ก่อนอื่นอยากบอกทุกคนว่า การเขียนครั้งนี้เป็นการเขียนครั้งแรกที่บอกเล่าประสบการณ์อันแสนสาหัสนี้
เราเริ่มต้นคบกับแฟนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบปริญญาตรี ในตอนนั้นเป็นการคบหากันทางโทรศัพพ์ และ วีดีโอคอลเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเราสองคนอยู่ไกลกัน เรากับแฟนอายุห่างกันเกือบ 8 ปีและแน่นอนเค้าทำงานแล้วและมีการงานที่มั่นคง
หลังจากเราเรียนจบ เราสองคนก้ได้พบเจอกันบ่อยขึ้น เค้าเป็นพี่ชายที่แสนดีมาก คอยดูแลเราทุกอย่างไม่ขาดตกอะไร จนสุดท้ายเราก็ได้เสียกัน หลังจากคบกันมาได้ 3 ปี ในช่วงเวลานั้นเราสองคนมีความสุขกันมาก คอยดูแลกันและกันตลอดมา
จนเข้าปีที่ 5 ที่เราคบกัน เราตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทและเค้าก็เห็นด้วย ถึงแม้ว่าเค้าจะทำงานหนัก เราเองก้เรียนหนักและทำงานหนัก และอยู่กันคนละที่ แต่ก็คอยไปมา พบเจอกันทุกๆเสาร์อาทิต
เมื่อย่างเข้าสู่ปีที่ 7 เราตัดสินใจถามเค้าเรื่องการแต่งงาน หรือการหมั้นหมาย เป็นการถามแบบสุภาพไม่โจ่งแจ้งอะไร สิ่งที่เราได้กลับมาคือ เค้าบอกว่าเงินที่จะมาจัดงานแต่งงานหรือสินสอดเก็บไว้ทำธุรกิจดีกว่ามั้ย แต่งงานไร้ประโยชน์ เราหน้าชาไปหมด ร้องไห้และทะเลอะกันชุดใหญ่ และเราเป็นฝ่ายขอจบความสัมพัน เราตัดขาดทุกอย่าง ไม่รับโทรศัพ ไม่ติดต่อ แต่เค้าก้พยายามตามง้อ
เมื่อเข้าสู่ปีที่ 8 เค้ายังคงตามง้อเราตลอดมา เราเองก็รับโทรศัพบ้าง ไม่รับบ้าง และมีอยู่คืนหนึ่งที่เค้าโทรมา ร้องไห้ชุดใหญ่และบอกกับเราว่า ทำมัยชีวิตของเค้าพบเจอแต่ผู้หญิงที่ทิ้งเค้าไป ตอนนั้นเราคิดว่าเค้าหมายแม่แท้ๆๆของเค้าที่ทิ้งเค้าไปกับผู้ชายอื่น เลยปลอบใจเค้าไปไม่ได้คิดอะไร และด้วยคำพูดนี้ทำให้เราใจอ่อนคุยกับเค้ามากขึ้นแต่ยังไม่ให้อภัย และในที่สุดเค้าก้พูดคำหนึ่งมาว่า เค้าามง้อมาหนึ่งปีแล้วถ้าเราไม่ไห้อภัยเค้า เค้าจะไปไม่มารบกวนอีก เราเองเริ่มรู้สึกผิด เพราะตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เค้าโทรมาง้อแทบทุกวัน ให้พ่อโทรมาขอโทาเรา ให้น้องสาวโทรมาขอโทษเราด้วย สุดท่ายเราก็ใจอ่อนยอมคืนดี
เมื่อเข้าสู่ปีที่ 9 เป็นปีแห่งจุดเปลี่ยนของชีวิต เรายังเรียนไม่จบ เพราะทั้งเรียนทั้งงทำงาน เค้าเองก็เข้าใจและคอยให้กำลังใจมาตลอด จนวันหนึ่งเค้ามาเล่าให้ฟังว่าเค้าไปลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อนแต่ถูกโกง และต้องการเปิดบริาัทใหม่เอง แต่ไม่สามารถใช้ชื่อของเค้าได้และขอใช้ชื่อเราแทน ด้วยความไว้ใจเราตอบตกลง
