คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ความร่ำรวยนั้น เริ่มต้นต้องมีเหลือเก็บ พอเหลือเก็บแล้วทำธุรกิจหรือกิจการใดๆให้
งอกเงยแล้วเหลือกินเหลือใช้ ก็จะเริ่มเข้าสู่ความรวย
พอดีผมอยู่เมืองจีน คุยกับเพื่อนเก่าซึ่งแต่ก่อนเป็นลูกจ้างอยู่บริษัทเดียวกันสองคน ห้าปี
ที่แล้วคนนึงมาเปิดบริษัทของตัวเองมีลูกจ้างเป็นสิบแล้ว และอีกคนเพิ่งเปิดบริษัทมา ๓ ปี
กิจการรุ่งเรือง เริ่มมีโรงงานเป็นของตัวเองและกำลังสร้างออฟฟิศใหม่อยู่ อีกคนเป็นเจ้าของ
โรงงานที่ผลิตสินค้าให้สองคนนี้ขาย สรุปว่าเป็นเจ้าของกิจการสี่คนคุยกัน หนึ่งในหัวข้อ
ที่สนทนากันก็คือเรื่องความรวย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผู้ชายคนที่เป็นเจ้าของบริษัทส่งออกมาห้าปี บอกว่าแฮปปี้กับชีวิตมาก และแฮปปี้มากที่เจอ
ผม(เพราะรู้จักผมตั้งแต่ตอนเป็นลูกจ้างเมื่อสิบกว่าปีก่อน) ตอนนี้มันแฮปปี้กับชีวิตมาก
อย่าไปพูดถึงธุรกิจเลยมาดื่มกันดีกว่า ปรากฏว่าเล่นเหล้าจีน(เทียบเท่าเหมาไถ)
กันไปสี่คนสองขวด เบียร์อีกประมาณลังนึง
ความรวยของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน เหลือกินเหลือใช้มีความสุขกับชีวิต เป็นเจ้าของ
กิจการที่ไปได้สวย เพื่อนที่เป็นเจ้าของกิจการ ๕ ปี เค้าก็แฮปปี้กับชีวิตแล้ว ผมเลยบอก
มันไปว่าสำหรับผมแล้วพวกเราอยู่ดีมีสุขอยากจะทำอะไรก็ทำได้เป็นส่วนใหญ่ แต่คนที่
จะใช้คำว่ารวยนั้นควรจะมีเงินมากระดับเป็นพันล้านขึ้นไป มีบ้านหลังใหญ่ๆ มีรถซุปเปอร์
คาร์หลายๆคัน มีเรือยอร์ชขนาดห้าสิบฟุตขึ้นไปไว้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ มีคอนโดตาม
หัวเมืองต่างๆ ผมบอกเค้าว่ามีเพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัทมหาชน บางคนเป็นเจ้าของบริษัท
มหาชนสามสี่บริษัท มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน แค่เครื่องเสียงที่เล่นก็มีมูลค่าเป็นร้อยล้าน
แล้ว อย่างพวกเราอย่างเก่งก็มีกันคนละร้อยสองร้อย เรือยอร์ชก็ยังไม่มีกันเลย เครื่องบิน
ส่วนตัวก็ยังไม่มีกัน อพาร์ทเมนท์ตามหัวเมือง เอาแค่ในเมืองไทยนี่ผมก็ยังมีไม่กี่แห่งเลย
จะนับว่ารวยได้ยังไง
ผมเลยบอกว่าพวกเอ็งไม่รู้หรอกว่าคนรวยจริงๆมันมีมากขนาดว่า เพื่อนผมบางคนมันมีอพาร์เมนต์
