EVA Air (BR)
Bangkok (BKK) – Taipei (TPE)
29 May 2017
Depart: 1:45AM
Arrive: 6:35AM
Duration: 3hr50min
Aircraft: Boeing 777-300ER (77B)
Seat: 11D (Business Class)
วันนี้ผมขอพาชมสายการบินที่ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ของประเทศไต้หวันกันครับ นั่นก็คือ EVA Air นั่นเอง ซึ่งที่นั่งของ Royal Laurel Class จัดวางแบบ herringbone ซึ่งเป็นพิมพิ์นิยมของ Business Class ปัจจุบันครับ
Pre-departure drink เป็น Campagne ของ Castlenau ปี 2007 ครับ รสชาติใช้ได้ ไม่ได้ดีงามมาก
ที่วางขาค่อนข้างกว้างขวางดีครับ ตอนนอนไม่ติดขัดเลย ดีมากๆ ครับ
ด้านข้างที่วางขา มีช่องใส่ของอีก แต่รู้สึกไม่ practical เท่าไร ผมเลยไม่ได้ใช้งานเลยครับ
อุปกรณ์ควบคุม IFE ครับ ข้างๆ จะเป็ port USB 2 ports กับปลั๊ก universal อีก 1 ช่อง ใครจะชาร์จอะไรขัดให้เต็มเลยครับ ไฟอ่านหนังสือก็สว่างดีใช้ได้ครับ
มีบริการผ้าร้อนก่อนออกเดินทางด้วยครับ ด้านข้างๆ นี้จะเป็นที่เก็บโต๊ะอาหาร
Slipper ครับ ใช้เดินไปมาบนเครื่องได้สบายกว่า
รายการอาหารตามรูปเลยครับ จานหลักมีตัวเลือกคือ หมู เนื้อ ทะเล ผมเลือกทะเลไปครับ
ระหว่างรออาหาร ได้เวลาทดสอบหูฟังกันแล้ว เข้าใจว่า Thunder นี่ไม่ใช่ชื่อแบรนด์ แต่เป็นอะไรที่ EVA คิดขึ้นมาเอง
หน้าตาแบบนี้ครับ เสียงใช้ได้เลย แต่ไม่ได้ดีมากนัก สำหรับคนที่จริงจังเรื่องการฟังเพลงควรพกของส่วนตัวมาครับ แต่สำหรับผม ใช้อันนี้แหละ
เครื่องกำลังจะขึ้นแล้วครับ ใน cabin ต้องหรี่ไฟ
สภาพภายใน cabin ครับ วันนี้คนค่อนข้างเต็มเลยทีเดียว น่าจะประมาณ 95% ได้ (เหทือนจะว่างแค ่2-3 ที่เท่านั้นจาก 40 กว่าที่)
พาไปห้องน้ำครับ เป็นห้องน่ำแคบๆ ปกติ มีดอกกล้วยไม้เพิ่มสุนทรียภาพในการใช้งาน (???)
Amenities ใช้ของ Harnn จากไทยของเรานี่แหละครับ
กลับมาก็เริ่มกระบวนการเตรียมโต๊ะอาหารครับ ขนาดกว้างใหญ่ดีเลย
ปูโต๊ะกินข้าวมื้อดึกกันครับ
เริ่มจาก apperitif
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผมเอง ที่ไปใช้บริการที่ไหนจะต้องทดลอง Signature Menu ของที่นั่น ก็เลยจัด Evergreen Special มาครับ แต่คุณเชื่อผมเถอะว่า อย่าสั่งมากินเลยครับ ไม่อร่อยเลยยย
ถัดมาเป็น appetiser ครับ ซึ่งเป็นกุ้งสะเต๊ะซอสไข่กุ้งครับ (นี่มันกุ้ง ception ชัดๆ)
จานหลักเป็น seafood ซอสมะขามครับ โดยส่วนตัวเฉยๆ มากเลย มาพร้อมบวบผัดไข่รสชาติค่อนไปทางจืดครับ
ส่วนอันนี้เป็น pre-order seafood meal ครับ เป็น cream sauce pasta with seafood จานนี้ไม่ค่อยอร่อยอีกเช่นกันครับ (เหมือนของ Eco ของ TG เปี๊ยบ)
จบด้วยขนมหวานและผลไม้ครับ ไม่ได้มีอะไรประทับใจจนต้องพูดถึงครับ
ด้วยความที่ไม่เชื่อว่า signature cocktail ของสายการบินจะรสชาติแย่ขนาดนั้น ผมก็เลยสั่งอีก signature นึงมากิน ชื่อ Aurora ครับ ผลปรากฏว่าไม่อร่อยกว่าแก้วแรกอีก ดื่มไปนิดเดียวทำเอาพะอืดพะอมและต้องขอทิ้งทันที
จบ Flight Review นี้ด้วยภาพประตูห้องนักบินครับ ใกล้จนอยากเคาะเรียกมาคุยเล่น แต่โดนจับแน่นอน
Review นี้เป็นอันเดียวกับที่ปรากฏใน https://www.facebook.com/BoyOnBoardByBoy ครับ