ธุรกิจดำเนินไปด้วยดี เราทั้งเรียน ทั้งทำงานบริษัท และคอยช่วยงานเค้าหัวปักหัวปำ ด้วยความที่ว่าเราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน และในที่สุด เราท้อง!! และแพ้ท้องหนักมากจนตัดสินใจซื้อบ้านด้วยตัวเองแล้วก็ลาออกจากงาน มาอยู่บ้านและคอยช่วยธุรกิจ
พอเราบอกแฟนว่าท้องเค้ากลับไม่สนใจ และมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ไม่ดีใจ ทั้งๆๆที่เค้าเป็นคนบอกให้เราท้อง ไม่มาดูแลทั้งๆที่เราแพ้ท้องหนักมาก ไม่ค่อยกลับบ้านอ้างว่าทำงานหนักและเหนื่อยขอพักที่นั่นโน่นนี่บ้าง เราก็ตามใจ
ในวันที่เราจะไปฝากครรภ์เค้าเองไม่สนใจที่จะพาไปแต่เราบังคับ และสอบถามเรื่องการแต่งงาน เพราะเราเคยบอกไว้ว่าถ้าจะไห้เราท้องต้องแต่งงานกัน เค้ากลับบ่ายเบี่ยงและไม่สนใจ เราเลยตัดสินใจบอกครอบครัวเราและครอบครัวเค้า แต่ครอบครัวเค้าก้เงียบเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่เราตั้งท้องได้ 4 เดือน เราจับได้ว่าเค้ามีเมียน้อย เราอาละวาดแบบไร้สติ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เค้าทั้งตบ ทั้งตี สารพัด ต่อหน้าเมียน้อยของเค้าและผู้หยิงคนนั้นก็ได้แต่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากบตีเราจนพอใจแบบที่ไม่สนว่าในท้องของเรามีลูกของเค้าอยู่ เค้าก้หันไปกอดจูบลูบคลำกับเมียน้อยเค้าสบายใจ ตอนนั้นเราเจ็บปวดมาก เจ็บทั้งใจ เจ็บทั้งกายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกลัวจะส่งผลถึงลูกในท้อง
เวลาผ่านไปเรื่อยๆเค้าไม่เคยใส่ใจเราและลุก สนใจแต่ตัวเองและเมียน้อย และไม่สนใจธุรกิจ สิ่งที่ตามมาคือหนี้สินที่ล้นพ้น และเป็นชื่อเราคนเดียวทั้งสิ้นรวมกันเกือบล้านบาท
พอเราท้องได้ 5 เดือนเค้าพาเราไปที่ห้องพักที่เช่าไว้ให้เมียน้อย เค้าลองคนมีอะไรกันไห้เราดู และบอกว่าถ้าเราทนดูได้ เราจะสามารถยอมรับให้เค้ามีเมียอีกคนได้ ในตอนนั้นเราได้แต่ร้องให้และทนดูอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้า และก็ขับรถกลับบ้านด้วยตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำไห้เราคิดได้ว่าเค้าไม่มีทางกลับมาแล้ว เราเลยตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับครอบครัวเค้าเพื่อขอให้เค้ารับรู้ทุกอย่างที่ลูกชายเค้าก่อ พร้อมภาระหนี้สินที่เราต้องจัดการ แต่ครอบครัวเค้าขอให้เราใจเย็นและเค้าขอจัดการเอง เราจึงขอร้องให้พ่อเค้ามาจัดงานแต่งงานให้เพื่อแลกกับการที่เราเงียบไว้ก่อน เพื่อกู้หน้าตาตัวเองและพ่อแม่ ถึงแม้มันจะสายไปแล้วก้ตาม