อยู่ที่ประเทศอังกฤษ เปิดไว้ให้แฟนเด็ก(อายุยี่สิบก่าๆ)อยู่ เวลาคิดถึงมันก็บินไปหา มีไร่องุ่นเป็น
ของตัวเอง มีกิจการที่ไม่ต้องดูแลเพียงแต่เข้าร่วมประชุมกรรมการฯ บ้างเป็นบางครั้ง มีเงิน
เดือนละเบี้ยประชุมเดือนละหลายล้านบาท เพราะมีบริษัทในเครือหลายบริษัท (ประมาณน้องๆ
เจ้าสัวเลย) สมัยก่อนบริษัทเพื่อนคนนี้เคยอยู่ในตลาดฯ แต่ตอนหลังดึงออกมา คงเพราะกิจการดี
มาก ดังนั้นมีเงินอย่างพวกเรามีอิสระอย่างพวกเราก็ยังรวยไม่จริงนะจะบอกให้
จขกทควรจะตั้งเป้าหมายให้สูงไว้ก่อนในชีวิตเพราะเพิ่งจะอายุแค่ ยี่สิบหกปีเท่านั้น อีกหน่อยเงิน
พันล้านมันก็จะเป็นเงินไม่ได้มากมายอะไรแล้ว ช่วงแรกอดออมและหาจังหวะทำธุรกิจดีๆไม่ต้อง
ใจเร็วด่วนได้ จะมีโอกาสรวยหากตั้งเป้าหมายเอาไว้แต่แรก ส่วนที่ผมไม่มีเป็นพันก็คงเพราะผม
ไม่เคยตั้งเป้าหมายอะไรเลย หาเงินง่าย ใช้เงินง่ายๆ ไม่เคยคิดจะประหยัดอะไรเลย อยากกินก็กิน
อยากใช้ก็ใช้ไม่เคยคิดจะเก็บตังค์อะไรแต่มันก็มีเหลือๆเพราะสมัยเป็นลูกจ้างเงินเดือนสูง คิดว่า
ตัวเองรวยแล้วเพราะทำอะไรก็ได้ นั่งเครื่องบินถ้าเกินสองชั่วโมง ก็ชั้นธุรกิจ รถก็รถยุโรปซะส่วนใหญ่
แต่พอเจอเพื่อนเก่าๆแล้วจ๋อยเลยเพราะแค่เครื่องเสียงมันก็เป็นร้อยล้านเลย บางคนแค่ไร่องุ่นมันแถว
โคราชก็มีมูลค่าหลายร้อยล้านแล้ว บางคนมีตึกอพาร์ทเม้นต์แถวสุขุมวิท เมื่อสิบปีที่แล้วมันบอกว่ากำไร
ค่าไฟก็เดือนละเจ็ดล้าน แบงค์ประเมิน ๓๐๐๐ ล้านปัจจุบันคงประเมินเป็นหมื่นล้านแล้วมั๊ง นี่ยังไม่นับ
โรงงานที่มีอยู่อีกหลายโรง มีเรือยอร์ช มีบ้านในหลายๆประเทศ ชอบไปตีก๊อป ตามรีสอร์ต่างๆ ตปท
ฯลฯ เป็นต้น
ที่เล่ามานี่เพราะผมอาจจะสัมผัสคนที่รวยๆแต่เห็นแล้วไม่ได้ใส่ใจเพราะที่บ้านก็มีฐานะ การที่ผม
ไม่ใส่ใจนี่มันทำให้ไม่มีเป้าหมาย ในชีวิตเท่าใด สมัยก่อนเด็กๆคิดว่ามีสิบยี่สิบก็รวยแล้ว พอมีจริงๆก็งั้นๆ
พอมีเป็นร้อยก็งั้นๆอีก เพราะส่วนใหญ่มันเป็นทรัพย์สิน ไปเที่ยวจะนอนโรงแรมคืนละหมื่นก็เสียดาย
เงินอีก หยกๆไปช้อปปิ้งฮ่องกงก็แค่นอนโรงแรมห้าดาวคืนละห้าพันบาทเท่านั้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(อิอิ จองอโกด้าได้ราคาถูก สงสัยว่าพอแก่แล้วจะเริ่มขี้เหนียว) โรงแรมหกดาวคืนละแค่หมื่นกว่าบาท
ลดแล้วเหลือเจ็ดแปดพันก็ยังเสียดายเงิน ๕๕๕ งกจริงๆตรู แสดงว่ายังไม่รวยจริงๆ ตอนหนุ่มๆรวยกว่า
