เรากับแฟนอายุห่างกัน 6 ปี คบกันมาเกือบสองปี ตลอดเวลาที่คบกันมักจะมีปัญหากระทบกระทั่งกันมาตลอด หลักๆเลยคือมุมมองและการใช้ชีวิตแตกต่างกันมาก เวลาทะเลาะกันต่างคนต่างไม่ยอมลงให้กันเนื่องจากมุมมองต่างกันจึงมีเหตุผลมาสนับสนุนความคิดตัวเองว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก เป็นแบบนี้มาจนกระทั่งล่าสุดที่ทะเลาะกัน เค้าออกปากไล่เรา บอกว่าอยู่กับเราแล้วอึดอัดและขอเลิก ซึ่งเราก็ยอมเลิกแต่โดยดีโดยไม่รั้งเค้าไว้ เนื่องจากคิดทบทวนดูแล้วเราสองคนไปกันไม่รอดแน่นอน เลิกตอนนี้น่าจะดีกว่าปล่อยให้เรื้อรังจนเกลียดกัน เราไม่อยากเกลียดเค้าค่ะเพราะยังไงก็คนเคยรัก
เราอยากทราบความเห็นของคนนอกค่ะว่า การที่เราขอร้องเค้าแบบนี้มันทำให้อึดอัดมากขนาดเอ่ยปากไล่และขอเลิกเลยเหรอ เพราะในมุมของเราเรามองว่ามันเป็นสิ่งที่คนเป็นแฟนกันควรทำให้กันโดยไม่ต้องร้องขอเสียด้วยซ้ำ
- เราขอร้องเค้าเวลาไปไหนให้โทรบอก กลับถึงบ้านโทรบอก ระหว่างวันไม่ต้องโทรค่ะต่างคนต่างใช้ชีวิตไป เพื่อที่เราจะได้ไม่เป็นห่วงเมื่อได้รู้ว่าเค้าถึงบ้านปลอดภัยแล้ว แต่เค้าก็ไม่ค่อยทำให้ค่ะ จะอารมณ์เสียใส่และถามเรากลับว่าจะให้รายงานทุกเรื่องเลยรึไง เค้าอึดอัด
- ทั้งเค้าและเราเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วทั้งคู่ คนในอดีตสำหรับเราเลิกคือเลิกค่ะ คุยกันได้หากมีธุระจำเป็นแต่จะไม่ใช่ในลักษณะโทรไปคุยเล่นคุยหัวเนื่องจากเราเกรงใจคนของเค้า ใจเค้าใจเราค่ะ และ ให้เกียรติคนของเราด้วย เรารู้สึกว่ามันไม่เหมาะที่จะคุยสนิทสนมเหมือนแต่ก่อน ใครเข้ามาจีบเราก็จะบอกเสมอว่าเรามีแฟนแล้ว ที่ผ่านมาเราชัดเจนในทุกคำพูดและการกระทำค่ะ แต่ในทางกลับกัน เค้ายังติดต่อกับรักแรกของเค้าอยู่ โทรหากัน นัดกินข้าว ดูแลบ้านให้ โกหกเราเพื่อไปหากันพอเราถามก็โกรธใส่บอกว่าเพราะรู้นิสัยเราดีเลยต้องโกหก กลายเป็นว่าการโกหกของเค้าคือความผิดของเราไปซะอย่างนั้นค่ะ ส่วนรักแรกของเค้าเวลาขึ้นมาที่กรุงเทพฯก็จะแวะมาหาเค้าและแม่ที่บ้านเสมอ ทำตัวสนิทสนมกับทุกคนที่บ้านเค้า พอเราทราบเรื่อง เราก็คุยกับเค้าตรงๆว่าเราไม่สบายใจมากกับเรื่องนี้ ขอร้องให้เค้าช่วยห่างออกมาได้มั้ย คุยกันได้แต่ต้องรักษาระยะห่างเพราะตอนนี้เค้ามีเราแล้ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเค้าโกรธค่ะ เค้าบอกว่ารู้จักกันมานาน รู้จักกันก่อนที่เค้าจะรู้จักเราด้วยซ้ำและตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรไม่มีอะไรแล้ว เราคิดมากบ้าบอปัญญาอ่อนไปเอง สุดท้ายเค้าไม่ยอมค่ะ ยืนยันที่จะคุยกันเหมือนเดิมทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงโดยไม่สนใจความรู้สึกเรา จากนั้นเค้าก็ไล่และบอกเลิกเราให้รักแรกของเค้าได้ยินค่ะ (คุยผ่านโทรศัพท์สามคน)
