เหตุการณ์นี้ผ่านมา 2-3 เดือนแล้วหละครับ เผอิญว่าวันนี้เจอกระทู้เก่าเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เลยอยากมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่ามันเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
เมื่อก่อนเราจะเป็นว่า พวกบูธต่างๆ จะยื่นแค่ใบปลิวให้เรา แต่มันก็พัฒนามาเรื่อยๆ ด้วยการเริ่มตื้อ จนมาถึงการแตะเนื้อต้องตัวแล้ว (หรืออาจมากกว่านั้น)
สิ่งที่ผมเจอคือ วันนั้นผมไปเดินห้างกับแม่ เพื่อจะไปซื้อของใช้ที่ห้างแห่งนึง ตอนแรกแวะไปถอนเงินก่อน พอลงบันไดเลื่อนมา เจอบูธนึง มีพนักงานผู้หญิง 2 คน สินค้าที่ขายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า (ราคาแพง) ผมกับแม่ไม่ได้มอง เพราะไม่สนใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว
จู่ๆ พนักงานหญิงคนนึง เดินมาดักหน้าไว้ กันไม่ให้ผมกับแม่เดิน พนักงานคนที่ 2 เดินตามมา จากนั้นทั้งคู่ดึงมือผมกับแม่ขึ้นมา พร้อมทั้งบอกว่า "ครีมฟรีค่ะ" ผมกับแม่บอกว่าไม่สนใจ ยังไม่จบประโยค นางเอาครีมที่อยู่บนไม้มาทาทีมือของผมกับแม่คนละ 1 ข้างทันที แล้วก็เชิญให้เข้าบูธ โดยการจูงมือเดินเข้าเพื่อไปล้างครีมออก ผมงงมาก ในใจคิดว่า ทำถึงขนาดนี้แล้วหรอวะ แต่ผมกับแม่เลอะครีมนั้นแล้ว จำใจต้องเดินไปล้าง เพราะกว่าจะเดินไปห้องน้ำก็อีกพักนึง (ขอเสริมเรื่องแพ้ครีม อันนี้ก็น่าจะสำคัญมากครับ สำหรับคนที่แพ้ง่ายอย่าให้เขาทาเด็ดขาด)
พอเช็ดปุ๊บ นางก็สาธยายสรรพคุณสินค้าปั๊บ พูดว่ามันทำมาจากถ่านภูเขาไฟนะ ของนำเข้า บลาๆ (ลืมบอกไปว่า นางบอกว่า
ไม่แพ้ง่าย เหมาะกับทุกสภาพผิว อันนี้ผมว่ามันไม่มีอะไรมายืนยันได้เลย ดูไม่น่าเชื่อถือ มาทามั่วๆ เพราะตัวเองมั่นใจในผลิตภัณฑ์ แต่ลูกค้าไม่มั่นใจก็ไม่สมควรเท่าไหร่นะ) แล้วก็วิจารณ์ผิวหน้าผมกับแม่ บอกว่ามันเหมาะกับผิวหน้าพวกเรา (รู้ได้ไง?) แต่ผมโดนหนักเพราะยังเด็กกว่า บอกว่าหน้าผมรูขุมขนกว้าง หน้ามัน หน้าเป็นสิว มีสิวหัวดำตรงจมูกและแก้ม พอใช้แล้วเห็นผลต่างเลย (นางเอาสำรีมาเช็ด แล้วมันจะมีเม็ดดำๆ เล็กๆ
ออกมา แล้วก็ชี้ให้ดูว่ามันหลุดออกจริงๆ แต่พอผมสังเกตุดูอีกรอบ ทาที่เดิม แต่ก็มีอันนี้ออกมาอีก ผมคิดว่าดำๆ นั่นคือส่วนผสมจากครีม ไม่ใช่สิว เพราะส่องกระจกดู ไม่เห็นผลอะไรเลย แต่นางคงมโนไปเอง) แม่ผมก็พูดตรงๆ เลยว่า ปกติไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้ ลูกก็มีครีมใช้อยู่แล้ว มีคลินิคที่เข้าปกติอยู่แล้ว ราคาไม่แพง แต่ผมก็เงียบนะ ฟังที่นางพูด