เพราะกล้าจ่ายเงินเป็นแสน (สมัยยี่สิบสามสิบปีก่อนเงินแสนเยอะนะครับ) ซื้อนาฬิกาเรือนทอง เปิดเมม ฯลฯ
เรื่องจริงนะครับที่เล่าๆมา จขกทอ่านแล้วอาจจะตั้งเป้าหมายใหม่ เพราะมีชีวิตเดียว ตั้งเป้าหมายให้สูงไว้ก่อน
เพราะผมมองว่าถ้าผมกลับไปอายุ ๒๖ ถ้าผมตั้งเป้าหมายไว้ป่านนี้ผมมีเป็นพันแล้วจริงๆ เพราะเอาง่ายๆ
ที่ดินเมื่อก่อนตามชานเมืองวาละไม่กี่ร้อยไม่กี่พัน ปัจจุบันวาละห้าหมื่นเป็นอย่างต่ำบางที่เป็นแสนแล้ว ถ้าผม
แค่เอาเงินที่เที่ยวๆตอนหนุ่มๆ เปิดเมมทีละเป็นแสน ประหยัดมาซักครึ่งปีนึงปีนึงก็ซื้อที่ได้หลายไร่แล้ว แทน
ที่จะไปสำมะเลเทเมาหมดเงินเป็นล้านๆๆ ไปกับการกินเที่ยวสมัยหนุ่มๆ ประหยัดเที่ยวมาซักครึ่งนึงก็จะมีที่ดิน
เป็นหลายสิบไร่ แค่เอาแถวเกษตรตัดใหม่นี่ก็คงรวยเป็นพันล้านแล้วจริงๆนะ
เก็บเงิน เล่นที่ดินไว้บ้าง ต่อไปถึงจขกทไม่มีเป็นพันก็ต้องมีเป็นร้อยอยู่แล้วถ้ามีที่ดิน เพราะเงินมันเฟ้อ อีกสามสิบปี
ข้างหน้าเงินร้อยล้านก็คงประมาณสิบยี่สิบล้านในปัจจุบัน ดังนั้นจึงควรตั้งเป้าหมายสูงๆไว้ก่อน
งอกเงยแล้วเหลือกินเหลือใช้ ก็จะเริ่มเข้าสู่ความรวย
พอดีผมอยู่เมืองจีน คุยกับเพื่อนเก่าซึ่งแต่ก่อนเป็นลูกจ้างอยู่บริษัทเดียวกันสองคน ห้าปี
ที่แล้วคนนึงมาเปิดบริษัทของตัวเองมีลูกจ้างเป็นสิบแล้ว และอีกคนเพิ่งเปิดบริษัทมา ๓ ปี
กิจการรุ่งเรือง เริ่มมีโรงงานเป็นของตัวเองและกำลังสร้างออฟฟิศใหม่อยู่ อีกคนเป็นเจ้าของ
โรงงานที่ผลิตสินค้าให้สองคนนี้ขาย สรุปว่าเป็นเจ้าของกิจการสี่คนคุยกัน หนึ่งในหัวข้อ
ที่สนทนากันก็คือเรื่องความรวย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผู้ชายคนที่เป็นเจ้าของบริษัทส่งออกมาห้าปี บอกว่าแฮปปี้กับชีวิตมาก และแฮปปี้มากที่เจอ
ผม(เพราะรู้จักผมตั้งแต่ตอนเป็นลูกจ้างเมื่อสิบกว่าปีก่อน) ตอนนี้มันแฮปปี้กับชีวิตมาก
อย่าไปพูดถึงธุรกิจเลยมาดื่มกันดีกว่า ปรากฏว่าเล่นเหล้าจีน(เทียบเท่าเหมาไถ)
กันไปสี่คนสองขวด เบียร์อีกประมาณลังนึง
ความรวยของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน เหลือกินเหลือใช้มีความสุขกับชีวิต เป็นเจ้าของ
กิจการที่ไปได้สวย เพื่อนที่เป็นเจ้าของกิจการ ๕ ปี เค้าก็แฮปปี้กับชีวิตแล้ว ผมเลยบอก
มันไปว่าสำหรับผมแล้วพวกเราอยู่ดีมีสุขอยากจะทำอะไรก็ทำได้เป็นส่วนใหญ่ แต่คนที่