- เบอร์โทรศัพท์ที่เค้าใช้อยู่ปัจจุบันเป็นเบอร์ที่ใช้ชื่อภรรยาเก่า (คนละคนกับรักแรก) ในการลงทะเบียนซิมการ์ดค่ะ เราถามเค้าว่าสามารถเปลี่ยนจากชื่อภรรยาเก่ามาเป็นชื่อเค้าเองได้มั้ย รวมทั้งที่อยู่ในการจัดส่งเอกสารบิลเรียกเก็บค่าโทรศัพท์ด้วยให้มาเป็นบ้านเค้าเอง ในความคิดเราคืออยากให้ทุกอย่างเด็ดขาดชัดเจนไม่ใช่คาราคาซังเรื่องนั้นเรื่องนี้ทั้งๆที่เลิกรากันไปแล้ว อีกทั้งสะดวกกับตัวเค้าเองด้วยหากเปลี่ยนชื่อผู้ลงทะเบียนมาเป็นชื่อของตัวเค้าเอง แต่เค้าโกรธเราค่ะ โกรธมากด้วย ด่าว่าเราไม่รู้จักมองข้ามเรื่องเล็กๆบ้าง เค้าอึดอัด บอกว่าเราชอบบังคับทั้งๆที่เราพูดขอร้องเค้าดีๆและมีแต่เค้าที่ตะโกนใส่หน้าเราตลอดทุกครั้งที่มีปัญหากัน เค้าบอกเราว่าไม่ให้ไปยุ่งกับทางนั้นเพราะเค้าไม่เคยยุ่งกับเรา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเราไม่เคยยุ่งไม่เคยคุยกับทางโน้นเลย มีแต่เราที่เป็นผู้ถูกกระทำเพราะแรกๆที่คบกันเราถูกอดีตภรรยาเค้าส่งข้อความผ่านเฟสบุ๊คมาระรานตลอด ซึ่งพอเราบอกเค้าเรื่องนี้เค้ากลับไม่เชื่อเราค่ะหาว่าเราใส่ร้ายทางโน้น และบอกว่าอาจเป็นเราเองที่ส่งมาด่าตัวเองก็ได้ ไม่รู้ว่าคิดแบบนี้ได้ยังไง ส่วนเรื่องชื่อผู้ลงทะเบียนซิมการ์ดสุดท้ายแล้วเค้ายืนยันไม่ยอมเปลี่ยนค่ะ
- บริษัทที่เค้าทำงานอยู่จะมีบริษัทพาร์ทเนอร์ที่เวลาไปพบลูกค้าคนทั้งสองบริษัทนี้จะต้องเดินทางไปด้วยกัน และเหตุเกิดขึ้นจากเค้าต้องไปทำงานสองต่อสองกับผู้หญิงคนนึงที่อยู่บริษัทพาร์ทเนอร์ ทุกครั้งที่แฟนเราไปกับผู้หญิงคนนี้เราไม่สบายใจค่ะ เนื่องจากก่อนหน้ามีเหตุการณ์ที่เค้าไปกับผู้หญิงคนนี้สองต่อสองแล้วไม่รับสายเราไม่โทรกลับจนกระทั่งเค้าสองคนแยกกัน อีกทั้งมีอยู่ครั้งนึงที่เค้าไม่สบายโทรลาป่วยตั้งแต่เช้า แต่พอที่อ๊อฟฟิศโทรมาบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไปด้วย เค้ายกเลิกการลางานและรีบแต่งตัวออกไปทำงานทันทีทั้งที่ต้องขับรถไปไกลถึงสระบุรี โดยอ้างกับเราว่าที่ทำงานโทรมาตามและเราเองก็รู้ว่าที่นี่ลางานยาก (เราสองคนเคยทำงานที่เดียวกันค่ะเลยทราบเรื่องลางานยาก) เค้าเลยไม่อยากมีปัญหา (แต่ยอมมีปัญหากับเรา)
