สวัสดีค่ะ วันนี้ไม่ได้มาตั้งกระทู้ข้าวกล่องนะคะ เดี๋ยวเข้าใจผิด ฮาๆ
ว่าไปแล้วก็ขอลงกระทู้ข้าวกล่องของเก่าสักหน่อย
https://ppantip.com/topic/36503447
https://ppantip.com/topic/35736853
ใครชอบก็เข้าไปช่วยดู ช่วยชมหน่อยนะคะ
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การสมัครงานโรงแรมในญี่ปุ่นค่ะ
ตัวดิฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยที่นี่แล้วก็ร่อนเร่ ไม่มีงานอยู่สักพัก วีซ่าก็ใกล้หมด
ตอนนั้นวิ่งสมัครงานหลายที่มากค่ะ แต่ด้วยความที่ดิฉันอยู่เกาะคิวชู คนไทยไม่ได้เยอะมากเหมือนโอซาก้า โตเกียว
ทำให้ตอนนั้นงานเซลล์ไม่ค่อยมีใครอยากจ้าง 55 ส่วนใหญ่เขาอยากได้เกาหลี จีน ดิฉันจึงมุ่งไปด้านโรงแรม
เพราะอย่างน้อยภาษาอังกฤษก็จำเป็น สมัครอยู่3โรงแรม ได้จดหมายตอบรับมา2แห่ง
แต่ก็มาเลือกที่อุเระชิโนะออนเซนเพราะเป็นเมืองเล็กๆและใกล้กับนางาซากิที่ดิฉันเรียนจบมา
ไม่อยากไปไกลมากค่ะ แต่พอย้ายมาแล้ว โอ้โห เจอปัญหาอีกเพราะบริษัทเขาไม่เคยขอวีซ่าให้คนต่างชาติเลย
ดิฉันเป็นรายแรก ก็วุ่นวายเรื่องเอกสารกันพักใหญ่ สุดท้ายก็ขอได้ค่ะ
ดิฉันก็ได้มาทำงานสองโรงแรมในเครือบริษัท เป็นบิสสิเนสโฮเทลกับเรียวกังสไตล์โฮสเทล
บอกตรงๆว่าดิฉันชอบเรียวกังมากกว่าเพราะชุดสวย ฮาๆ
ขอลงรูปเรียวกังนิ๊ดด นึงค่ะ
งานหลักๆที่ทำก็รับจองทั้งทางโทรศัพท์ ทางเวบไซต์ ประสานงานกับบริษัททัวร์จีน เกาหลี
แล้วก็ประสานางานกับพวกบุกกิ้ง อโกด้า เอ็กพีเดียพวกนี้ค่ะ ฟร้อนก็ทำ วันไหนคนครัวไม่พอดิฉันก็ออกหน้าเลยค่ะ
เพราะข้าวมักฟรี แต่หลังๆแค่งานส่วนตัวดิฉันก็ท่วมตัวจนแบนราบ เลยไม่ค่อยได้เสนอตัวไปช่วยเหลือแผนกไหนแล้ว
เพราะงานแปลทุกอย่างในโรงแรมก็มาสุมอยู่ที่โต๊ะของดิฉัน
แรกๆปรับตัวเรื่องภาษาญี่ปุ่นสูงมากกกก เรียนมาห้าปีเอามาใช้ทำงานได้3วัน โธ่ แทบจะร้องไห้
บริษัทก็คาดหวังสูงมาก สี่เดือนแรก ดิฉันไม่ได้ใช่ภาษาไทยทำงานเลย เพราะไม่มีลูกค้าคนไทยมาเลย เศร้ามากก
แต่พอมีแขกคนไทยมาดิฉันจะดีใจยกกำลังสิบคูณร้อย แต่พอมีละคร มีดารามาถ่ายทำก็เริ่มมีคนไทยมาเที่ยวเยอะขึ้น
เชิญคร้าา
เมืองที่ดิฉันอยู่นั้นมีความสโลว์ไลฟ์เป็นอย่างมากกกกก สถานีรถไฟไม่มีสองทุ่มไม่ต้องไปไหน บัสหมด
มีซุปเปอร์มาร์เกตซื้อของอยู่3แห่ง แบบชั้นเดียวเล็กๆนะคะ 555
อยากกินแมคโดนัล เคเอฟซี โดนัท นั่งรถไปค่ะ 40 นาที
