เรื่องเอาคนไม่คืนหนี้เงินกู้ กยศ. เข้าเครดิตบูโรที่เลื่อนจากปี 61ไปปี 63พอถึงวันนั้นก็คงเลือนอีกใช่มั้ย.

แบงค์ คงไม่อยากให้เอาเข้า เพราะถ้าเอาเข้าแล้วมีข้อมูลว่าติด ไม่จ่ายหนี้


แบงค์กลัวว่า จะปล่อยกู้ไม่ได้ ถ้าใช้เกณฑ์ว่า   ไม่ปล่อยเงินกู้ซ์้อบ้านซื้อรถ

แบงค์กลัวปล่อยไม่ได้  แบงค์เสียรายได้


แบงค์จะยอมให้รัฐเอาเข้าหรือ


และพอถึงวันนั้น  มีเลือกตั้ง คงมีพรรคการเมืองออกนโยบาย


ยกหนี้ กยศ.ให้หมด ไม่ต้องจ่าย  ... หรือ ออกนโยบาย ว่า ไม่เอาชื่อคนไม่ส่งเงินเข้าเครดิตบูโร  แน่ๆๆๆๆๆ นอน

ต้องมีพรรคการเมือง ออกนโยบายนี้แน่นอน


....... ขนาดมี นักข่าวไปสัมภาษณ์ ครูที่สอบบบรรจุ และ ข้าราชการบางส่วน ที่ไม่จ่ายหนี้คืน

เค้าตอบกันว่า  ไม่รู้ว่าไม่ต้องจ่ายคืน  และบ้างคนบอกว่า ไม่คืนก็ไม่เป็นไร



...... แบงค์ คงกดดันให้รัฐเลื่อนออกไปเรื่อยๆ  ไม่งั้น เดี่ยวหาคนมากู้ มาผ่อนรถไม่ได้
แบงค์ขาดรายได้

  
อย่างคนไม่ส่งเงินกู้  แม้จะมีรายได้เดือนละ  5 หมื่นบาท  เพราะจบสาขาที่ตลาดต้องการ  

แค่โบนัส ปีเดียวก็จ่ายได้แล้ว      แต่ไม่จ่าย เอาไปผ่อนบ้าน ผ่อนรถดีกว่า เพราะคิดว่า ผ่อนพวกนี้ได้ใช้

แต่ เอาไปผ่อนหนี้ กยศ. ตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไร

และถ้าเก็บเงินไว้ ไม่ส่งแล้วเอาไปจ่ายหน้าศาลเลย  คงคิดว่า ดอกเบี้ยก็คงไม่ต้องเสียจ่ายแต่เงินต้น

ก็ได้ ถ้ายังเก็บเงินมีเงินเก็บ ไม่เผลอไปเที่ยวต่างประเทศหมด



....... กับ อีกกรณี  ถ้าเครดิตดี  กู้หนี้  แล้วจ่ายตรงเวลา

ก็ไม่ได้ การันตี ว่า ประวัติดี  ส่งเงินกู้ทุกอย่าง ไม่มีเบี้ยว   
แล้วแบงค์จะปล่อยกู้ ซื้อบ้าน  นิ
กู้ซื้อบ้าน แบงค์อาจไม่ปลอยกู้ได้  ซื้อบ้านหลังที่ 4 ที่ 5 ซื้อที่ดิน เก็บไว้กลัวมันจะขึ้นราคาอีก
ที่ดินแบงค์ปล่อยไม่ถึง  80 %  
คนรายได้น้อย จ่ายตรงครบ  แต่อาจกู้ซื้อบ้านไม่ได้       ก็เป็นได้



อาจจะเสียเปรียบ เมื่อเทียบกับ
คนที่รายได้เยอะ  ไม่จ่ายหนี้  แต่มีเงินเก็บซื้อบ้าน ซื้อรถเงินสดก็ได้
เพราะไม่จ่ายหนี้ ไม่ต้องเสียดอกให้แบงค์ เลยมีเงินเก็บ

คนไม่จ่ายอาจจะคิดแบบนี้ ก็ได้อ่านตำราฝรั่งมาว่า  เงินสดอยู่ในมือคือพระเจ้า
จะซื้ออะไรเมื่อไหร่จะต่อรองเท่าไหร่ก็ได้

คงต้องประหยัดเอา ถ้าอยากซื้อบ้านเงินสด   ประหยัดเท่าไหร่จะซื้อได้มั้ยย ราคามันขึ้นทุกวัน

ไม่ได้มีเป็นหมื่นล้าน ด้วยสิ จะได้ซื้อเงินสด