แล้วก็เข้าสู่การขายแบบเต็มตัว "ถ้าลูกค้าสนใจเรามีโปรโมชั่นให้" ตอนแรกบอกว่าไม่สนใจ นางบอกให้ฟังก่อน พอฟังไป ไม่มีพูดถึงราคาเลย จนแม่ผมถามจี้ไป 3-4 รอบ เพราะถามราคาไปนางไม่ตอบเลย ผมเหลือบไปเห็นที่หลอดพอดี 4,700 กว่าบาท คือหลอดใหญ่ที่เอามาทา (ส่วนตัวผมว่ามันแพงนะ) จนรอบสุดท้าย นางบอกว่าราคา 2,800 กว่าบาท (หลอดเล็ก) คุ้มกว่าเข้าคอสเสริมความงามอีก แม่ผมพอทราบราคา เดินส่ายหัวแล้วก็บอกว่า ไม่สนใจหรอก แล้วก็เดินมารอผมอยู่ข้างหน้า แต่ผมยังยืนฟังนางอยู่แปปนึง ก็บอกแค่ว่ามีส่วนลดให้ แต่ก็เลือกเดินออกมาโดยบอกว่า "ไม่สนใจอะ ไว้คราวหน้านะครับ "...ในใจคิดว่า (ไว้คราวหน้าจะไม่ยอมอะไรแบบนี้อีก) แต่ขำตรงที่พอปฏิเสธไป สีหน้า 2 คนนั้นดูเจื่อนไปเลย 555 พอซื้อของเสร็จ เดินมาก็เจออีกบูธนึง เป็นที่ประจำ บูธนี้เน้นผู้หญิงเป็นหลัก แม่ผมก็โดนตามตื้อ แต่แม่ปฏิเสธและเดินหนี เพราะนางเดินตาม บอกว่าใส่ชื่อกับเบอร์โทรไว้ก็ได้
สรุปคือวันนั้นเซ็งมากและไม่คิดว่า การขายของอะไรแบบนี้มันจะล้ำหน้าถึงขนาดที่ว่าเข้าถึงตัวเราโดยที่เรายังไม่ให้สิทธิ์กับเขาเลย
แต่ปกติผมเดินห้างคนเดียวจะไม่เจออะไรพวกนี้ เพราะหน้าผมเป็นคนเหวี่ยงๆ ไม่เป็นมิตร ถ้าเจอจับแขน ก็จะดึงมือกลับ
จริงๆ มันมีหลายครั้งนะ เมื่อก่อนไปเดินห้างกับเพื่อน เพื่อนผู้หญิงก็โดนอะไรแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมซื้อ แล้วก็บ่นให้ฟังว่าไม่เห็นผลเลย วิธีมีมากมาย อยู่ที่คุณจะเลือก จะเหวี่ยงไปเลย โดยการสะบัดแขน มองตาแข็ง จิกตาใส่/ไม่สนใจเลย เมินไปเลย ไม่ต้องสบตา/ถ้าว่างก็ไปนั่งฟัง แต่ก็ปฏิเสธ เดินออกมาเลย ให้พวกนั้นเสียเวลาเล่นๆ อยู่ที่คุณเลือก
สุดท้ายคุณจะยอมเสียเงินเพราะเกรงใจคนที่ไม่รู้จัก หรือจะเดินออกมา แต่รู้สึกแย่หน่อยเพราะเขามองคุณไม่ดี แต่เพื่อความสบายใจและเงินในกระเป๋า
*แก้ไขคำผิด+เพิ่มประโยคที่ตกหล่น
แชร์ประสบการณ์ โดนลากเข้าบูธขายครีม
เมื่อก่อนเราจะเป็นว่า พวกบูธต่างๆ จะยื่นแค่ใบปลิวให้เรา แต่มันก็พัฒนามาเรื่อยๆ ด้วยการเริ่มตื้อ จนมาถึงการแตะเนื้อต้องตัวแล้ว (หรืออาจมากกว่านั้น)
สิ่งที่ผมเจอคือ วันนั้นผมไปเดินห้างกับแม่ เพื่อจะไปซื้อของใช้ที่ห้างแห่งนึง ตอนแรกแวะไปถอนเงินก่อน พอลงบันไดเลื่อนมา เจอบูธนึง มีพนักงานผู้หญิง 2 คน สินค้าที่ขายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า (ราคาแพง) ผมกับแม่ไม่ได้มอง เพราะไม่สนใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว
จู่ๆ พนักงานหญิงคนนึง เดินมาดักหน้าไว้ กันไม่ให้ผมกับแม่เดิน พนักงานคนที่ 2 เดินตามมา จากนั้นทั้งคู่ดึงมือผมกับแม่ขึ้นมา พร้อมทั้งบอกว่า "ครีมฟรีค่ะ" ผมกับแม่บอกว่าไม่สนใจ ยังไม่จบประโยค นางเอาครีมที่อยู่บนไม้มาทาทีมือของผมกับแม่คนละ 1 ข้างทันที แล้วก็เชิญให้เข้าบูธ โดยการจูงมือเดินเข้าเพื่อไปล้างครีมออก ผมงงมาก ในใจคิดว่า ทำถึงขนาดนี้แล้วหรอวะ แต่ผมกับแม่เลอะครีมนั้นแล้ว จำใจต้องเดินไปล้าง เพราะกว่าจะเดินไปห้องน้ำก็อีกพักนึง (ขอเสริมเรื่องแพ้ครีม อันนี้ก็น่าจะสำคัญมากครับ สำหรับคนที่แพ้ง่ายอย่าให้เขาทาเด็ดขาด)