เพราะฉะนั้นพอมาอยู่ที่นี่ดิฉันก็กลายเป็นคนที่มีความสุขกับการเดินซุปเปอร์มาร์เกตบนเนื้อที่ครึ่งไร่ ขนาดหนึ่งชั้นไปโดยปริยาย
หน้าซากุระค่ะ ถ่ายโดยไอโฟนหน้าจอแตกของดิฉันเอง ยังออกมาสวยขนาดนี้ เพราะของจริงสวยมากๆค่ะ
หน้าซากุระที่นี่ ยาวเป็นกิโลๆเลยค่ะ ทุกวันดิฉันจะเดินชมดอกซากุระหน้าบ้าน บานอยู่10วันก็โรยหมดแล้วค่ะ
บรรยากาศเมืองที่อยู่ค่ะ
เนื่องจากที่นี่ไม่มีอะไรให้ดิฉันทำเลยนอกจากงาน งานอดิเรกงานใหม่ของดิฉันคือการเรียนใส่กิโมโนจากเกอิชาซังค่ะ
ในภาพนี่ดิฉันใส่เองนะคะ กิโมโนดิฉันก็ไปซื้อมาจากร้านมือสองในเมือง มีคุณป้าผู้เปิดร้านเหล้าเมื่อสิบปีก่อนเป็นเจ้าของ
บางตัวราคาถูกมาก โอบิสวยๆเพียบค่ะ มีให้เลือกเป็นร้อยๆพันๆชุดแต่ต้องไปรื้อเอาเองนะคะ เพราะป้าสุมๆไว้เป็นกอง
หากใครแวะมาอยากได้ดิฉันพาไปได้ค่าา
อันนี้รูปวาดบนกำแพงหน้าเรียวกังที่ทำงานค่ะ มีความคูลเล็กๆ เรียวกังในละแวกนี้ส่วนใหญ่จะออกแนวหรูหราไปเลย
แต่ที่ดิฉันทำจะออกแนวเกสเฮ้าส์ค่ะ
นั่งจิบชาชิลๆกับเพื่อนร่วมงาน แต่ความจริงๆคือร้อนมากค่ะ 55 ญี่ปุ่นหน้าร้อนนี่พอๆกับกทม เราเลย
บางทีก็มีการสังสรรค์เล็กๆ
บางทีแขกออกจากออนเซน เราก็ยกชามาเสิรฟ์ ที่นี่เน้นเซลฟ์เซอร์วิส แต่หากดิฉันไม่มีงานดิฉันก็จะบริการเต็มที่
ออนเซนแบบเห็นวิวแม่น้า ถ้าลืมปิดม่านนี่มีเผลอโชว์กันบ้างล่ะ
สิ่งที่ดิฉันชอบมากที่ได้ทำงานที่ออนเซนคือ ดิฉันไม่เคยอาบน้ำที่บ้านเลย 55
ดิฉันอาบน้ำออนเซนฟรีทุกวันค่ะ ไม่ว่าจะหน้าหนาว หน้าร้อน ทำให้ประหยัดค่าไฟ ค่าแก๊สในการทำน้ำอุ่นไปได้มาก
เห็นมีห้องหลากหลายแบบอย่างนี้ ทำให้มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท แต่บางวันทั้งโรงแรม ดิฉันประจำการอยู่คนเดียว
วิ่งวุ่นเหนื่อยมากกกกก แต่ดิฉันชอบนะคะ ได้เจอคนหลากหลายดี ในใจก็คิดว่าจะต้องเอาค่าโอทีให้บริษัทเข็ดไปเลย
คิดไปคิดมา ดิฉันก็ทำแบบนั้นจริงๆ บางเดือนดิฉันทำโอทีไป 40 ชั่วโมง เงินเข้ากระเป๋าตุงเลยย
ปกติที่บริษัทดิฉันไม่ค่อยมีโอทีนะคะ แปลกจากบริษัทในญี่ปุ่นหลายๆแห่ง
เวลาแขกน้อยมากๆ ดิฉันก็แอบมาแช่เท้าในบ่อออนเซนหน้าโรงแรม ฮิๆ
เพราะแม่บ้านจะมาทำความสะอาดและกลับสามโมงเป๊ะ เวลาแขกทำเลอะ ดิฉันก็ต้องแบกชุดกิโมโนไปทำความสะอาด
ทำให้ดิฉันเข้าใจว่า บริษัทใช้งานคุ้มจริงๆ
เพื่อนร่วมงานสุดน่ารักของดิฉัน นางเป็นสาวญี่ปุ่นที่เห็นแมลงสาปแล้วคว้าหนังสือเข้าไปตบตีทันที
