จวนเจียนจะถึงวันจัดแสดงงานมหกรรมยานยนต์ Bangkok International Motor Show 2025 ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 46 ในวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายน 2025 ณ Impact Challenger 1-3 & Forum Hall 4 ก่อนที่เราจะเดินทางไปเยี่ยมชม มาเช็คลิสรถใหม่ที่จ่อคิวเปิดตัวในงาน ว่าจะมีแบรนด์ไหนรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง จะได้พุ่งเป้าไปที่บูธได้เลยไม่ต้องเสียเวลาเดินหา
รถใหม่เปิดตัวในงาน Motor Show 2025
Toyota Yaris Ativ HEV 2025
Toyota Hilux 2025
Nissan Serena e-POWER
Nissan Kicks 2025
MG IM6
MG HS 2025
Mitsubishi XForce HEV
GWM Tank 300 Diesel
AION UT
JAECOO 7 SHS PHEV
Zeekr 7X
DEEPAL S05
BYD ATTO 2
BYD Shark
Toyota Yaris Ativ HEV 2025
เป็นรุ่นที่นั่งยันนอนยันว่าเข้าแน่ๆ ในปี 2025 นี้ สำหรับ Toyota Yaris Ativ HEV มาพร้อมกับขุมพลังเบนซินไฮบริดใหม่ รหัสตัวถัง 2NR-VEX ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ระบบแปรผันวาล์ว Dual-VVT-i ผลิตพละกำลัง 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 121 นิวตันเมตร ที่ 4,100-4,800 รอบ/นาที ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ผลิตพละกำลังได้ 80 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร ทำให้มีกำลังรวมเป็น 111 แรงม้า ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน และขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ที่ล้อหน้า
Toyota Yaris Ativ HEV มีการปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มใหม่มาใช้ DNGA ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด DN F-Sedan ตัวเดียวกับที่ใช้ในรุ่น Veloz และ Yaris Cross Hybrid มาพร้อมกับระบบช่วงล่าง หน้าอิสระ MacPherson Strut หลัง Torsion Beam รวมถึงยังมีระบบ Toyota Safety Sense ใส่มาให้ด้วย และการเปิดตัวในครั้งนี้จะมาในรูปแบบของซีดานก่อน แต่แว่วๆ มาว่ามีลุ้นตัวแฮทช์แบ็กด้วยเช่นเดียวกัน
Toyota Hilux 2025
อีกหนึ่งรุ่นที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเราอย่างยาวนาน Toyota Hilux และสำหรับในโฉมนี้ก็น่าจะเดินทางมาจนสุดทางแล้ว แน่นอนว่าเราอาจจะได้เห็นคันจริงของรุ่นปี 2025 กันในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 46 ที่กำลังจะมาถึง โดยที่มีแนวโน้มว่าจะมาพร้อมกับระบบไฮบริดรุ่นใหม่ของพี่โต แต่ก็ยังไม่มีภาพหลุดออกมาให้เห็นเลย ที่แน่ๆ ครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนโฉมครั้งยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
Toyota Hilux 2025 จะมาพร้อมกับขุมพลังที่คาดการณ์ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบ ความจุ 2.8 ลิตร เสริมด้วยระบบ Mild Hybrid 48V และรวมถึงในรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินด้วยเช่นเดียวกัน
Nissan Serena e-POWER
เป็นรถยนต์ MPV อีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามอง ซึ่งสำหรับ Nissan Serena e-POWER คันนี้ ทางนิสสันประเทศไทยจะนำเข้าทั้งคันจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีราคาจำหน่ายที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 1.8 ล้านบาท Nissan Serena e-POWER มาพร้อมกับมิติตัวถังยาว 4,690 มิลลิเมตร กว้าง 1,715 มิลลิเมตร สูง 1,895 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อยาว 2,870 มิลลิเมตร โดยที่ระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 135 มิลลิเมตร และมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร
ทางด้านขุมพลัง Nissan Serena e-POWER ขับเคลื่อนแบบ FWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 AC3 Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนติดตั้งบริเวณใต้เบาะคู่หน้า และเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR14DDe ขนาด 1.4 ลิตร 1,443 ซีซี Direct Injection DOHC 16 วาล์ว กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 x 100.0 มิลลิเมตร (ขยายความจุจากบล๊อค HR12DE เดิม) กำลังอัด 13.0 : 1 ผลิตพละกำลังสูงสุด 98 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ที่ 5,600 รอบ/นาที โดยมีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 52 ลิตร มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Standard Mode, ECO Mode และ Sport Mode
Nissan Kicks 2025
ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดนิยมในบ้านเรา สำหรับ Nissan Kicks ในปี 2025 จะมาพร้อมกับระบบ e-POWER โดยมีจุดเด่นในการใช้เครื่องยนต์เพื่อปั่นไฟเท่านั้น ไม่ได้ใช้ในการขับเคลื่อน ทำให้การขับขี่เหมือนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งพละกำลังและฟีลลิ่งการขับขี่ ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากถึง 26.3 กิโลเมตร/ลิตร เลยทีเดียว
