดูดีขึ้น ในคยามคิดของเราคือ มันถึงจุดที่เค้าดีกว่าเราแล้วค่ะ
เราทั้งคู่ห่างกันเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนที่ตัวติดกัน เจอกันทุกวัน เป็นห่างหาย เจอกันอาทิตย์ละครั้ง หรือ 2 อาทิตย์ครั้ง
เรากลับมาอยู่บ้านมากขึ้น ในขณะที่เค้าก็ออกไปทำงานของเค้าเยอะขึ้น มีปัญหาทะเลาะกันตามประสาคู่รักบ้าง จุดเริ่มต้นของปัญหามักไม่ร้ายแรง เป็นเรื่องที่เล็กมากๆ แต่ด้วยความที่เค้าเป็นคนไม่พูด เวลาทะเลาะกัน เราสองคนไม่เคยได้คุยปรับความเข้าใจกันตรงๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้หลายๆอย่างมันค้างคา โดยเกือบทุกครั้งเราจะเป็นคนเข้าไปหา รอใจเย็นๆแล้วใช้ไม่อ่อนเข้าไปหาเค้าเอง เป็นแบบนี้ไม่ต่ำกว่าครึ่งปี จนในใจเรามีความคิดว่า เค้าไม่รักเราแล้วสินะ ทำไมไม่พูดกันตรงๆ ทำไมไม่ช่วยกันแก้ปัญหา ทำไมเราต้องประคองความสัมพันะือยู่ฝ่ายเดียว ในเมื่อเค้าก็ไม่คิดจะลุกขึ้นมาคุยมาปรับอะไร
จนมาถึงครั้งล่าสุด เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อยอีกครั้ง คราวนี้เราไม่ง้อ เราใจแข็งบ้าง อยากลองดูว่า เค้าจะมาง้อเราบ้างไหม แต่ผ่านไปอาทิตย์กว่า เค้ากลับมา บอกเลิกเราค่ะ เราถามเค้าว่า ไม่รักกันแล้วใช่มั้ย คำตอบของเค้าคือ "ก็ไม่เชิง" เค้าบอกว่า เค้าอยากออกไปใช้ชีวิตของเค้า เค้าจะมีชีวิตวัยรุ่นนี้ได้ครั้งเดียว เค้ายังไม่พร้อมจะจริงจังกับใครในตอนนี้
เราถามว่า มันคุ้มกับสามปีและทุกอย่างที่เราผ่านมาด้วยกันเหรอ เค้าบอก มันก็ไม่คุ้ม แต่เค้าเลือกแล้ว เค้ารู้ว่าเค้ามันเห็นแก่ตัว เค้ารู้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนจะรักเค้าได้ pure เท่าเราอีกแล้ว แต่เค้าจะไป เพราะเค้ารักตัวเองมากกว่า แล้วเค้าก็บอกอีกว่า ถ้าเรามีคนใหม่ ให้เทคแคร์เค้าเยอะๆ ดูแลคนใหม่ ให้มากกว่าที่ดูแลเค้า นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกผิดและเฟลมากค่ะ รู้วึกว่าที่ผ่านมา เราคงไม่ได้ทำอะไรให้เค้าเลยจริงๆ แล้วก็สับสนมากท ว่าเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน ทำไมทำให้คนๆนึงตัดใจ เปลี่ยนไปได้ไวขนาดนี้
จนถึงวันนี้เรายังติดต่อกันค่ะ เค้าบอกว่า อยากจะกลับไปเป็นเพื่อนกัน แต่จริงๆตัวเราก็ยังทำใจไม่ได้ ยังถามเค้าในหลายๆอย่าง
ที่เราเสียใจที่สุดคือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยได้ปรับความเข้าใจกันตรงๆ จนถึงวันสุดท้าย วันที่ทุกอย่างระเบิดออกมา
แต่ทุกอย่างเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราแก้กันได้ แต่เราไม่เคยมีโอกาสได้แก้ เรื่องเทคแคร์ ถ้าเค้าบอกเรา เราก็ทำให้เค้าได้ เรื่องอิสระ เราเข้าใจว่าเราติดกันมากเกินไป แต่มันก็ปรับกันได้ไม่ใช่หรือ ทำไมต้องปล่อยมันเรื้อรังมาขนาดนี้ แล้วต้องจบแบบนี้
เราบอกเค้าว่า เราแก้กันได้นะ ตอนนี้เรารู้ปัญหากันแล้ว ให้โอกาสเราทั้งคู่กลับไปแก้มันเถอะนะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