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเพื่อความสบายใจของเรา เราเลยขอร้องเค้าว่าเวลาอยู่กับผู้หญิงคนนี้ช่วยโทรหาเราคุยกับเราต่อหน้าผู้หญิงคนนี้บ้างเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เค้าโทรค่ะ แต่แค่โทรมาบอกว่า "พี่อยู่กับจูนแล้วจะคุยงานกันแค่นี้นะ" แล้ววางสาย เราเลยโทรกลับไปทันทีเค้ารับสายแล้วถามว่ามีอะไรอีก เราเลยถามว่าทำไมรีบวางจังคุยกับเราต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เหรอ แค่นั้นแหละค่ะ เค้าด่าเราต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นเลยว่าเราพูดไม่รู้เรื่องงี่เง่าน่าเบื่อ แล้ววางสาย .... แบบนี้จะให้เราสบายใจได้ยังไง เราเลยกะเวลาว่าให้เค้าสองคนแยกกันแล้วโทรไปใหม่ ที่รอแยกกันเพราะเรื่องส่วนตัวอยากจะคุยส่วนตัวจึงต้องรอตอนที่ผู้หญิงคนนั้นลงรถไปแล้ว แต่ปรากฏว่าเค้าสองคนยังอยู่ด้วยกันค่ะ แฟนเราไปส่งถึงที่ คือขามาผู้หญิงนั่งแท็กซี่มาเองได้ แต่ขากลับนั่งให้แฟนเราไปส่งถึงที่ทั้งๆที่ไปคนละทางโดยไม่มีความเกรงใจ และคงเพราะแฟนเราอาสาไปส่งเค้าเองด้วยแหละเลยเข้าทางผู้หญิง เราเข้าใจนะคะว่าเป็นเรื่องของความมีน้ำใจที่ให้ติดรถมาด้วย แต่มาส่งแค่ตรงที่มีแท็กซี่แล้วให้ผู้หญิงนั่งกลับเองไม่ได้เหรอ ในเมื่อขามามาเองได้ทำไมขากลับถึงกลับเองไม่ได้ รู้ทั้งรู้ว่าเราไม่สบายใจเรื่องผู้หญิงคนนี้แต่ก็ยังทำให้เราคิดมาก เวลาเราติดรถพี่ผู้ชายทีมีแฟนหรือมีครอบครัวแล้วนี่เราจะเกรงใจเค้ามากเป็นพิเศษเลยนะ จะขอลงที่ๆใกล้ที่สุดที่มีแท็กซี่แล้วกลับเอง ถึงแม้พี่เค้ายืนยันจะไปส่งถึงที่ก็เถอะแต่เราปฏิเสธ เกรงใจจริงๆ เกรงใจแฟนพี่เค้าด้วย ใจเค้าใจเราค่ะ เลยมานั่งคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเค้าไม่คิดแบบเดียวกันกับเราบ้างเหรอ เราคุยกับแฟนเราเรื่องนี้แต่แฟนเรากลับโมโหใส่ด่าว่าเรางี่เง่าปัญญาอ่อนค่ะ
ตลอดเวลาที่คบกันมามีเรื่องให้ทะเลาะกันมาตลอดค่ะ ส่วนใหญ่คือเรื่องความไม่ชัดเจนของเค้าเอง ตอนคบกันใหม่ๆเรานี่เรียกได้ว่าอยู่ในมุมมืดเสียด้วยซ้ำเพราะต้องปิดบังคนที่อ๊อฟฟิศ เพื่อนๆเค้าไม่เคยรับรู้ว่าเรามีตัวตน ที่บ้านเค้าเราก็ไม่เคยได้ไป ถ้าไม่เพราะเราไม่ยอมในเรื่องนี้เราคงไม่ได้ออกจากมุมมืดตลอดการคบกันแน่นอนกัน ในทางกลับกัน เราพาเค้าเข้าบ้านให้พ่อแม่รู้จักตั้งแต่คบกันใหม่ๆ พาออกงานเจอเพื่อน เราคิดเสมอว่าถ้าต้องการสิ่งไหนต้องให้สิ่งนั้นก่อนถึงจะได้รับกลับมา เราเลยชัดเจนกับเค้าทุกเรื่อง แต่ตอนนี้เรารู้แล้วค่ะว่าเราคิดผิด เพราะที่ผ่านมาแต่ละอย่างกว่าจะได้มาเราต้องแลกกับความเสียใจและน้ำตามาโดยตลอดค่ะ
