สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสขอวีซ่าอเมริกา
ครั้งแรก คนเดียว ทำทุอย่างด้วยตัวเอง สปอนเซอร์ตัวเองนะคะ
มีแพลนจะไปเที่ยวอเมริกามาสักพัก คิดอยู่ในหัว แต่ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักที
เลยตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องทำอะไรสักอย่างสักที
เริ่มต้นก็คือ search พันทิปก่อนเลย
อ่านนู่นอ่านนี่ จนเริ่มคุ้นเคยกับหน้าตาของแบบฟอร์มและพอจะเข้าใจprocessคร่าวๆ
จากนั้นก็ไปถ่ายรูปก่อนเลยค่ะ ขอพนักงานที่ร้านส่งไฟล์ภาพเข้าอีเมล เพราะแมคบุคของ จขกท.ไม่มีที่ใส่แผ่นค่ะ
หลักจากนั้นก็กรอกข้อมูล อ่านเองกรอกเอง งงใจตัวเองกับบางคำถาม55555 ก็เซิชหาเอาค่ะ
ระหว่างนั้นก็เตรียมเอกสาร จ่ายเงิน
นัดสัมภาษณ์ ซึ่งก็คือวันนี้เลย 7โมง (คิวแรก)
นอนหลับพักผ่อน ตื่นมาเมื่อเช้า ตี5 นิดๆ อาบน้ำแต่งตัว ขับรถออกไปจอดที่ตึกสินธร
นั่งเช็คเอกสารอีกครั้งจนประมาณ 6โมงครึ่ง จึงเริ่มเดินไปสถานฑูต
เอกสารที่ จขกท. เตรียมไปทั้งหมด
1 ใบconfirmation DS160+พาสปอร์ตที่ยังมีอายุมากกว่า6เดือน (ใช้คู่กันตลอดงาน)
2 รูปถ่าย 2*2 (จริงๆเค้าให้เตรียมไป2ใบนะคะ) เราเอาไปใบเดียวเพราะสะเพร่าค่ะ แต่ก็ไม่ได้ใช้เพราะรูปที่อัพโหลดไปชัดเจนดี
3 ใบนัดสัมภาษณ์
4 ใบเสร็จจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าจากธนาคารกรุงศรี
5 ใบรับรองการทำงาน + สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6เดือน
6 statement บัญชี2ธนาคาร
7 ใบเตรียมการท่องเที่ยว แบบไม่ละเอียด
8 ใบขาวเช่าซื้อรถ (ผ่อน)
9 พาสปอร์ตเล่มเก่าอีก2เล่ม
ที่ใช้จริงๆ คือ 1กับ9 ค่ะ
อย่างอื่นไม่ได้แม้แต่จะเอาออกจากแฟ้มเลย
พอออกมามองไปก็เห็นคนต่อคิวเพียบ! นี่ก็งง เหยยยยย คนต่อคิวเยอะขนาดนี้เลยเหรอ
ก็ต่อคิวไปค่ะ เจ้าหน้าที่ก็มาให้เตรียมใบ ds160 และหน้าพาสปอร์ตเล่มล่าสุดเอาไว้เพื่อเช็คตามคิวใบนัด
จากนั้นก็ฝากมือถือ (หนึ่งคนต่อหนึ่งเครื่องใช้บัตรประชาชนเป็นตัวแลก)
ตอนแรกจขกท.กังวลมากนึกขึ้นได้ว่ากุญแจรถเป็นรีโมตจะเข้าได้ไหม หรือจะวิ่งไปฝาก
แต่สุดท้ายก็เข้าได้ค่ะ ไม่ต้องใากด้วยมันผ่านเครื่องแสกนกระเป๋าเข้าไปได้เลย
แสกนร่างกาย แล้วจึงผ่านเข้าไปด้านในค่ะ
เนื่องจากจขกท. นัด7โมงซึ่งเป็นเวลาแรก ก็เลยได้เดินเข้าไปเรื่อยๆเลยค่ะ
ด่านแรก