เค้าบอกว่าเค้ารู้ แต่มันเป็นที่ใจเค้าด้วย ว่าเค้าอยากมีอิสระ อยากจะโสด บอกเราว่าไม่ต้องรอ เค้าบอกไม่รู้ปีหน้า หรืออีกสิบปี เค้าจะโสดมั้ย แต่ตอนนี้นเค้าอยากโสด และเราไม่จำเป็นต้องรอเค้า
จริงๆตั้งแต่คบกันแรกๆเค้าคุยกับเรา เค้าไม่เคยมีความคิดจะแต่งงาน หรือจริงจังกับใครค่ะ เค้าบอกเค้าอยากมีชีวิตหนุ่มโสด ขี่บิ๊กไบค์ เล่นดนตรี เสเพลแบบนี้มมาตั้งแต่เจอกันแรกๆแล้ว มีแต่เรานี่แหละ ที่คิดว่า เราเข้ามาขนาดนี้แล้ว ความคิดเค้าคงเปลี่ยนไป คิดว่า สามปีที่ผ่านมา เค้าคงไม่คิดแบบเดิมแล้ว
เราอยากรู้ว่า ถ้าเวลาผ่านไป ให้เค้าได้ใช้ชีวิตของเค้าซักพัก ส่วนเราก็กลับมาฟื้นตัวเอง ทำตัวเองให้ดี แล้ววันหนึ่งเราจะกลับไปหาเค้า ไปเริ่มใหม่ แก้ตรงที่ไม่ดี มีในสื่งที่ไม่มีตอนนี้ เป็นคนใหม่ เจอกันใหม่ โตขึ้น มีความรับผิดชอบในชีวิตของตัวเองกันมากขึ้น เทคแคร์คนรอบข้างมากขึ้น เข้าหาเค้าในแบบที่ ต่างคนต่างไม่ต้องตัดอะไร มีช่องว่างให้กันและกัน แค่มาเติมเต็มกันและกัน เราอยากรู้ในมุมมองของทุกคนว่า มันมีโอกาสมั้ยคะ
อีกเรื่องคือ เค้าเป็นคนค่อนข้างแปลก เป็นคนมีทิฐิเยอะมาก เช่น ทะเลาะกับน้องชาย ด้วยเรื่องเล็กๆ เล็กมากๆแบบแย่งกันกินขนม แต่ทุกวันนี้ก็ไม่คุยกับน้องมาสองปีแล้วค่ะ กลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ ถึงใจเค้าจะอยากกลับ แต่เค้าจะถือทิฐิ ว่านี่คือสิ่งที่เค้าเลือกแล้ว
แฟนบอกเลิกเพราะอยากได้อิสระ จะมีโอกาสกลับมามั้ยคะ
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามันมีทั้งช่วงที่สุขสุดๆ และทุกข์สุดๆเช่นกัน ก่อนเจอเค้าเรามีชีวิตทีค่อนข้างดีค่ะ ทั้งเรื่องเรียน ฐานะ หน้าตา และเพื่อน โดยตอนที่เจอเค้านั้น เค้าเรียกได้ว่า มีอะไรๆ น้อยกว่าเราค่ะ แต่ก็ไม่ใช่แย่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า
แต่มันมาถึงเหตุการณ์นึง ที่ทำให้เราทิ้งทุกอย่างที่กล่าวมานั้น ไปหาเค้า เพราะรักค่ะ ทั้งครอบครัว เพื่อน และเงิน ทุกอย่าง ทิ้งไว้ข้างหลัง เพื่อไปสร้างตัว และช่วยเค้า
ช่วงที่ทิ้งไปทำมาหลายอย่าง ซึ่งบลางอย่างเราไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องทำด้วยซ้ำ อดข้าว ขายของตลาดนัด โดนคำดูถูก ซึ่งทำให้ท้อและร้องไห้อยู่หลายครั้ง แต่เพราะมีเค้า จึงผ่านมาได้
ส่วนใหญ่เวลาที่อยู่ด้วยกันเค้าเทคแคร์เราดีนะคะ ซักผ้า ล้างจาน กวาดถูบ้าน ซึ่งเราไปช่วยเค้าน้อยมากจริงๆในเรื่องนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกผิดจนถึงวันนี้ เพราะย้อนกลับไปคิดแล้ว เค้าคงจะเหนื่อย
ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเราทั้งสองคนเหมือนตัดโลกที่เหลือของกันและกันออกไปค่ะ เราอยู่กันสองคน ออกไปพบเพื่อนน้อยมาก ทำงาน คิด ปรึกษา กันสองคน