ครั้งนี้เราหมดความอดทนกับเค้าแล้วจริงๆ เลิกกับเค้าเราเสียใจมากและสงสารลูกด้วยเพราะลูกสาวเรารักเค้ามาก (เรามีลูกติดค่ะส่วนเค้าไม่มี) แต่เราไม่ไหวแล้วจริงๆ พอเค้าออกปากไล่และบอกเลิกเพราะเลือกที่จะยังคงพูดคุยติดต่อแฟนคนแรกที่เป็นรักแรกของเค้า เราเลยยินดีไปแต่โดยดีค่ะ เราเหนื่อยมามากแล้ว เหนื่อยจะพูดขอร้อง เหนื่อยจะฟังคำด่า เหนื่อยกับความเจ็บปวด เราปรึกษาพ่อกับแม่เรื่องนี้และท่านก็เคารพการตัดสินใจของเราค่ะ
วันนี้งานเบาบางลงเลยมีเวลามานั่งเขียนเรื่องนี้ลงพันทิป อยากทราบมุมมองของคนอื่นดูบ้างว่าสิ่งที่เราขอเค้ามันน่าอึดอัดขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมเราถึงคิดว่านี่คือสิ่งที่คนรักกันควรทำให้กันโดยไม่ต้องร้องขอ หรือจริงๆแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาเค้าไม่เคยรักเราเลยถึงได้อึดอัดกับในเรื่องที่ไม่ควรอึดอัด เค้าคงมองเราเป็นแค่ตัวแทนของรักแรกของเค้าเท่านั้น (ช่วงเดทกันเค้าเคยบอกค่ะว่าเราหน้าเหมือนพี่ยาแฟนเก่าที่เป็นรักแรกของเค้า เลยคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เค้าคบเราเพื่อเป็นตัวแทนรักแรกของเค้าเท่านั้นเนื่องจากรักแรกของเค้าเองก็มีแฟนแล้ว ....... ต่างคนต่างมีแฟนแต่ก็ยังคุยกันโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนที่กำลังคบอยู่ เพื่อนคนอื่นไม่มีให้คุยด้วยแล้วหรือยังไง ไม่เข้าใจเลยจริงๆค่ะ)
**Edit เพื่อแก้ไขคำผิดค่ะ**
มีปัญหาไม่เข้าใจกันกับแฟนเยอะมาก มากเสียจนรู้สึกว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้
เราอยากทราบความเห็นของคนนอกค่ะว่า การที่เราขอร้องเค้าแบบนี้มันทำให้อึดอัดมากขนาดเอ่ยปากไล่และขอเลิกเลยเหรอ เพราะในมุมของเราเรามองว่ามันเป็นสิ่งที่คนเป็นแฟนกันควรทำให้กันโดยไม่ต้องร้องขอเสียด้วยซ้ำ
- เราขอร้องเค้าเวลาไปไหนให้โทรบอก กลับถึงบ้านโทรบอก ระหว่างวันไม่ต้องโทรค่ะต่างคนต่างใช้ชีวิตไป เพื่อที่เราจะได้ไม่เป็นห่วงเมื่อได้รู้ว่าเค้าถึงบ้านปลอดภัยแล้ว แต่เค้าก็ไม่ค่อยทำให้ค่ะ จะอารมณ์เสียใส่และถามเรากลับว่าจะให้รายงานทุกเรื่องเลยรึไง เค้าอึดอัด
