สวัสดีครับ ผม Yod Chinchilla ล่าสุดทางค่าย Honda ได้เปิดตัว CR-V ตัวใหม่ล่าสุดซึ่งนับเป็น Generation ที่ 5 ของ CR-V แล้วนะครับ วันนี้เรามาย้อนดูประวัติกันสักหน่อยดีกว่า ว่า CR-V นั้นมีมากี่รุ่นแล้วแต่ละรุ่นเริ่มตั้งแต่ปีใดบ้าง เราจะมาค้นหาเคล็ดลับความสำเร็จของมันด้วยกัน
Gen1 (1995-2002)
CR-V รุ่นแรกได้เปิดตัวปี 1995 มาพร้อมกับรหัสเครื่องยนต์ B20B ขนาด 2000cc กำลังสูงสุด 126 แรงม้า หลังจากมีการ Minorchange แล้วได้เปลี่ยนไปใช้เครื่อง B20Z ขนาด 2000cc 146 แรงม้าเข้ามาแทน CRV โฉมนี้ขึ้นชื่อเรื่องซดน้ำมันมากเราจึงเห็นคนนำมาติดแก็สเป็นส่วนใหญ่และด้วยรูปทรงที่กะทัดรัดของมันทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าผู้หญิงมาก โดยทั้งตัวก่อน Minorchange และตัว Minorchange มีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้ง เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดและเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โดยมีระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ
Gen2 (2002-2006)
โฉมนี้ผลิตขึ้นโดยมี Honda Civic โฉม ES Dimension เป็นต้นแบบ CR-V Gen2 มาพร้อมกับ VTEC เต็มรูปแบบโดยทาง Honda เคลมว่าประหยัดและแรงกว่า CR-V Gen1 แต่ทว่าคนก็ยังนิยมนำมาติดแก๊สกันอยู่ดี แต่รุ่นนี้ก็มีคนบ่นกันว่า เครื่อง 2.0 ติดแก๊สจะไม่ทนถ้าเทียบกับ CR-V Gen อื่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคนดูแลครับ บางคนขับไปไม่เท่าไหร่ก็พังซะแล้วเนื่องจากชอบนำรถมายำเล่น โดยเครื่องยนต์ใน CR-V Gen2 มีให้เลือกทั้ง 2.0, 2.4 ในประเทศไทยโดยเครื่อง 2.4 จะมาตอน Minorchange และ 2.2 (ในต่างประเทศ) ส่วนตัวแล้วนี่เป็น CR-V โฉมที่ผมชอบที่สุดครับ
Gen3 (2006-2012)
CR-V Gen3 ในประเทศไทยมีให้เลือกเครื่องยนต์ i-VTEC 2 บล็อค คือ 2.0 รหัส R20A 150 แรงม้า และ 2.4 รหัส K20W4 170 แรงม้า ส่วนเครื่อง 2.2 ดีเซลจะมีให้เลือกในต่างประเทศส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด โดยรุ่นนี้พื้นฐานเครื่องยนต์จะเหมือนกับ Honda Accord Gen8 ในยุคนั้น
Gen3 ถือว่าเป็นอีกรุ่นนึงที่ขายดีและน่าใช้เพราะเป็นรถอเนกประสงค์แถมราคามือสองตอนนี้ที่ไม่แพงมาก ถึงแม้รูปทรงมันจะดูแปลกๆ ก็เหอะ เครื่อง 2.0 อาจจะดูอืดในรอบต้นสักหน่อยแต่พอก็วิ่งขึ้นมาโอเคครับ สำหรับคนเท้าหนักก็ไปตัว 2.4 น่าจะเหมาะกว่า การกินน้ำมันถือว่าค่อนข้างกินจุครับ สำหรับเครื่อง 2.0 อาจแบกน้ำหนักไปสักหน่อยเราจึงเห็นตัว 2.0 นำไปติดแก็สเยอะครับ
Gen4 (2012-2016)
CR-V Gen4 จะใช้เครื่องยนต์เหมือนกับ Gen3 แต่มีการปรับเซตใหม่ให้ประหยัดและแรงขึ้น โดยเครื่อง 2.0 ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้าซึ่งมากกว่า Gen3 ที่มี 150 แรงม้า ขณะที่ตัว 2.4 ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด โฉมนี้ถือว่าปรับปรุงข้อด้อยจากตัว Gen3 ได้ดีพอสมควรครับ เช่น ในเรื่องขอการเซทช่วงล่าง, ระบบเบรค รวมถึงการที่มันสามารถใช้น้ำมัน E85 ได้