ไม่ค่อยมีนิสัยมุ้งมิ้งแบบสตรีแดนปลาดิบ เลยสอบถามได้ความมาว่านางไปอยู่เกาหลีมาพักใหญ่
อยากบอกทุกๆคนที่อยากมาทำงานที่ญี่ปุ่นว่าอย่ากลัวที่จะยิ่นใบสมัครไป
ที่ๆดิฉันสมัครไปหลายที่ไม่ได้อยากได้คนไทยเลย แต่เราก็ต้องส่งไปและพยายามพรีเซ้นผลงานของเรา
อย่างดิฉันเคยรับงานแปล ภาษาอังกฤษ ล่าม ดิฉันก็เอามาโชว์ เฟจบุ๊คหรือเพจของเราก็เอามาโชว์ได้
ดิฉันโชว์กล่องอาหารตอนสัมภาษณ์เรื่องงานอิดเรกไป ไม่รู้ว่าทำให้ได้เข้ามาทำงานหรือเปล่า 55
ภาษาญี่ปุ่นพวกคำสุภาพ ดิฉันก็มาเร่งสปีดช่วงสองสามเดือนก่อนตระเวนสมัครงาน
ดิฉันซ้อมๆๆๆๆ บทพูดเดิมร้อยรอบ มีคำถามในหัวเกิน50ข้อ เขียนคำตอบเองแล้วขอให้เพื่อนคนญี่ปุ่นตรวจให้
คำถามภาษาอังกฤษก็ต้องเตรียมเพราะดิฉันสมัครด้านโรงแรมอาจจะโดนถามได้
สมัยเรียนที่เมืองไทยดิฉันนี่ระดับท้ายๆของห้องเลยค่ะ เกรดตกๆหล่นๆ
แต่ก็พยายามอ่าน พยายามท่องจำ จนสอบผ่านมาเรียนที่นี่ และยังท่องจำ ฝึกตอบคำถามจนหางานได้
ขอให้ทุกคนสุ้ๆค่ะ
ขอลาไปด้วยภาพซากุระหน้าบ้านของดิฉันเองค่ะ
เดี๋ยวจะกลับมาเร็วๆนี้กับกระทู้ข้าวกล่องใหม่และกระทู้พาชมเมืองที่ดิฉันอยู่ค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
แชร์ประสบการณ์สมัครงาน ทำงานเรียวกังเล็กๆในญี่ปุ่น
ว่าไปแล้วก็ขอลงกระทู้ข้าวกล่องของเก่าสักหน่อย
https://ppantip.com/topic/36503447
https://ppantip.com/topic/35736853
ใครชอบก็เข้าไปช่วยดู ช่วยชมหน่อยนะคะ
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การสมัครงานโรงแรมในญี่ปุ่นค่ะ
ตัวดิฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยที่นี่แล้วก็ร่อนเร่ ไม่มีงานอยู่สักพัก วีซ่าก็ใกล้หมด
ตอนนั้นวิ่งสมัครงานหลายที่มากค่ะ แต่ด้วยความที่ดิฉันอยู่เกาะคิวชู คนไทยไม่ได้เยอะมากเหมือนโอซาก้า โตเกียว
ทำให้ตอนนั้นงานเซลล์ไม่ค่อยมีใครอยากจ้าง 55 ส่วนใหญ่เขาอยากได้เกาหลี จีน ดิฉันจึงมุ่งไปด้านโรงแรม
เพราะอย่างน้อยภาษาอังกฤษก็จำเป็น สมัครอยู่3โรงแรม ได้จดหมายตอบรับมา2แห่ง
แต่ก็มาเลือกที่อุเระชิโนะออนเซนเพราะเป็นเมืองเล็กๆและใกล้กับนางาซากิที่ดิฉันเรียนจบมา
ไม่อยากไปไกลมากค่ะ แต่พอย้ายมาแล้ว โอ้โห เจอปัญหาอีกเพราะบริษัทเขาไม่เคยขอวีซ่าให้คนต่างชาติเลย
ดิฉันเป็นรายแรก ก็วุ่นวายเรื่องเอกสารกันพักใหญ่ สุดท้ายก็ขอได้ค่ะ
ดิฉันก็ได้มาทำงานสองโรงแรมในเครือบริษัท เป็นบิสสิเนสโฮเทลกับเรียวกังสไตล์โฮสเทล