- ทั้งเค้าและเราเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วทั้งคู่ คนในอดีตสำหรับเราเลิกคือเลิกค่ะ คุยกันได้หากมีธุระจำเป็นแต่จะไม่ใช่ในลักษณะโทรไปคุยเล่นคุยหัวเนื่องจากเราเกรงใจคนของเค้า ใจเค้าใจเราค่ะ และ ให้เกียรติคนของเราด้วย เรารู้สึกว่ามันไม่เหมาะที่จะคุยสนิทสนมเหมือนแต่ก่อน ใครเข้ามาจีบเราก็จะบอกเสมอว่าเรามีแฟนแล้ว ที่ผ่านมาเราชัดเจนในทุกคำพูดและการกระทำค่ะ แต่ในทางกลับกัน เค้ายังติดต่อกับรักแรกของเค้าอยู่ โทรหากัน นัดกินข้าว ดูแลบ้านให้ โกหกเราเพื่อไปหากันพอเราถามก็โกรธใส่บอกว่าเพราะรู้นิสัยเราดีเลยต้องโกหก กลายเป็นว่าการโกหกของเค้าคือความผิดของเราไปซะอย่างนั้นค่ะ ส่วนรักแรกของเค้าเวลาขึ้นมาที่กรุงเทพฯก็จะแวะมาหาเค้าและแม่ที่บ้านเสมอ ทำตัวสนิทสนมกับทุกคนที่บ้านเค้า พอเราทราบเรื่อง เราก็คุยกับเค้าตรงๆว่าเราไม่สบายใจมากกับเรื่องนี้ ขอร้องให้เค้าช่วยห่างออกมาได้มั้ย คุยกันได้แต่ต้องรักษาระยะห่างเพราะตอนนี้เค้ามีเราแล้ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเค้าโกรธค่ะ เค้าบอกว่ารู้จักกันมานาน รู้จักกันก่อนที่เค้าจะรู้จักเราด้วยซ้ำและตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรไม่มีอะไรแล้ว เราคิดมากบ้าบอปัญญาอ่อนไปเอง สุดท้ายเค้าไม่ยอมค่ะ ยืนยันที่จะคุยกันเหมือนเดิมทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงโดยไม่สนใจความรู้สึกเรา จากนั้นเค้าก็ไล่และบอกเลิกเราให้รักแรกของเค้าได้ยินค่ะ (คุยผ่านโทรศัพท์สามคน)
- เบอร์โทรศัพท์ที่เค้าใช้อยู่ปัจจุบันเป็นเบอร์ที่ใช้ชื่อภรรยาเก่า (คนละคนกับรักแรก) ในการลงทะเบียนซิมการ์ดค่ะ เราถามเค้าว่าสามารถเปลี่ยนจากชื่อภรรยาเก่ามาเป็นชื่อเค้าเองได้มั้ย รวมทั้งที่อยู่ในการจัดส่งเอกสารบิลเรียกเก็บค่าโทรศัพท์ด้วยให้มาเป็นบ้านเค้าเอง ในความคิดเราคืออยากให้ทุกอย่างเด็ดขาดชัดเจนไม่ใช่คาราคาซังเรื่องนั้นเรื่องนี้ทั้งๆที่เลิกรากันไปแล้ว อีกทั้งสะดวกกับตัวเค้าเองด้วยหากเปลี่ยนชื่อผู้ลงทะเบียนมาเป็นชื่อของตัวเค้าเอง แต่เค้าโกรธเราค่ะ โกรธมากด้วย ด่าว่าเราไม่รู้จักมองข้ามเรื่องเล็กๆบ้าง เค้าอึดอัด บอกว่าเราชอบบังคับทั้งๆที่เราพูดขอร้องเค้าดีๆและมีแต่เค้าที่ตะโกนใส่หน้าเราตลอดทุกครั้งที่มีปัญหากัน เค้าบอกเราว่าไม่ให้ไปยุ่งกับทางนั้นเพราะเค้าไม่เคยยุ่งกับเรา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเราไม่เคยยุ่งไม่เคยคุยกับทางโน้นเลย มีแต่เราที่เป็นผู้ถูกกระทำเพราะแรกๆที่คบกันเราถูกอดีตภรรยาเค้าส่งข้อความผ่านเฟสบุ๊คมาระรานตลอด ซึ่งพอเราบอกเค้าเรื่องนี้เค้ากลับไม่เชื่อเราค่ะหาว่าเราใส่ร้ายทางโน้น และบอกว่าอาจเป็นเราเองที่ส่งมาด่าตัวเองก็ได้ ไม่รู้ว่าคิดแบบนี้ได้ยังไง ส่วนเรื่องชื่อผู้ลงทะเบียนซิมการ์ดสุดท้ายแล้วเค้ายืนยันไม่ยอมเปลี่ยนค่ะ