เวลาล่วงเลยมาจนเราท้องได้ 7 เดือน ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม และหนักกว่าเดิม เราตัดสินใจบอกกับเค้าว่าถ้าเค้าไม่จบกับผู้หยิงคนนั้น เราจะขอจบทุกอย่างเอง แต่เค้าก้ไม่สนใจอะไร เราจึงจัดสินใจบอกกับครอบครัวเรากับปัญหาที่เกิดขึ้ดขึ้นทั้งหมด ครอบครัวเราโกรธมากและเกลียดเค้ามาก เพราะเค้ารู้ว่าเรารักและทุ่มเทเพราะผู้ชายคนนี้สุดชีวิต รวมทั้งกับที่เรายืมเงินพ่อแม่เรามาไห้เค้าทำธุกิจ เพราะหลังจากที่เค้าถุกโกงก็ไม่เหลือเงินสักบาท
เราตัดสินใจขอจบและแยกทางกัน และขอแบ่งสมบัติและไห้จัดการหนี้สิน เค้ากลับจะเอาทุกอย่างไม่แบ่งให้เราสักอย่าง และไม่สนใจหนี้สินที่เป็นชื่อเราด้วย และเค้าไม่จบและไม่ไปไหนทั้งสิ้น และสิ่งที่เค้าทำคือเขี่ยผู้หยิงคนนั้นทิ้งในทันที่ เราก้แอบแปลกใจทำมัยเค้าทำแบบนั้น สุดท้ายคือ พอเรื่องแดงขึ้นมาทุกคนรอบตัวรู้เรื่อง เพื่อนสนิทที่สุดของเค้ากลับมาบอกเค้าว่า เมียน้อยของเค้า ก็เป็นเมียของเค้าเหมือนกัน เค้าทิ้งเมียน้อยเพราะจับได้ว่านางมีผัวหลายคน แต่ละคนจะคอยให้เงินนางใช้สนุกมือนั่นเอง
จนถึงวันที่เราคลอดลุกเค้ายังคงไม่ไปไหน เปลี่ยนเป็นคนละคน แต่สิ่งที่เมหือนเดิมคือเค้ายังคงไม่ยอมให้เราดูมือถือ และหวงมือถือมาก นั่นหมายความว่าเค้ากำลังโกหกเราเช่นเคย และสุดท้ายเราก็จับได้ว่าเค้าตามง้อเมียน้อย หลังจากที่เขี่ยเค้าไป เราเจ็บจนจุกแต่ก็ทนเพราะลูกยังเล็ก ทุกครั้งที่เค้าเมาจะด่าพ่อแม่และครอบครัวเราเหมือนหมูเหมือนหมา ขู่ฆ่าสารพัด ด่าเราว่าควายที่จงรักภักดี แต่เราก็ทนเพื่อลุก อยากรอให้เค้าโตกว่านี้
ปัจจุบันเราแอบดูเวลาเค้าเล่นมือถือสิ่งที่เราพบคือ เค้าแอบคุยกับผู้หญิงขายบริการมากมายนับไม่ถ้วน เราด่าเค้าสารพัดและไล่เค้าหนีเค้าก็ไม่ไปไหน และอ้างเรื่องลูกตลอดว่าไม่อยากไห้ลูกเป็นกำพร้า ก็พลอยทำไห้เราเงียบไปด้วย แต่ก็ทุกใจตลอดกับการคอยจับผิด และระแวง เราได้แต่อดทนรอลุกโตกว่านี้ก่อน
เราตัดสินใจหันกลับมารักตังเองโดยไม่สนใจเค้า แลออกหางานทำอีกครั้ง และหันกลับมาเรียนจนจบปริญญาโท นี่คือสิ่งที่พยายามทำ ทั้งๆที่ใจเจ็บปวดมาก ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่จะไม่นึกถึงความเจ้บปวดที่ผ่านมา ปัจจุบันเรายังคงไปพบจิตแพทย์และรักษาตัวเพื่อลูก
อยากจะถามทุกคนว่า ถ้าเจอเหตุการณืเดียวกันจะทำเช่นไรค่ะ