บางทีเราก็เหนื่อยค่ะ และท้อแท้ เพราะนอกจากเค้า มันไม่มีใครเลย เวลาทะเลาะกันกับเค้า เรารู้สึกว่า มันหดหู่มาก รู้สึกตัวเองไร้ค่า ที่บางเวลานั่งร้องไห้แล้วเขาไม่แม้แต่สนใจ จนสุดท้ายเราต้องเป็นฝ่ายหยุดร้องและเดินเข้าไปเอง
เรารู้สึกไม่มีใครรักเรา เพราะเราตัดคนอื่นๆออกไปนานเหลือเกิน อีกทั้งที่บ้านเค้าก็ดูจะไม่ชอบเราซักเท่าไหร่ ซึ่งเราก็เข้าใจค่ะ แต่ที่ทน เพราะเรารักเค้า ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่ตัวเราเลย เราเป็นคนมั่นใจ เราเป็นคนปากกล้า เป็นคนแข็ง แต่ยอมอ่อนให้เค้าและคนรอบตัวเค้า เพราะเรารู้ว่าถ้าเราเหวี่ยง มันจะมีแต่แย่ กับทั้งครอบครัวเค้า เรา และตัวเค้าเอง
ซึ่ง ณ ตอนนั้น มันก็มีความสุขดี แต่พอเราคิดย้อนไป มันเหมือนเราทั้งคู่เลี้ยงสัตว์ตัวหนึ่งไว้ในกรง โดยที่ไม่รู้ว่า วันหนึ่งเมื่อเปิดกรง เค้าจะยังอยู่ หรือจะไปจากเรา
จนมาถึงเราที่เราเริ่มกลับบ้านไปหาครอบครัวค่ะ ซึ่งตอนกลับมา ทุกคนต้อนรับทั้งเราและเค้าดีมากๆ พ่อเราก็ขอบคุณเค้า ที่ดูแลลูกสาวมาตลอด 3 ปี แต่ตอนนั้นเป็นช่วงที่บริษัทที่บ้านอยู่ในช่วงขาลงพอดี เพราะช่วงปีก่อนโดนโกงไปหลักสิบล้าน เป็นช่วงลำบาก แต่ก็ยังมีชีวิตที่ดี มีข้าวกิน มีห้องแอร์นอน มีรถขับ แต่ไม่ได้ใช้ชีวิตที่หรูหราอู้ฟู่เหมือนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง
ในขณะที่เรากลับมาช่วยกิจการที่บ้านที่มันร่อแร่นั้น เค้าก็ได้ก้าวเท้าเข้าสู่วงการบันเทิงค่ะ อาจจะไม่ใช่ดาราดังยิ่งใหญ่ แต่ก็พอได้รับงานแบบต่างๆอยู่บ้าง และได้ออกไปเจอคนใหม่ๆมากขึ้น ดูดีขึ้น ในคยามคิดของเราคือ มันถึงจุดที่เค้าดีกว่าเราแล้วค่ะ
เราทั้งคู่ห่างกันเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนที่ตัวติดกัน เจอกันทุกวัน เป็นห่างหาย เจอกันอาทิตย์ละครั้ง หรือ 2 อาทิตย์ครั้ง
เรากลับมาอยู่บ้านมากขึ้น ในขณะที่เค้าก็ออกไปทำงานของเค้าเยอะขึ้น มีปัญหาทะเลาะกันตามประสาคู่รักบ้าง จุดเริ่มต้นของปัญหามักไม่ร้ายแรง เป็นเรื่องที่เล็กมากๆ แต่ด้วยความที่เค้าเป็นคนไม่พูด เวลาทะเลาะกัน เราสองคนไม่เคยได้คุยปรับความเข้าใจกันตรงๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้หลายๆอย่างมันค้างคา โดยเกือบทุกครั้งเราจะเป็นคนเข้าไปหา รอใจเย็นๆแล้วใช้ไม่อ่อนเข้าไปหาเค้าเอง เป็นแบบนี้ไม่ต่ำกว่าครึ่งปี จนในใจเรามีความคิดว่า เค้าไม่รักเราแล้วสินะ ทำไมไม่พูดกันตรงๆ ทำไมไม่ช่วยกันแก้ปัญหา ทำไมเราต้องประคองความสัมพันะือยู่ฝ่ายเดียว ในเมื่อเค้าก็ไม่คิดจะลุกขึ้นมาคุยมาปรับอะไร
จนมาถึงครั้งล่าสุด เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อยอีกครั้ง คราวนี้เราไม่ง้อ เราใจแข็งบ้าง อยากลองดูว่า เค้าจะมาง้อเราบ้างไหม แต่ผ่านไปอาทิตย์กว่า เค้ากลับมา บอกเลิกเราค่ะ เราถามเค้าว่า ไม่รักกันแล้วใช่มั้ย คำตอบของเค้าคือ "ก็ไม่เชิง" เค้าบอกว่า เค้าอยากออกไปใช้ชีวิตของเค้า เค้าจะมีชีวิตวัยรุ่นนี้ได้ครั้งเดียว เค้ายังไม่พร้อมจะจริงจังกับใครในตอนนี้