จะใช้คำว่ารวยนั้นควรจะมีเงินมากระดับเป็นพันล้านขึ้นไป มีบ้านหลังใหญ่ๆ มีรถซุปเปอร์
คาร์หลายๆคัน มีเรือยอร์ชขนาดห้าสิบฟุตขึ้นไปไว้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ มีคอนโดตาม
หัวเมืองต่างๆ ผมบอกเค้าว่ามีเพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัทมหาชน บางคนเป็นเจ้าของบริษัท
มหาชนสามสี่บริษัท มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน แค่เครื่องเสียงที่เล่นก็มีมูลค่าเป็นร้อยล้าน
แล้ว อย่างพวกเราอย่างเก่งก็มีกันคนละร้อยสองร้อย เรือยอร์ชก็ยังไม่มีกันเลย เครื่องบิน
ส่วนตัวก็ยังไม่มีกัน อพาร์ทเมนท์ตามหัวเมือง เอาแค่ในเมืองไทยนี่ผมก็ยังมีไม่กี่แห่งเลย
จะนับว่ารวยได้ยังไง
ผมเลยบอกว่าพวกเอ็งไม่รู้หรอกว่าคนรวยจริงๆมันมีมากขนาดว่า เพื่อนผมบางคนมันมีอพาร์เมนต์
อยู่ที่ประเทศอังกฤษ เปิดไว้ให้แฟนเด็ก(อายุยี่สิบก่าๆ)อยู่ เวลาคิดถึงมันก็บินไปหา มีไร่องุ่นเป็น
ของตัวเอง มีกิจการที่ไม่ต้องดูแลเพียงแต่เข้าร่วมประชุมกรรมการฯ บ้างเป็นบางครั้ง มีเงิน
เดือนละเบี้ยประชุมเดือนละหลายล้านบาท เพราะมีบริษัทในเครือหลายบริษัท (ประมาณน้องๆ
เจ้าสัวเลย) สมัยก่อนบริษัทเพื่อนคนนี้เคยอยู่ในตลาดฯ แต่ตอนหลังดึงออกมา คงเพราะกิจการดี
มาก ดังนั้นมีเงินอย่างพวกเรามีอิสระอย่างพวกเราก็ยังรวยไม่จริงนะจะบอกให้
จขกทควรจะตั้งเป้าหมายให้สูงไว้ก่อนในชีวิตเพราะเพิ่งจะอายุแค่ ยี่สิบหกปีเท่านั้น อีกหน่อยเงิน
พันล้านมันก็จะเป็นเงินไม่ได้มากมายอะไรแล้ว ช่วงแรกอดออมและหาจังหวะทำธุรกิจดีๆไม่ต้อง
ใจเร็วด่วนได้ จะมีโอกาสรวยหากตั้งเป้าหมายเอาไว้แต่แรก ส่วนที่ผมไม่มีเป็นพันก็คงเพราะผม
ไม่เคยตั้งเป้าหมายอะไรเลย หาเงินง่าย ใช้เงินง่ายๆ ไม่เคยคิดจะประหยัดอะไรเลย อยากกินก็กิน
อยากใช้ก็ใช้ไม่เคยคิดจะเก็บตังค์อะไรแต่มันก็มีเหลือๆเพราะสมัยเป็นลูกจ้างเงินเดือนสูง คิดว่า
ตัวเองรวยแล้วเพราะทำอะไรก็ได้ นั่งเครื่องบินถ้าเกินสองชั่วโมง ก็ชั้นธุรกิจ รถก็รถยุโรปซะส่วนใหญ่
แต่พอเจอเพื่อนเก่าๆแล้วจ๋อยเลยเพราะแค่เครื่องเสียงมันก็เป็นร้อยล้านเลย บางคนแค่ไร่องุ่นมันแถว
โคราชก็มีมูลค่าหลายร้อยล้านแล้ว บางคนมีตึกอพาร์ทเม้นต์แถวสุขุมวิท เมื่อสิบปีที่แล้วมันบอกว่ากำไร