หากคุณเจอเรื่องราวที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต ที่แม้แต่อยากตายไปให้พ้นก็ไม่มีสิทธิ์ คุณจะใช้ชีวิตกับมันยังไง
เราเริ่มต้นคบกับแฟนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบปริญญาตรี ในตอนนั้นเป็นการคบหากันทางโทรศัพพ์ และ วีดีโอคอลเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเราสองคนอยู่ไกลกัน เรากับแฟนอายุห่างกันเกือบ 8 ปีและแน่นอนเค้าทำงานแล้วและมีการงานที่มั่นคง
หลังจากเราเรียนจบ เราสองคนก้ได้พบเจอกันบ่อยขึ้น เค้าเป็นพี่ชายที่แสนดีมาก คอยดูแลเราทุกอย่างไม่ขาดตกอะไร จนสุดท้ายเราก็ได้เสียกัน หลังจากคบกันมาได้ 3 ปี ในช่วงเวลานั้นเราสองคนมีความสุขกันมาก คอยดูแลกันและกันตลอดมา
จนเข้าปีที่ 5 ที่เราคบกัน เราตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทและเค้าก็เห็นด้วย ถึงแม้ว่าเค้าจะทำงานหนัก เราเองก้เรียนหนักและทำงานหนัก และอยู่กันคนละที่ แต่ก็คอยไปมา พบเจอกันทุกๆเสาร์อาทิต
เมื่อย่างเข้าสู่ปีที่ 7 เราตัดสินใจถามเค้าเรื่องการแต่งงาน หรือการหมั้นหมาย เป็นการถามแบบสุภาพไม่โจ่งแจ้งอะไร สิ่งที่เราได้กลับมาคือ เค้าบอกว่าเงินที่จะมาจัดงานแต่งงานหรือสินสอดเก็บไว้ทำธุรกิจดีกว่ามั้ย แต่งงานไร้ประโยชน์ เราหน้าชาไปหมด ร้องไห้และทะเลอะกันชุดใหญ่ และเราเป็นฝ่ายขอจบความสัมพัน เราตัดขาดทุกอย่าง ไม่รับโทรศัพ ไม่ติดต่อ แต่เค้าก้พยายามตามง้อ
เมื่อเข้าสู่ปีที่ 8 เค้ายังคงตามง้อเราตลอดมา เราเองก็รับโทรศัพบ้าง ไม่รับบ้าง และมีอยู่คืนหนึ่งที่เค้าโทรมา ร้องไห้ชุดใหญ่และบอกกับเราว่า ทำมัยชีวิตของเค้าพบเจอแต่ผู้หญิงที่ทิ้งเค้าไป ตอนนั้นเราคิดว่าเค้าหมายแม่แท้ๆๆของเค้าที่ทิ้งเค้าไปกับผู้ชายอื่น เลยปลอบใจเค้าไปไม่ได้คิดอะไร และด้วยคำพูดนี้ทำให้เราใจอ่อนคุยกับเค้ามากขึ้นแต่ยังไม่ให้อภัย และในที่สุดเค้าก้พูดคำหนึ่งมาว่า เค้าามง้อมาหนึ่งปีแล้วถ้าเราไม่ไห้อภัยเค้า เค้าจะไปไม่มารบกวนอีก เราเองเริ่มรู้สึกผิด เพราะตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เค้าโทรมาง้อแทบทุกวัน ให้พ่อโทรมาขอโทาเรา ให้น้องสาวโทรมาขอโทษเราด้วย สุดท่ายเราก็ใจอ่อนยอมคืนดี
เมื่อเข้าสู่ปีที่ 9 เป็นปีแห่งจุดเปลี่ยนของชีวิต เรายังเรียนไม่จบ เพราะทั้งเรียนทั้งงทำงาน เค้าเองก็เข้าใจและคอยให้กำลังใจมาตลอด จนวันหนึ่งเค้ามาเล่าให้ฟังว่าเค้าไปลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อนแต่ถูกโกง และต้องการเปิดบริาัทใหม่เอง แต่ไม่สามารถใช้ชื่อของเค้าได้และขอใช้ชื่อเราแทน ด้วยความไว้ใจเราตอบตกลง