เราถามว่า มันคุ้มกับสามปีและทุกอย่างที่เราผ่านมาด้วยกันเหรอ เค้าบอก มันก็ไม่คุ้ม แต่เค้าเลือกแล้ว เค้ารู้ว่าเค้ามันเห็นแก่ตัว เค้ารู้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนจะรักเค้าได้ pure เท่าเราอีกแล้ว แต่เค้าจะไป เพราะเค้ารักตัวเองมากกว่า แล้วเค้าก็บอกอีกว่า ถ้าเรามีคนใหม่ ให้เทคแคร์เค้าเยอะๆ ดูแลคนใหม่ ให้มากกว่าที่ดูแลเค้า นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกผิดและเฟลมากค่ะ รู้วึกว่าที่ผ่านมา เราคงไม่ได้ทำอะไรให้เค้าเลยจริงๆ แล้วก็สับสนมากท ว่าเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน ทำไมทำให้คนๆนึงตัดใจ เปลี่ยนไปได้ไวขนาดนี้
จนถึงวันนี้เรายังติดต่อกันค่ะ เค้าบอกว่า อยากจะกลับไปเป็นเพื่อนกัน แต่จริงๆตัวเราก็ยังทำใจไม่ได้ ยังถามเค้าในหลายๆอย่าง
ที่เราเสียใจที่สุดคือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยได้ปรับความเข้าใจกันตรงๆ จนถึงวันสุดท้าย วันที่ทุกอย่างระเบิดออกมา
แต่ทุกอย่างเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราแก้กันได้ แต่เราไม่เคยมีโอกาสได้แก้ เรื่องเทคแคร์ ถ้าเค้าบอกเรา เราก็ทำให้เค้าได้ เรื่องอิสระ เราเข้าใจว่าเราติดกันมากเกินไป แต่มันก็ปรับกันได้ไม่ใช่หรือ ทำไมต้องปล่อยมันเรื้อรังมาขนาดนี้ แล้วต้องจบแบบนี้
เราบอกเค้าว่า เราแก้กันได้นะ ตอนนี้เรารู้ปัญหากันแล้ว ให้โอกาสเราทั้งคู่กลับไปแก้มันเถอะนะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
เค้าบอกว่าเค้ารู้ แต่มันเป็นที่ใจเค้าด้วย ว่าเค้าอยากมีอิสระ อยากจะโสด บอกเราว่าไม่ต้องรอ เค้าบอกไม่รู้ปีหน้า หรืออีกสิบปี เค้าจะโสดมั้ย แต่ตอนนี้นเค้าอยากโสด และเราไม่จำเป็นต้องรอเค้า
จริงๆตั้งแต่คบกันแรกๆเค้าคุยกับเรา เค้าไม่เคยมีความคิดจะแต่งงาน หรือจริงจังกับใครค่ะ เค้าบอกเค้าอยากมีชีวิตหนุ่มโสด ขี่บิ๊กไบค์ เล่นดนตรี เสเพลแบบนี้มมาตั้งแต่เจอกันแรกๆแล้ว มีแต่เรานี่แหละ ที่คิดว่า เราเข้ามาขนาดนี้แล้ว ความคิดเค้าคงเปลี่ยนไป คิดว่า สามปีที่ผ่านมา เค้าคงไม่คิดแบบเดิมแล้ว
เราอยากรู้ว่า ถ้าเวลาผ่านไป ให้เค้าได้ใช้ชีวิตของเค้าซักพัก ส่วนเราก็กลับมาฟื้นตัวเอง ทำตัวเองให้ดี แล้ววันหนึ่งเราจะกลับไปหาเค้า ไปเริ่มใหม่ แก้ตรงที่ไม่ดี มีในสื่งที่ไม่มีตอนนี้ เป็นคนใหม่ เจอกันใหม่ โตขึ้น มีความรับผิดชอบในชีวิตของตัวเองกันมากขึ้น เทคแคร์คนรอบข้างมากขึ้น เข้าหาเค้าในแบบที่ ต่างคนต่างไม่ต้องตัดอะไร มีช่องว่างให้กันและกัน แค่มาเติมเต็มกันและกัน เราอยากรู้ในมุมมองของทุกคนว่า มันมีโอกาสมั้ยคะ
อีกเรื่องคือ เค้าเป็นคนค่อนข้างแปลก เป็นคนมีทิฐิเยอะมาก เช่น ทะเลาะกับน้องชาย ด้วยเรื่องเล็กๆ เล็กมากๆแบบแย่งกันกินขนม แต่ทุกวันนี้ก็ไม่คุยกับน้องมาสองปีแล้วค่ะ กลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ ถึงใจเค้าจะอยากกลับ แต่เค้าจะถือทิฐิ ว่านี่คือสิ่งที่เค้าเลือกแล้ว