ค่าไฟก็เดือนละเจ็ดล้าน แบงค์ประเมิน ๓๐๐๐ ล้านปัจจุบันคงประเมินเป็นหมื่นล้านแล้วมั๊ง นี่ยังไม่นับ
โรงงานที่มีอยู่อีกหลายโรง มีเรือยอร์ช มีบ้านในหลายๆประเทศ ชอบไปตีก๊อป ตามรีสอร์ต่างๆ ตปท
ฯลฯ เป็นต้น
ที่เล่ามานี่เพราะผมอาจจะสัมผัสคนที่รวยๆแต่เห็นแล้วไม่ได้ใส่ใจเพราะที่บ้านก็มีฐานะ การที่ผม
ไม่ใส่ใจนี่มันทำให้ไม่มีเป้าหมาย ในชีวิตเท่าใด สมัยก่อนเด็กๆคิดว่ามีสิบยี่สิบก็รวยแล้ว พอมีจริงๆก็งั้นๆ
พอมีเป็นร้อยก็งั้นๆอีก เพราะส่วนใหญ่มันเป็นทรัพย์สิน ไปเที่ยวจะนอนโรงแรมคืนละหมื่นก็เสียดาย
เงินอีก หยกๆไปช้อปปิ้งฮ่องกงก็แค่นอนโรงแรมห้าดาวคืนละห้าพันบาทเท่านั้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(อิอิ จองอโกด้าได้ราคาถูก สงสัยว่าพอแก่แล้วจะเริ่มขี้เหนียว) โรงแรมหกดาวคืนละแค่หมื่นกว่าบาท
ลดแล้วเหลือเจ็ดแปดพันก็ยังเสียดายเงิน ๕๕๕ งกจริงๆตรู แสดงว่ายังไม่รวยจริงๆ ตอนหนุ่มๆรวยกว่า
เพราะกล้าจ่ายเงินเป็นแสน (สมัยยี่สิบสามสิบปีก่อนเงินแสนเยอะนะครับ) ซื้อนาฬิกาเรือนทอง เปิดเมม ฯลฯ
เรื่องจริงนะครับที่เล่าๆมา จขกทอ่านแล้วอาจจะตั้งเป้าหมายใหม่ เพราะมีชีวิตเดียว ตั้งเป้าหมายให้สูงไว้ก่อน
เพราะผมมองว่าถ้าผมกลับไปอายุ ๒๖ ถ้าผมตั้งเป้าหมายไว้ป่านนี้ผมมีเป็นพันแล้วจริงๆ เพราะเอาง่ายๆ
ที่ดินเมื่อก่อนตามชานเมืองวาละไม่กี่ร้อยไม่กี่พัน ปัจจุบันวาละห้าหมื่นเป็นอย่างต่ำบางที่เป็นแสนแล้ว ถ้าผม
แค่เอาเงินที่เที่ยวๆตอนหนุ่มๆ เปิดเมมทีละเป็นแสน ประหยัดมาซักครึ่งปีนึงปีนึงก็ซื้อที่ได้หลายไร่แล้ว แทน
ที่จะไปสำมะเลเทเมาหมดเงินเป็นล้านๆๆ ไปกับการกินเที่ยวสมัยหนุ่มๆ ประหยัดเที่ยวมาซักครึ่งนึงก็จะมีที่ดิน
เป็นหลายสิบไร่ แค่เอาแถวเกษตรตัดใหม่นี่ก็คงรวยเป็นพันล้านแล้วจริงๆนะ
เก็บเงิน เล่นที่ดินไว้บ้าง ต่อไปถึงจขกทไม่มีเป็นพันก็ต้องมีเป็นร้อยอยู่แล้วถ้ามีที่ดิน เพราะเงินมันเฟ้อ อีกสามสิบปี
ข้างหน้าเงินร้อยล้านก็คงประมาณสิบยี่สิบล้านในปัจจุบัน ดังนั้นจึงควรตั้งเป้าหมายสูงๆไว้ก่อน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ตอบจากที่เห็นมานะ คนอายุน้อยที่อยากร่ำรวยเป็นเรื่องดี
แต่ส่วนใหญ่จะมองเห็นแต่เป้าหมาย ไม่ใส่ใจวิธีการ
พูดง่ายๆ อยากรวยทางลัด อยากรวยภายใน 2-3 ปี ถ้าภายในเดือนเดียวได้ยิ่งตาลุกวาว