บอกตรงๆว่าดิฉันชอบเรียวกังมากกว่าเพราะชุดสวย ฮาๆ
ขอลงรูปเรียวกังนิ๊ดด นึงค่ะ
งานหลักๆที่ทำก็รับจองทั้งทางโทรศัพท์ ทางเวบไซต์ ประสานงานกับบริษัททัวร์จีน เกาหลี
แล้วก็ประสานางานกับพวกบุกกิ้ง อโกด้า เอ็กพีเดียพวกนี้ค่ะ ฟร้อนก็ทำ วันไหนคนครัวไม่พอดิฉันก็ออกหน้าเลยค่ะ
เพราะข้าวมักฟรี แต่หลังๆแค่งานส่วนตัวดิฉันก็ท่วมตัวจนแบนราบ เลยไม่ค่อยได้เสนอตัวไปช่วยเหลือแผนกไหนแล้ว
เพราะงานแปลทุกอย่างในโรงแรมก็มาสุมอยู่ที่โต๊ะของดิฉัน
แรกๆปรับตัวเรื่องภาษาญี่ปุ่นสูงมากกกก เรียนมาห้าปีเอามาใช้ทำงานได้3วัน โธ่ แทบจะร้องไห้
บริษัทก็คาดหวังสูงมาก สี่เดือนแรก ดิฉันไม่ได้ใช่ภาษาไทยทำงานเลย เพราะไม่มีลูกค้าคนไทยมาเลย เศร้ามากก
แต่พอมีแขกคนไทยมาดิฉันจะดีใจยกกำลังสิบคูณร้อย แต่พอมีละคร มีดารามาถ่ายทำก็เริ่มมีคนไทยมาเที่ยวเยอะขึ้น
เชิญคร้าา
เมืองที่ดิฉันอยู่นั้นมีความสโลว์ไลฟ์เป็นอย่างมากกกกก สถานีรถไฟไม่มีสองทุ่มไม่ต้องไปไหน บัสหมด
มีซุปเปอร์มาร์เกตซื้อของอยู่3แห่ง แบบชั้นเดียวเล็กๆนะคะ 555
อยากกินแมคโดนัล เคเอฟซี โดนัท นั่งรถไปค่ะ 40 นาที
เพราะฉะนั้นพอมาอยู่ที่นี่ดิฉันก็กลายเป็นคนที่มีความสุขกับการเดินซุปเปอร์มาร์เกตบนเนื้อที่ครึ่งไร่ ขนาดหนึ่งชั้นไปโดยปริยาย
หน้าซากุระค่ะ ถ่ายโดยไอโฟนหน้าจอแตกของดิฉันเอง ยังออกมาสวยขนาดนี้ เพราะของจริงสวยมากๆค่ะ
หน้าซากุระที่นี่ ยาวเป็นกิโลๆเลยค่ะ ทุกวันดิฉันจะเดินชมดอกซากุระหน้าบ้าน บานอยู่10วันก็โรยหมดแล้วค่ะ
บรรยากาศเมืองที่อยู่ค่ะ
เนื่องจากที่นี่ไม่มีอะไรให้ดิฉันทำเลยนอกจากงาน งานอดิเรกงานใหม่ของดิฉันคือการเรียนใส่กิโมโนจากเกอิชาซังค่ะ
ในภาพนี่ดิฉันใส่เองนะคะ กิโมโนดิฉันก็ไปซื้อมาจากร้านมือสองในเมือง มีคุณป้าผู้เปิดร้านเหล้าเมื่อสิบปีก่อนเป็นเจ้าของ
บางตัวราคาถูกมาก โอบิสวยๆเพียบค่ะ มีให้เลือกเป็นร้อยๆพันๆชุดแต่ต้องไปรื้อเอาเองนะคะ เพราะป้าสุมๆไว้เป็นกอง
หากใครแวะมาอยากได้ดิฉันพาไปได้ค่าา
อันนี้รูปวาดบนกำแพงหน้าเรียวกังที่ทำงานค่ะ มีความคูลเล็กๆ เรียวกังในละแวกนี้ส่วนใหญ่จะออกแนวหรูหราไปเลย
แต่ที่ดิฉันทำจะออกแนวเกสเฮ้าส์ค่ะ
นั่งจิบชาชิลๆกับเพื่อนร่วมงาน แต่ความจริงๆคือร้อนมากค่ะ 55 ญี่ปุ่นหน้าร้อนนี่พอๆกับกทม เราเลย
บางทีก็มีการสังสรรค์เล็กๆ
บางทีแขกออกจากออนเซน เราก็ยกชามาเสิรฟ์ ที่นี่เน้นเซลฟ์เซอร์วิส แต่หากดิฉันไม่มีงานดิฉันก็จะบริการเต็มที่