Gen5 (2016-Present)
Generation ล่าสุดของ Honda CR-V มาพร้อมกับเครื่องยนต์ i-VTEC 2.4 ลิตร รหัส K20W4 ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้าจับคู่กับเกียร์ CVT และ ไฮไลท์เด็ดของโฉมนี้คือเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC Turbo รหัส N16A4 แรงม้า 160 ตัวกับแรงบิด 350 นิวตันเมตรกับเกียร์ ZF 9 สปีด ถือเป็นการนำเครื่องดีเซลมาขายในเมืองไทยครั้งแรกของ Honda มีเบาะแถว 3 หรือสไตล์ 5+2 ที่นั่งโดยสารสูงสุดถึง 7 ที่นั่งให้เลือก ก็ต้องดูกันต่อไปว่า CR-V โฉมนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนบรรพบุรุษหรือไม่ แต่ตอนนี้ก็เริ่มเห็นวิ่งบนถนนบ้างแล้วนะ
นี่แหละครับประวัติศาสตร์ของรถ SUV ยอดนิยมอย่าง Honda CR-V จริงๆ แล้วเคล็ดลับที่ทำให้มันขายดีก็คือเรื่อง After Service ครับ บริการดีลูกค้าก็อยากซื้อ และคำถามสุดท้ายสำหรับนะครับ Which one is the best CR-V for you? เม้นได้เลยนะครับ
คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่รีแนะนำร้านอาหาร แนะนำที่เที่ยวได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla หรือติดตามผ่านทาง Facebook Page: Chinchilla_autoholic ได้ตามลิ้งค์นี้ครับ
https://www.facebook.com/chinchillaautoholic/?ref=ts&fref=ts ไปกด Like กด Follow กันเยอะๆ นะครับ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic
ที่มา
http://www.crvclubthailand.com/index.php/topic,5.0.html
http://www.headlightmag.com/first-impression-honda-cr-v-1-6-diesel/
History of Honda CR-V: รถ Cross Over ขวัญใจมหาชนตลอดกาล
Gen1 (1995-2002)
CR-V รุ่นแรกได้เปิดตัวปี 1995 มาพร้อมกับรหัสเครื่องยนต์ B20B ขนาด 2000cc กำลังสูงสุด 126 แรงม้า หลังจากมีการ Minorchange แล้วได้เปลี่ยนไปใช้เครื่อง B20Z ขนาด 2000cc 146 แรงม้าเข้ามาแทน CRV โฉมนี้ขึ้นชื่อเรื่องซดน้ำมันมากเราจึงเห็นคนนำมาติดแก็สเป็นส่วนใหญ่และด้วยรูปทรงที่กะทัดรัดของมันทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าผู้หญิงมาก โดยทั้งตัวก่อน Minorchange และตัว Minorchange มีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้ง เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดและเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โดยมีระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ
Gen2 (2002-2006)
โฉมนี้ผลิตขึ้นโดยมี Honda Civic โฉม ES Dimension เป็นต้นแบบ CR-V Gen2 มาพร้อมกับ VTEC เต็มรูปแบบโดยทาง Honda เคลมว่าประหยัดและแรงกว่า CR-V Gen1 แต่ทว่าคนก็ยังนิยมนำมาติดแก๊สกันอยู่ดี แต่รุ่นนี้ก็มีคนบ่นกันว่า เครื่อง 2.0 ติดแก๊สจะไม่ทนถ้าเทียบกับ CR-V Gen อื่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคนดูแลครับ บางคนขับไปไม่เท่าไหร่ก็พังซะแล้วเนื่องจากชอบนำรถมายำเล่น โดยเครื่องยนต์ใน CR-V Gen2 มีให้เลือกทั้ง 2.0, 2.4 ในประเทศไทยโดยเครื่อง 2.4 จะมาตอน Minorchange และ 2.2 (ในต่างประเทศ) ส่วนตัวแล้วนี่เป็น CR-V โฉมที่ผมชอบที่สุดครับ