สุดท้ายก็จะไปจบที่
1.แชร์ลูกโซ่ อันนี้เงินหมด เผลอๆเป็นหนี้อีก
2. ขายตรง อันนี้ถ้าทำตรงไปตรงมา นานแน่ ถ้าสต๊อคของ จบไม่ต่างจากข้อ 1
3. เล่นหุ้น เทรด Forex เทรดฟิวเจอร์ Bitcion ฯลฯ พวกนี้ก็อย่างที่รู้ เจ๊งมากกว่าสำเร็จ
4. ขายของออนไลน์ เรดโอเชียนเลยนะเนี่ย แต่มีโอกาสถ้าจับตลาดถูก แต่ต้องเก่งจริงด้วยแหละ
5. เปิดร้านกาแฟ แทบจะนับวันเจ๊งได้เลย น้อยนักจะรอด ส่วนใหญ่คือ หมดทุน หมดใจ ไม่ก็ทั้งสองอย่าง
ลืมตอบไปอีกข้อ ตอนนี้ชีวิตโอเคเลย ทั้งสถานะทางการเงิน ครอบครัว สุขภาพ
รู้อยู่แล้วว่าเงินซื้อได้เกือบทุกอย่าง ตอนนี้ยิ่งเข้าใจว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
แต่ส่วนใหญ่จะมองเห็นแต่เป้าหมาย ไม่ใส่ใจวิธีการ
พูดง่ายๆ อยากรวยทางลัด อยากรวยภายใน 2-3 ปี ถ้าภายในเดือนเดียวได้ยิ่งตาลุกวาว
สุดท้ายก็จะไปจบที่
1.แชร์ลูกโซ่ อันนี้เงินหมด เผลอๆเป็นหนี้อีก
2. ขายตรง อันนี้ถ้าทำตรงไปตรงมา นานแน่ ถ้าสต๊อคของ จบไม่ต่างจากข้อ 1
3. เล่นหุ้น เทรด Forex เทรดฟิวเจอร์ Bitcion ฯลฯ พวกนี้ก็อย่างที่รู้ เจ๊งมากกว่าสำเร็จ
4. ขายของออนไลน์ เรดโอเชียนเลยนะเนี่ย แต่มีโอกาสถ้าจับตลาดถูก แต่ต้องเก่งจริงด้วยแหละ
5. เปิดร้านกาแฟ แทบจะนับวันเจ๊งได้เลย น้อยนักจะรอด ส่วนใหญ่คือ หมดทุน หมดใจ ไม่ก็ทั้งสองอย่าง
ลืมตอบไปอีกข้อ ตอนนี้ชีวิตโอเคเลย ทั้งสถานะทางการเงิน ครอบครัว สุขภาพ
รู้อยู่แล้วว่าเงินซื้อได้เกือบทุกอย่าง ตอนนี้ยิ่งเข้าใจว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมผู้ใหญ่ที่ไม่รวย ถึงไม่ค่อยเห็นด้วย กับความคิดของคนอายุน้อยกว่าที่อยากร่ำรวย
ปีนี้ผมอายุ 26 ปี ผมเขียนเป้าหมายว่า อยากได้อะไร อยากทำอะไร
อย่างแรก คือ ผมอยากเก็บเงินไว้สำหรับไปศึกษาดูงานบ้านเมืองประเทศอื่นให้มากที่สุด
อย่างที่สอง ผมอยากทำงานการกุศลสัก 1 อย่างฝากไว้ให้กับแผ่นดินไทย เช่น บริจาคที่ดิน
อย่างที่สาม ผมอยากใช้รถยุโรป อย่างเช่น MB หรือ BMW ตลอดชีวิต เพราะมีโอกาสได้นั่งแล้วประทับใจ
ตอนนี้ผมยังโสด และสนุกไปกับการค่อยๆแต่งเติมฝันเป้าหมายให้แจ่มชัดชัดเจนยิ่งขึ้น
ครอบครัวสมาชิกพันทิปท่านใด รู้สึกว่าชีวิตนี้ โอเคแล้ว แล้วรู้สึกตั้งแต่เมื่อไหร่
ท่านมีกลเม็ดเคล็ดลับอย่างไรในการมีชีวิตอยู่ให้รอด แล้วทำให้รวยยิ่งๆขึ้นไปครับ