ออนเซนแบบเห็นวิวแม่น้า ถ้าลืมปิดม่านนี่มีเผลอโชว์กันบ้างล่ะ
สิ่งที่ดิฉันชอบมากที่ได้ทำงานที่ออนเซนคือ ดิฉันไม่เคยอาบน้ำที่บ้านเลย 55
ดิฉันอาบน้ำออนเซนฟรีทุกวันค่ะ ไม่ว่าจะหน้าหนาว หน้าร้อน ทำให้ประหยัดค่าไฟ ค่าแก๊สในการทำน้ำอุ่นไปได้มาก
เห็นมีห้องหลากหลายแบบอย่างนี้ ทำให้มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท แต่บางวันทั้งโรงแรม ดิฉันประจำการอยู่คนเดียว
วิ่งวุ่นเหนื่อยมากกกกก แต่ดิฉันชอบนะคะ ได้เจอคนหลากหลายดี ในใจก็คิดว่าจะต้องเอาค่าโอทีให้บริษัทเข็ดไปเลย
คิดไปคิดมา ดิฉันก็ทำแบบนั้นจริงๆ บางเดือนดิฉันทำโอทีไป 40 ชั่วโมง เงินเข้ากระเป๋าตุงเลยย
ปกติที่บริษัทดิฉันไม่ค่อยมีโอทีนะคะ แปลกจากบริษัทในญี่ปุ่นหลายๆแห่ง
เวลาแขกน้อยมากๆ ดิฉันก็แอบมาแช่เท้าในบ่อออนเซนหน้าโรงแรม ฮิๆ
เพราะแม่บ้านจะมาทำความสะอาดและกลับสามโมงเป๊ะ เวลาแขกทำเลอะ ดิฉันก็ต้องแบกชุดกิโมโนไปทำความสะอาด
ทำให้ดิฉันเข้าใจว่า บริษัทใช้งานคุ้มจริงๆ
เพื่อนร่วมงานสุดน่ารักของดิฉัน นางเป็นสาวญี่ปุ่นที่เห็นแมลงสาปแล้วคว้าหนังสือเข้าไปตบตีทันที
ไม่ค่อยมีนิสัยมุ้งมิ้งแบบสตรีแดนปลาดิบ เลยสอบถามได้ความมาว่านางไปอยู่เกาหลีมาพักใหญ่
อยากบอกทุกๆคนที่อยากมาทำงานที่ญี่ปุ่นว่าอย่ากลัวที่จะยิ่นใบสมัครไป
ที่ๆดิฉันสมัครไปหลายที่ไม่ได้อยากได้คนไทยเลย แต่เราก็ต้องส่งไปและพยายามพรีเซ้นผลงานของเรา
อย่างดิฉันเคยรับงานแปล ภาษาอังกฤษ ล่าม ดิฉันก็เอามาโชว์ เฟจบุ๊คหรือเพจของเราก็เอามาโชว์ได้
ดิฉันโชว์กล่องอาหารตอนสัมภาษณ์เรื่องงานอิดเรกไป ไม่รู้ว่าทำให้ได้เข้ามาทำงานหรือเปล่า 55
ภาษาญี่ปุ่นพวกคำสุภาพ ดิฉันก็มาเร่งสปีดช่วงสองสามเดือนก่อนตระเวนสมัครงาน
ดิฉันซ้อมๆๆๆๆ บทพูดเดิมร้อยรอบ มีคำถามในหัวเกิน50ข้อ เขียนคำตอบเองแล้วขอให้เพื่อนคนญี่ปุ่นตรวจให้
คำถามภาษาอังกฤษก็ต้องเตรียมเพราะดิฉันสมัครด้านโรงแรมอาจจะโดนถามได้
สมัยเรียนที่เมืองไทยดิฉันนี่ระดับท้ายๆของห้องเลยค่ะ เกรดตกๆหล่นๆ
แต่ก็พยายามอ่าน พยายามท่องจำ จนสอบผ่านมาเรียนที่นี่ และยังท่องจำ ฝึกตอบคำถามจนหางานได้
ขอให้ทุกคนสุ้ๆค่ะ
ขอลาไปด้วยภาพซากุระหน้าบ้านของดิฉันเองค่ะ
เดี๋ยวจะกลับมาเร็วๆนี้กับกระทู้ข้าวกล่องใหม่และกระทู้พาชมเมืองที่ดิฉันอยู่ค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