[CR] [Flight Review] EVA Royal Laurel Class - BR206: Bangkok-Taipei
Bangkok (BKK) – Taipei (TPE)
29 May 2017
Depart: 1:45AM
Arrive: 6:35AM
Duration: 3hr50min
Aircraft: Boeing 777-300ER (77B)
Seat: 11D (Business Class)
วันนี้ผมขอพาชมสายการบินที่ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ของประเทศไต้หวันกันครับ นั่นก็คือ EVA Air นั่นเอง ซึ่งที่นั่งของ Royal Laurel Class จัดวางแบบ herringbone ซึ่งเป็นพิมพิ์นิยมของ Business Class ปัจจุบันครับ
Pre-departure drink เป็น Campagne ของ Castlenau ปี 2007 ครับ รสชาติใช้ได้ ไม่ได้ดีงามมาก
ที่วางขาค่อนข้างกว้างขวางดีครับ ตอนนอนไม่ติดขัดเลย ดีมากๆ ครับ
ด้านข้างที่วางขา มีช่องใส่ของอีก แต่รู้สึกไม่ practical เท่าไร ผมเลยไม่ได้ใช้งานเลยครับ
อุปกรณ์ควบคุม IFE ครับ ข้างๆ จะเป็ port USB 2 ports กับปลั๊ก universal อีก 1 ช่อง ใครจะชาร์จอะไรขัดให้เต็มเลยครับ ไฟอ่านหนังสือก็สว่างดีใช้ได้ครับ
มีบริการผ้าร้อนก่อนออกเดินทางด้วยครับ ด้านข้างๆ นี้จะเป็นที่เก็บโต๊ะอาหาร
Slipper ครับ ใช้เดินไปมาบนเครื่องได้สบายกว่า
รายการอาหารตามรูปเลยครับ จานหลักมีตัวเลือกคือ หมู เนื้อ ทะเล ผมเลือกทะเลไปครับ
ระหว่างรออาหาร ได้เวลาทดสอบหูฟังกันแล้ว เข้าใจว่า Thunder นี่ไม่ใช่ชื่อแบรนด์ แต่เป็นอะไรที่ EVA คิดขึ้นมาเอง
หน้าตาแบบนี้ครับ เสียงใช้ได้เลย แต่ไม่ได้ดีมากนัก สำหรับคนที่จริงจังเรื่องการฟังเพลงควรพกของส่วนตัวมาครับ แต่สำหรับผม ใช้อันนี้แหละ
เครื่องกำลังจะขึ้นแล้วครับ ใน cabin ต้องหรี่ไฟ
สภาพภายใน cabin ครับ วันนี้คนค่อนข้างเต็มเลยทีเดียว น่าจะประมาณ 95% ได้ (เหทือนจะว่างแค ่2-3 ที่เท่านั้นจาก 40 กว่าที่)
พาไปห้องน้ำครับ เป็นห้องน่ำแคบๆ ปกติ มีดอกกล้วยไม้เพิ่มสุนทรียภาพในการใช้งาน (???)
Amenities ใช้ของ Harnn จากไทยของเรานี่แหละครับ
กลับมาก็เริ่มกระบวนการเตรียมโต๊ะอาหารครับ ขนาดกว้างใหญ่ดีเลย
ปูโต๊ะกินข้าวมื้อดึกกันครับ
เริ่มจาก apperitif
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผมเอง ที่ไปใช้บริการที่ไหนจะต้องทดลอง Signature Menu ของที่นั่น ก็เลยจัด Evergreen Special มาครับ แต่คุณเชื่อผมเถอะว่า อย่าสั่งมากินเลยครับ ไม่อร่อยเลยยย
ถัดมาเป็น appetiser ครับ ซึ่งเป็นกุ้งสะเต๊ะซอสไข่กุ้งครับ (นี่มันกุ้ง ception ชัดๆ)
จานหลักเป็น seafood ซอสมะขามครับ โดยส่วนตัวเฉยๆ มากเลย มาพร้อมบวบผัดไข่รสชาติค่อนไปทางจืดครับ
ส่วนอันนี้เป็น pre-order seafood meal ครับ เป็น cream sauce pasta with seafood จานนี้ไม่ค่อยอร่อยอีกเช่นกันครับ (เหมือนของ Eco ของ TG เปี๊ยบ)
จบด้วยขนมหวานและผลไม้ครับ ไม่ได้มีอะไรประทับใจจนต้องพูดถึงครับ
ด้วยความที่ไม่เชื่อว่า signature cocktail ของสายการบินจะรสชาติแย่ขนาดนั้น ผมก็เลยสั่งอีก signature นึงมากิน ชื่อ Aurora ครับ ผลปรากฏว่าไม่อร่อยกว่าแก้วแรกอีก ดื่มไปนิดเดียวทำเอาพะอืดพะอมและต้องขอทิ้งทันที
จบ Flight Review นี้ด้วยภาพประตูห้องนักบินครับ ใกล้จนอยากเคาะเรียกมาคุยเล่น แต่โดนจับแน่นอน
Review นี้เป็นอันเดียวกับที่ปรากฏใน https://www.facebook.com/BoyOnBoardByBoy ครับ