เจ้าหน้าที่ขอแค่ใบds160 กับพาสปอร์ตเล่มล่าสุด เอาไปแยกใส่แฟ้มให้แล้วบอกว่าอ่านผ้ายตรงบันไดแล้วเดินเข้าห้องไปเลยค่ะ
ด่านที่สอง (เป็นคนไทยทั้งหมด)
ตอนเช้าๆยังไม่ค่อยเปิดค่ะ จขกท เดินเข้าไปมีคิวก่อนหน้าประมาณ15คิว 2คิวแรกเป็นพระสงฆ์ค่ะ
เท่าที่แอบส่อง ตรงนี้บางคนนานมากค่ะ ถามกันนานมากจริงๆ
ก็ค่อยๆเรียกตามแถวจนถึงเจ้าของกระทู้
เจ้าหน้าที่คนไทย : สวัสดีค่ะ
จขกท. : สวัสดีค่ะ (ยิ้มแย้ม) ยื่นแฟ้มเข้าไปในช่องซึ่งมันยิ่งกว่าช่องแลกเหรียญบีทีเอส แอบขูดมือนิดนึง
เจ้าหน้าที่คนไทย : เคยครอบครองวีซ่ายูเอสมาก่อนมั้ยคะ
จขกท : ไม่เคยค่ะ
เจ้าหน้าที่คนไทย : ไปนานแค่ไหนคะเนี่ย
จขกท : 10วันค่ะ
เจ้าหน้าที่คนไทย : ให้พิมพ์นิ้วมือ แล้วก็แจ้งให้ไปรอสัมภาษณ์
รู้สึกทำไมเร็วจังนิ แล้วเอกสารก็เหมือนเดิมในแฟ้มที่ด่านแรกขอไปมีแต่ ใบds160 กับพาสปอร์ต
ไม่เอาอะไรเพิ่มเลย แต่ก็เดินตามทางไปต่อคิวค่ะ
ด่านที่สาม (สุดท้าย)
ระหว่างที่ช่องอื่นยังไม่เสร็จ จขกท. มายืนต่อคิวเป็นคนที่7 สำหรับการสัมภาษณ์จริงๆแล้วค่ะ
ช่องสัมภาษณ์ค่อยๆเปิดทีละช่อง เป็น3ช่อง
มีท่านกงศุล ชาวafrican-american ทางช่องซ้ายสุด ต่อมาเป็น ฝรั่งผู้ชาย และช่องที่สามเป็นฝรั่งผู้หญิงค่ะ
พระสงฆ์สองท่านแรก ไม่ผ่านทั้งสอง
คนที่รอต่อคิวอยู่นี่คือเห็นการสัมภาษณ์ทั้งหมดนะคะ อาจจะได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง แต่ก็พอจะเข้าใจสถานการ์ณ
จขกท เป็นคนสัมภาษณ์ คนที่สามขอท่านกงศุลฝรั่งผู้หญิงนะคะ
กงศุล : ไปหนายคะ
จขกท : นิวยอร์กค่ะ
กงศุล : ไปทำอะรายคะ
จขกท : ไปเที่ยวค่ะ อยากไปนิวยอร์กมากๆมานานแล้วค่ะ
กงศุล : what have you planed to do in Newyork City?
จขกท : ตอบภาษาอังกฤษนะคะ ไปเซนทรัลปาร์คถ่ายรูป ดูพาเรดวันแต้งส์กิฟวิ่ง
กงศุล : ทำงานที่ ...... มากี่ปีแล้วคะ
จขกท : สามปีกว่าค่ะ
กงศุล : เคยไปเที่ยวที่หนายมาบ้าง
จขกท : ร่ายไปเลยค่ะ ประมาณ 10ประเทศ
กงศุล : มีพาสปอร์ตเล่มเก่าหมายคะ
จขกท : มีค่ะ (ยื่นให้ โดนช่องขูดมืออีกแล้ว)
กงศุล : เปิดๆๆๆ ในระหว่างนั้นก็เอาแฟ้มของจขกท.ไปใส่ไว้ในถาดข้างหลัง (ตอนนั้นยังไม่มีคนผ่านก่อนหน้า)
วีซ่าผ่านนะคะ จะส่งให้ภายในหนึ่งอาทิตย์
จขกท : อะไรนะคะ (คือได้ยินว่าวีซ่าผ่าน แต่จะให้ระยะเวลาแค่1อาทิตย์ เบลอไปอีก)
กงศุล : your Visa has been approved, you will receive it within one week.