Gen3 (2006-2012)
CR-V Gen3 ในประเทศไทยมีให้เลือกเครื่องยนต์ i-VTEC 2 บล็อค คือ 2.0 รหัส R20A 150 แรงม้า และ 2.4 รหัส K20W4 170 แรงม้า ส่วนเครื่อง 2.2 ดีเซลจะมีให้เลือกในต่างประเทศส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด โดยรุ่นนี้พื้นฐานเครื่องยนต์จะเหมือนกับ Honda Accord Gen8 ในยุคนั้น
Gen3 ถือว่าเป็นอีกรุ่นนึงที่ขายดีและน่าใช้เพราะเป็นรถอเนกประสงค์แถมราคามือสองตอนนี้ที่ไม่แพงมาก ถึงแม้รูปทรงมันจะดูแปลกๆ ก็เหอะ เครื่อง 2.0 อาจจะดูอืดในรอบต้นสักหน่อยแต่พอก็วิ่งขึ้นมาโอเคครับ สำหรับคนเท้าหนักก็ไปตัว 2.4 น่าจะเหมาะกว่า การกินน้ำมันถือว่าค่อนข้างกินจุครับ สำหรับเครื่อง 2.0 อาจแบกน้ำหนักไปสักหน่อยเราจึงเห็นตัว 2.0 นำไปติดแก็สเยอะครับ
Gen4 (2012-2016)
CR-V Gen4 จะใช้เครื่องยนต์เหมือนกับ Gen3 แต่มีการปรับเซตใหม่ให้ประหยัดและแรงขึ้น โดยเครื่อง 2.0 ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้าซึ่งมากกว่า Gen3 ที่มี 150 แรงม้า ขณะที่ตัว 2.4 ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด โฉมนี้ถือว่าปรับปรุงข้อด้อยจากตัว Gen3 ได้ดีพอสมควรครับ เช่น ในเรื่องขอการเซทช่วงล่าง, ระบบเบรค รวมถึงการที่มันสามารถใช้น้ำมัน E85 ได้
Gen5 (2016-Present)
Generation ล่าสุดของ Honda CR-V มาพร้อมกับเครื่องยนต์ i-VTEC 2.4 ลิตร รหัส K20W4 ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้าจับคู่กับเกียร์ CVT และ ไฮไลท์เด็ดของโฉมนี้คือเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC Turbo รหัส N16A4 แรงม้า 160 ตัวกับแรงบิด 350 นิวตันเมตรกับเกียร์ ZF 9 สปีด ถือเป็นการนำเครื่องดีเซลมาขายในเมืองไทยครั้งแรกของ Honda มีเบาะแถว 3 หรือสไตล์ 5+2 ที่นั่งโดยสารสูงสุดถึง 7 ที่นั่งให้เลือก ก็ต้องดูกันต่อไปว่า CR-V โฉมนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนบรรพบุรุษหรือไม่ แต่ตอนนี้ก็เริ่มเห็นวิ่งบนถนนบ้างแล้วนะ
นี่แหละครับประวัติศาสตร์ของรถ SUV ยอดนิยมอย่าง Honda CR-V จริงๆ แล้วเคล็ดลับที่ทำให้มันขายดีก็คือเรื่อง After Service ครับ บริการดีลูกค้าก็อยากซื้อ และคำถามสุดท้ายสำหรับนะครับ Which one is the best CR-V for you? เม้นได้เลยนะครับ
คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่รีแนะนำร้านอาหาร แนะนำที่เที่ยวได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla หรือติดตามผ่านทาง Facebook Page: Chinchilla_autoholic ได้ตามลิ้งค์นี้ครับ https://www.facebook.com/chinchillaautoholic/?ref=ts&fref=ts ไปกด Like กด Follow กันเยอะๆ นะครับ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic
ที่มา
http://www.crvclubthailand.com/index.php/topic,5.0.html
http://www.headlightmag.com/first-impression-honda-cr-v-1-6-diesel/