ธุรกิจดำเนินไปด้วยดี เราทั้งเรียน ทั้งทำงานบริษัท และคอยช่วยงานเค้าหัวปักหัวปำ ด้วยความที่ว่าเราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน และในที่สุด เราท้อง!! และแพ้ท้องหนักมากจนตัดสินใจซื้อบ้านด้วยตัวเองแล้วก็ลาออกจากงาน มาอยู่บ้านและคอยช่วยธุรกิจ
พอเราบอกแฟนว่าท้องเค้ากลับไม่สนใจ และมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ไม่ดีใจ ทั้งๆๆที่เค้าเป็นคนบอกให้เราท้อง ไม่มาดูแลทั้งๆที่เราแพ้ท้องหนักมาก ไม่ค่อยกลับบ้านอ้างว่าทำงานหนักและเหนื่อยขอพักที่นั่นโน่นนี่บ้าง เราก็ตามใจ
ในวันที่เราจะไปฝากครรภ์เค้าเองไม่สนใจที่จะพาไปแต่เราบังคับ และสอบถามเรื่องการแต่งงาน เพราะเราเคยบอกไว้ว่าถ้าจะไห้เราท้องต้องแต่งงานกัน เค้ากลับบ่ายเบี่ยงและไม่สนใจ เราเลยตัดสินใจบอกครอบครัวเราและครอบครัวเค้า แต่ครอบครัวเค้าก้เงียบเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่เราตั้งท้องได้ 4 เดือน เราจับได้ว่าเค้ามีเมียน้อย เราอาละวาดแบบไร้สติ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เค้าทั้งตบ ทั้งตี สารพัด ต่อหน้าเมียน้อยของเค้าและผู้หยิงคนนั้นก็ได้แต่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากบตีเราจนพอใจแบบที่ไม่สนว่าในท้องของเรามีลูกของเค้าอยู่ เค้าก้หันไปกอดจูบลูบคลำกับเมียน้อยเค้าสบายใจ ตอนนั้นเราเจ็บปวดมาก เจ็บทั้งใจ เจ็บทั้งกายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกลัวจะส่งผลถึงลูกในท้อง
เวลาผ่านไปเรื่อยๆเค้าไม่เคยใส่ใจเราและลุก สนใจแต่ตัวเองและเมียน้อย และไม่สนใจธุรกิจ สิ่งที่ตามมาคือหนี้สินที่ล้นพ้น และเป็นชื่อเราคนเดียวทั้งสิ้นรวมกันเกือบล้านบาท
พอเราท้องได้ 5 เดือนเค้าพาเราไปที่ห้องพักที่เช่าไว้ให้เมียน้อย เค้าลองคนมีอะไรกันไห้เราดู และบอกว่าถ้าเราทนดูได้ เราจะสามารถยอมรับให้เค้ามีเมียอีกคนได้ ในตอนนั้นเราได้แต่ร้องให้และทนดูอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้า และก็ขับรถกลับบ้านด้วยตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำไห้เราคิดได้ว่าเค้าไม่มีทางกลับมาแล้ว เราเลยตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับครอบครัวเค้าเพื่อขอให้เค้ารับรู้ทุกอย่างที่ลูกชายเค้าก่อ พร้อมภาระหนี้สินที่เราต้องจัดการ แต่ครอบครัวเค้าขอให้เราใจเย็นและเค้าขอจัดการเอง เราจึงขอร้องให้พ่อเค้ามาจัดงานแต่งงานให้เพื่อแลกกับการที่เราเงียบไว้ก่อน เพื่อกู้หน้าตาตัวเองและพ่อแม่ ถึงแม้มันจะสายไปแล้วก้ตาม