- บริษัทที่เค้าทำงานอยู่จะมีบริษัทพาร์ทเนอร์ที่เวลาไปพบลูกค้าคนทั้งสองบริษัทนี้จะต้องเดินทางไปด้วยกัน และเหตุเกิดขึ้นจากเค้าต้องไปทำงานสองต่อสองกับผู้หญิงคนนึงที่อยู่บริษัทพาร์ทเนอร์ ทุกครั้งที่แฟนเราไปกับผู้หญิงคนนี้เราไม่สบายใจค่ะ เนื่องจากก่อนหน้ามีเหตุการณ์ที่เค้าไปกับผู้หญิงคนนี้สองต่อสองแล้วไม่รับสายเราไม่โทรกลับจนกระทั่งเค้าสองคนแยกกัน อีกทั้งมีอยู่ครั้งนึงที่เค้าไม่สบายโทรลาป่วยตั้งแต่เช้า แต่พอที่อ๊อฟฟิศโทรมาบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไปด้วย เค้ายกเลิกการลางานและรีบแต่งตัวออกไปทำงานทันทีทั้งที่ต้องขับรถไปไกลถึงสระบุรี โดยอ้างกับเราว่าที่ทำงานโทรมาตามและเราเองก็รู้ว่าที่นี่ลางานยาก (เราสองคนเคยทำงานที่เดียวกันค่ะเลยทราบเรื่องลางานยาก) เค้าเลยไม่อยากมีปัญหา (แต่ยอมมีปัญหากับเรา)
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเพื่อความสบายใจของเรา เราเลยขอร้องเค้าว่าเวลาอยู่กับผู้หญิงคนนี้ช่วยโทรหาเราคุยกับเราต่อหน้าผู้หญิงคนนี้บ้างเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เค้าโทรค่ะ แต่แค่โทรมาบอกว่า "พี่อยู่กับจูนแล้วจะคุยงานกันแค่นี้นะ" แล้ววางสาย เราเลยโทรกลับไปทันทีเค้ารับสายแล้วถามว่ามีอะไรอีก เราเลยถามว่าทำไมรีบวางจังคุยกับเราต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เหรอ แค่นั้นแหละค่ะ เค้าด่าเราต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นเลยว่าเราพูดไม่รู้เรื่องงี่เง่าน่าเบื่อ แล้ววางสาย .... แบบนี้จะให้เราสบายใจได้ยังไง เราเลยกะเวลาว่าให้เค้าสองคนแยกกันแล้วโทรไปใหม่ ที่รอแยกกันเพราะเรื่องส่วนตัวอยากจะคุยส่วนตัวจึงต้องรอตอนที่ผู้หญิงคนนั้นลงรถไปแล้ว แต่ปรากฏว่าเค้าสองคนยังอยู่ด้วยกันค่ะ แฟนเราไปส่งถึงที่ คือขามาผู้หญิงนั่งแท็กซี่มาเองได้ แต่ขากลับนั่งให้แฟนเราไปส่งถึงที่ทั้งๆที่ไปคนละทางโดยไม่มีความเกรงใจ และคงเพราะแฟนเราอาสาไปส่งเค้าเองด้วยแหละเลยเข้าทางผู้หญิง เราเข้าใจนะคะว่าเป็นเรื่องของความมีน้ำใจที่ให้ติดรถมาด้วย แต่มาส่งแค่ตรงที่มีแท็กซี่แล้วให้ผู้หญิงนั่งกลับเองไม่ได้เหรอ ในเมื่อขามามาเองได้ทำไมขากลับถึงกลับเองไม่ได้ รู้ทั้งรู้ว่าเราไม่สบายใจเรื่องผู้หญิงคนนี้แต่ก็ยังทำให้เราคิดมาก เวลาเราติดรถพี่ผู้ชายทีมีแฟนหรือมีครอบครัวแล้วนี่เราจะเกรงใจเค้ามากเป็นพิเศษเลยนะ จะขอลงที่ๆใกล้ที่สุดที่มีแท็กซี่แล้วกลับเอง ถึงแม้พี่เค้ายืนยันจะไปส่งถึงที่ก็เถอะแต่เราปฏิเสธ เกรงใจจริงๆ เกรงใจแฟนพี่เค้าด้วย ใจเค้าใจเราค่ะ เลยมานั่งคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเค้าไม่คิดแบบเดียวกันกับเราบ้างเหรอ เราคุยกับแฟนเราเรื่องนี้แต่แฟนเรากลับโมโหใส่ด่าว่าเรางี่เง่าปัญญาอ่อนค่ะ