พอเช็ดปุ๊บ นางก็สาธยายสรรพคุณสินค้าปั๊บ พูดว่ามันทำมาจากถ่านภูเขาไฟนะ ของนำเข้า บลาๆ (ลืมบอกไปว่า นางบอกว่า ไม่แพ้ง่าย เหมาะกับทุกสภาพผิว อันนี้ผมว่ามันไม่มีอะไรมายืนยันได้เลย ดูไม่น่าเชื่อถือ มาทามั่วๆ เพราะตัวเองมั่นใจในผลิตภัณฑ์ แต่ลูกค้าไม่มั่นใจก็ไม่สมควรเท่าไหร่นะ) แล้วก็วิจารณ์ผิวหน้าผมกับแม่ บอกว่ามันเหมาะกับผิวหน้าพวกเรา (รู้ได้ไง?) แต่ผมโดนหนักเพราะยังเด็กกว่า บอกว่าหน้าผมรูขุมขนกว้าง หน้ามัน หน้าเป็นสิว มีสิวหัวดำตรงจมูกและแก้ม พอใช้แล้วเห็นผลต่างเลย (นางเอาสำรีมาเช็ด แล้วมันจะมีเม็ดดำๆ เล็กๆ
ออกมา แล้วก็ชี้ให้ดูว่ามันหลุดออกจริงๆ แต่พอผมสังเกตุดูอีกรอบ ทาที่เดิม แต่ก็มีอันนี้ออกมาอีก ผมคิดว่าดำๆ นั่นคือส่วนผสมจากครีม ไม่ใช่สิว เพราะส่องกระจกดู ไม่เห็นผลอะไรเลย แต่นางคงมโนไปเอง) แม่ผมก็พูดตรงๆ เลยว่า ปกติไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้ ลูกก็มีครีมใช้อยู่แล้ว มีคลินิคที่เข้าปกติอยู่แล้ว ราคาไม่แพง แต่ผมก็เงียบนะ ฟังที่นางพูด
แล้วก็เข้าสู่การขายแบบเต็มตัว "ถ้าลูกค้าสนใจเรามีโปรโมชั่นให้" ตอนแรกบอกว่าไม่สนใจ นางบอกให้ฟังก่อน พอฟังไป ไม่มีพูดถึงราคาเลย จนแม่ผมถามจี้ไป 3-4 รอบ เพราะถามราคาไปนางไม่ตอบเลย ผมเหลือบไปเห็นที่หลอดพอดี 4,700 กว่าบาท คือหลอดใหญ่ที่เอามาทา (ส่วนตัวผมว่ามันแพงนะ) จนรอบสุดท้าย นางบอกว่าราคา 2,800 กว่าบาท (หลอดเล็ก) คุ้มกว่าเข้าคอสเสริมความงามอีก แม่ผมพอทราบราคา เดินส่ายหัวแล้วก็บอกว่า ไม่สนใจหรอก แล้วก็เดินมารอผมอยู่ข้างหน้า แต่ผมยังยืนฟังนางอยู่แปปนึง ก็บอกแค่ว่ามีส่วนลดให้ แต่ก็เลือกเดินออกมาโดยบอกว่า "ไม่สนใจอะ ไว้คราวหน้านะครับ "...ในใจคิดว่า (ไว้คราวหน้าจะไม่ยอมอะไรแบบนี้อีก) แต่ขำตรงที่พอปฏิเสธไป สีหน้า 2 คนนั้นดูเจื่อนไปเลย 555 พอซื้อของเสร็จ เดินมาก็เจออีกบูธนึง เป็นที่ประจำ บูธนี้เน้นผู้หญิงเป็นหลัก แม่ผมก็โดนตามตื้อ แต่แม่ปฏิเสธและเดินหนี เพราะนางเดินตาม บอกว่าใส่ชื่อกับเบอร์โทรไว้ก็ได้
สรุปคือวันนั้นเซ็งมากและไม่คิดว่า การขายของอะไรแบบนี้มันจะล้ำหน้าถึงขนาดที่ว่าเข้าถึงตัวเราโดยที่เรายังไม่ให้สิทธิ์กับเขาเลย
แต่ปกติผมเดินห้างคนเดียวจะไม่เจออะไรพวกนี้ เพราะหน้าผมเป็นคนเหวี่ยงๆ ไม่เป็นมิตร ถ้าเจอจับแขน ก็จะดึงมือกลับ
จริงๆ มันมีหลายครั้งนะ เมื่อก่อนไปเดินห้างกับเพื่อน เพื่อนผู้หญิงก็โดนอะไรแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมซื้อ แล้วก็บ่นให้ฟังว่าไม่เห็นผลเลย วิธีมีมากมาย อยู่ที่คุณจะเลือก จะเหวี่ยงไปเลย โดยการสะบัดแขน มองตาแข็ง จิกตาใส่/ไม่สนใจเลย เมินไปเลย ไม่ต้องสบตา/ถ้าว่างก็ไปนั่งฟัง แต่ก็ปฏิเสธ เดินออกมาเลย ให้พวกนั้นเสียเวลาเล่นๆ อยู่ที่คุณเลือก
สุดท้ายคุณจะยอมเสียเงินเพราะเกรงใจคนที่ไม่รู้จัก หรือจะเดินออกมา แต่รู้สึกแย่หน่อยเพราะเขามองคุณไม่ดี แต่เพื่อความสบายใจและเงินในกระเป๋า
*แก้ไขคำผิด+เพิ่มประโยคที่ตกหล่น