เวลาล่วงเลยมาจนเราท้องได้ 7 เดือน ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม และหนักกว่าเดิม เราตัดสินใจบอกกับเค้าว่าถ้าเค้าไม่จบกับผู้หยิงคนนั้น เราจะขอจบทุกอย่างเอง แต่เค้าก้ไม่สนใจอะไร เราจึงจัดสินใจบอกกับครอบครัวเรากับปัญหาที่เกิดขึ้ดขึ้นทั้งหมด ครอบครัวเราโกรธมากและเกลียดเค้ามาก เพราะเค้ารู้ว่าเรารักและทุ่มเทเพราะผู้ชายคนนี้สุดชีวิต รวมทั้งกับที่เรายืมเงินพ่อแม่เรามาไห้เค้าทำธุกิจ เพราะหลังจากที่เค้าถุกโกงก็ไม่เหลือเงินสักบาท
เราตัดสินใจขอจบและแยกทางกัน และขอแบ่งสมบัติและไห้จัดการหนี้สิน เค้ากลับจะเอาทุกอย่างไม่แบ่งให้เราสักอย่าง และไม่สนใจหนี้สินที่เป็นชื่อเราด้วย และเค้าไม่จบและไม่ไปไหนทั้งสิ้น และสิ่งที่เค้าทำคือเขี่ยผู้หยิงคนนั้นทิ้งในทันที่ เราก้แอบแปลกใจทำมัยเค้าทำแบบนั้น สุดท้ายคือ พอเรื่องแดงขึ้นมาทุกคนรอบตัวรู้เรื่อง เพื่อนสนิทที่สุดของเค้ากลับมาบอกเค้าว่า เมียน้อยของเค้า ก็เป็นเมียของเค้าเหมือนกัน เค้าทิ้งเมียน้อยเพราะจับได้ว่านางมีผัวหลายคน แต่ละคนจะคอยให้เงินนางใช้สนุกมือนั่นเอง
จนถึงวันที่เราคลอดลุกเค้ายังคงไม่ไปไหน เปลี่ยนเป็นคนละคน แต่สิ่งที่เมหือนเดิมคือเค้ายังคงไม่ยอมให้เราดูมือถือ และหวงมือถือมาก นั่นหมายความว่าเค้ากำลังโกหกเราเช่นเคย และสุดท้ายเราก็จับได้ว่าเค้าตามง้อเมียน้อย หลังจากที่เขี่ยเค้าไป เราเจ็บจนจุกแต่ก็ทนเพราะลูกยังเล็ก ทุกครั้งที่เค้าเมาจะด่าพ่อแม่และครอบครัวเราเหมือนหมูเหมือนหมา ขู่ฆ่าสารพัด ด่าเราว่าควายที่จงรักภักดี แต่เราก็ทนเพื่อลุก อยากรอให้เค้าโตกว่านี้
ปัจจุบันเราแอบดูเวลาเค้าเล่นมือถือสิ่งที่เราพบคือ เค้าแอบคุยกับผู้หญิงขายบริการมากมายนับไม่ถ้วน เราด่าเค้าสารพัดและไล่เค้าหนีเค้าก็ไม่ไปไหน และอ้างเรื่องลูกตลอดว่าไม่อยากไห้ลูกเป็นกำพร้า ก็พลอยทำไห้เราเงียบไปด้วย แต่ก็ทุกใจตลอดกับการคอยจับผิด และระแวง เราได้แต่อดทนรอลุกโตกว่านี้ก่อน
เราตัดสินใจหันกลับมารักตังเองโดยไม่สนใจเค้า แลออกหางานทำอีกครั้ง และหันกลับมาเรียนจนจบปริญญาโท นี่คือสิ่งที่พยายามทำ ทั้งๆที่ใจเจ็บปวดมาก ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่จะไม่นึกถึงความเจ้บปวดที่ผ่านมา ปัจจุบันเรายังคงไปพบจิตแพทย์และรักษาตัวเพื่อลูก
อยากจะถามทุกคนว่า ถ้าเจอเหตุการณืเดียวกันจะทำเช่นไรค่ะ