ตลอดเวลาที่คบกันมามีเรื่องให้ทะเลาะกันมาตลอดค่ะ ส่วนใหญ่คือเรื่องความไม่ชัดเจนของเค้าเอง ตอนคบกันใหม่ๆเรานี่เรียกได้ว่าอยู่ในมุมมืดเสียด้วยซ้ำเพราะต้องปิดบังคนที่อ๊อฟฟิศ เพื่อนๆเค้าไม่เคยรับรู้ว่าเรามีตัวตน ที่บ้านเค้าเราก็ไม่เคยได้ไป ถ้าไม่เพราะเราไม่ยอมในเรื่องนี้เราคงไม่ได้ออกจากมุมมืดตลอดการคบกันแน่นอนกัน ในทางกลับกัน เราพาเค้าเข้าบ้านให้พ่อแม่รู้จักตั้งแต่คบกันใหม่ๆ พาออกงานเจอเพื่อน เราคิดเสมอว่าถ้าต้องการสิ่งไหนต้องให้สิ่งนั้นก่อนถึงจะได้รับกลับมา เราเลยชัดเจนกับเค้าทุกเรื่อง แต่ตอนนี้เรารู้แล้วค่ะว่าเราคิดผิด เพราะที่ผ่านมาแต่ละอย่างกว่าจะได้มาเราต้องแลกกับความเสียใจและน้ำตามาโดยตลอดค่ะ
ครั้งนี้เราหมดความอดทนกับเค้าแล้วจริงๆ เลิกกับเค้าเราเสียใจมากและสงสารลูกด้วยเพราะลูกสาวเรารักเค้ามาก (เรามีลูกติดค่ะส่วนเค้าไม่มี) แต่เราไม่ไหวแล้วจริงๆ พอเค้าออกปากไล่และบอกเลิกเพราะเลือกที่จะยังคงพูดคุยติดต่อแฟนคนแรกที่เป็นรักแรกของเค้า เราเลยยินดีไปแต่โดยดีค่ะ เราเหนื่อยมามากแล้ว เหนื่อยจะพูดขอร้อง เหนื่อยจะฟังคำด่า เหนื่อยกับความเจ็บปวด เราปรึกษาพ่อกับแม่เรื่องนี้และท่านก็เคารพการตัดสินใจของเราค่ะ
วันนี้งานเบาบางลงเลยมีเวลามานั่งเขียนเรื่องนี้ลงพันทิป อยากทราบมุมมองของคนอื่นดูบ้างว่าสิ่งที่เราขอเค้ามันน่าอึดอัดขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมเราถึงคิดว่านี่คือสิ่งที่คนรักกันควรทำให้กันโดยไม่ต้องร้องขอ หรือจริงๆแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาเค้าไม่เคยรักเราเลยถึงได้อึดอัดกับในเรื่องที่ไม่ควรอึดอัด เค้าคงมองเราเป็นแค่ตัวแทนของรักแรกของเค้าเท่านั้น (ช่วงเดทกันเค้าเคยบอกค่ะว่าเราหน้าเหมือนพี่ยาแฟนเก่าที่เป็นรักแรกของเค้า เลยคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เค้าคบเราเพื่อเป็นตัวแทนรักแรกของเค้าเท่านั้นเนื่องจากรักแรกของเค้าเองก็มีแฟนแล้ว ....... ต่างคนต่างมีแฟนแต่ก็ยังคุยกันโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนที่กำลังคบอยู่ เพื่อนคนอื่นไม่มีให้คุยด้วยแล้วหรือยังไง ไม่เข้าใจเลยจริงๆค่ะ)
**Edit เพื่อแก้ไขคำผิดค่ะ**