Nissan Kicks 2025 มีมิติตัวถังยาว 4,330 มิลลิเมตร กว้าง 1,760 มิลลิเมตร สูง 1,610 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อ 2,615 มิลลิเมตร และ Ground Clearance 175 มิลลิเมตร ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 1,198 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 ให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ที่ 3,600 – 5,200 รอบ/นาที รองรับน้ำมัน E20 ความจุถังน้ำมัน 41 ลิตร ตัวเครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บยังแบตเตอรี่ เพื่อส่งพลังงานไปให้มอเตอร์ไฟฟ้า รหัส EM47 ผลิตพละกำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 3,410 – 9,697 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,410 รอบ/นาที ควบคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 2.06 kWh 4 Modules 96 Cells
MG IM6
MG IM6 ยนตรกรรมไฟฟ้าระดับพรีเมียมในเครือ SAIC MOTOR CORPORATION ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีน โดย MG IM6 เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ด้วยการผสานนวัตกรรมขั้นสูงเข้ากับงานออกแบบที่เหนือระดับ อีกทั้งยังชูจุดเด่นในการเป็นยนตรกรรมอีวีระดับพรีเมียมที่ตอบ
MG HS 2025
เป็นรถยนต์ที่ขายดีอีกรุ่นของแบรนด์ MG HS สำหรับโมเดล MY2025 นี้ถือเป็นการเปิดตัวเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของแบรนด์ MG มีการปรับโฉมใหม่ดูสวยพรีเมียมมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 2 แบบ ได้แก่ เบนซิน และปลั๊กอินไฮบริด นอกจากนี้ยังมอบคุณสมบัติใหม่ๆ มากมาย มีพื้นที่ห้องโดยสารเพิ่มขึ้นจากเดิม อีกทั้งยังยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์และฟังก์ชันต่างๆ จึงทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจยิ่งขึ้นเยอะเลย
MG HS MY2025 มีมิติตัวถังยาว 4,655 มิลลิเมตร (ในรุ่น PHEV จะยาว 4,670 มิลลิเมตร) กว้าง 1,890 มิลลิเมตร แต่ปรับลดความสูงลงประมาณ 30 มิลลิเมตร ทำให้มีระยะฐานล้อขึ้นเป็น 2,765 มิลลิเมตร ในส่วนของขุมพลังแบบปลั๊กอินไฮบริดทำงานร่วมกันกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 105 กิโลวัตต์ (142 แรงม้า) และมอเตอร์ไฟฟ้า 154 กิโลวัตต์ ใช้พลังงานงานแบตเตอรี่ขนาด 24.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงขนาด 67 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารถขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้าได้ระยะทาง 120 กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ด้วยเวลา 6.8 วินาที
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 125 กิโลวัตต์ (169 แรงม้า) แรงบิด 275 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติ DCT 7 สปีด สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ด้วยเวลา 9.4 วินาที
GWM Tank 300 Diesel
เติมเต็มความต้องการของลูกค้าขุมพลัง Diesel สำหรับ GWM Tank 300 มาพร้อมกับ เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่ง GWM Tank 300 Diesel มีจุดเด่น 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่
High Efficiency & Low Fuel Consumption มาพร้อมกับเทคโนโลยีเทอร์โบแปรผัน (VGT) ที่มีแรงดันสูงถึง 2,000 บาร์ ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ท่อร่วมไอดีแบบคู่ที่ฝาสูบระบบอิเล็กทรอนิกส์ Exhaust Gas Recirculation (ECR) และระบบปั้มน้ํามันเครื่องแบบแปรผัน ทำให้เครื่องยนต์สร้างพละกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขี้น ช่วยลดการปล่อย์ไอเสีย NOx และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนั้นเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดที่มีช่วงอัตราทดเกียร์ที่กว้างถึง 8.843 ทำให้รถสามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ได้ที่ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถปรับอัตราการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ในแต่ละสภาพถนน และสอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นออกไป
High Performance จากเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่นชนิดแรงดันสูง ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุดนี้ เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนามาให้มีประสิทธิภาพสูง มอบพละกำลังสูงสุดถึง 135 กิโลวัตต์ หรือ 181 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดที่สูงถึง 260 นิวตันเมตร ในรอบเครื่องต่ำ และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตรแบบต่อเนื่องหรือแฟตทอร์คที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที
High durability with Long term warranty เพื่อแสดงถึงความใส่ใจในคุณภาพและความทนทานของเครื่องยนต์ GWM ได้ทำการทดสอบเครื่องยนต์นี้ในสภาพอากาศหนาวและร้อนสุดขั้ว 300 ชั่วโมง ทดสอบการทำงานที่ความเร็วรอบสูงสุด 500 ชั่วโมง และในสภาพถนนและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันถึง 76 รูปแบบทั่วโลก พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าด้วยการมอบการรับประกันคุณภาพเครื่องยนต์ที่ยาวนานและครอบคลุมมากขึ้นถึง 1 ล้านกิโลเมตร (หรือ 8 ปี) เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจในคุณภาพของ GWM ในเครื่องยนต์นี้
รถใหม่ จ่อคิวเปิดตัวในงาน Motor Show 2025