จขกท: ขอบคุณมากค่ะ
เดินออกมาอย่างโล่งอกโล่งใจ
โล่งจนแบบ อะไรรรรร นี่เสร็จหรือยัง ฉันต้องไปไหนต่ออีกนิ?
เฟ้งฟ้างงงง เลยเดินกลับไปหาเจ้าหน้าที่แถวๆประตู
เอ่อ ขอโทษนะคะ ถ้าสัมภาษณ์เสร็จแล้วต้องทำอะไรต่อไหมคะ
เจ้าหน้าที่ถามว่าผ่านไหมคะ เราตอบผ่านค่ะ เจ้าหน้าที่บแกกลับบ้านไปได้เลยค่ะ
จขกท.ก็เดินสวนทางคนที่เข้ามาใหม่ค่ะ ย้อนทางเดิม
รับของคืน
พี่รปภ.เปิดประตูให้ จขกท.กล่าวขอบคุณ
พี่รปภ. ถามว่าผ่านไหมครับ เราตอบผ่าน
พี่รปภ. บอก ไปฉลองเลยนะครับ 555555
ใช้เวลาไปทั้งหมดไม่เกินครึ่งชม. รวมทั้งเวลาตอนแรกที่ต่อแถวด้วย
ทั้งหมดเอกสารที่เอาไป มีแค่พาสปาร์เล่มเก่าอย่างเดียวที่ถูกขอดู
ใบรับรองการทำงานไม่ขอดูเลย แต่จขกท. เขียนเกี่ยวกับหน้าที่ที่ทำอย่างละเอียดและเป็นความจริง
ตอนตอบคำถามมีความมั่นใจ
ทั้งหมดนี้คิดว่า DS160 ที่เรากรอกมีความสำคัญมากค่ะ ข้อมูลทุกอย่างควรจะถูกต้องและเป็นความจริง
เวลาตอบคำถามเราจะมีความมั่นใจ อย่าโกหกเค้านะคะ ทุกๆคำพูดจะมีการลงบันทึกไปด้วยหากไม่ผ่านครั้งหน้ามาสัมภาษณ์มันจะตีกันเองในคำตอบ
อีกอย่างหากเป็นพนักงานบริษัท บริษัทที่ทำอยู่ก็มีส่วนช่วยให้ดูน่าเชื่อถือได้ค่ะ
ตอนสัมภาษณ์ กงศุลพูดชื่อบริษัทของเราออกมาเหมือนคุ้นเคยมากค่ะ (เป็นบริษัทอเมริกัน)
การแต่งตัวก็สำคัญไม่น้อยนะคะ ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวหรูหรา แต่แต่งตัวให้ถูกกาลเทศะ น่าจะมีผลต่อการพิจารณานะคะ
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ
ราคาวีซ่าไม่ใช่น้อยเลย ขอแล้วก็อยากให้ได้เนอะ
มีคำถามสอบถามได้นะคะ จะตอบเท่าที่สามารถตอบได้ค่ะ : )
ปล. เราเข้าไปอย่างไม่มีความรู้เลยว่ากงศุลคนไหนเป็นที่เลื่องลือว่าโหดร้ายตอนนั้นคือแบบใครก็ได้
ตื่นเต้นนิดหน่อยไม่มากเท่าไหร่
สัมภาษณ์งานหรือพรีเซ้นต์หน้าห้องเรียนยังตื่นเต้นมากกว่าอีกค่ะ สู้ๆนะคะ
ปล. ประตูแต่ละประตูหนักมากค่ะ เปิดแทบไม่ไหว
ประสบการ์ณสัมภาณ์วีซ่าอเมริกา june2017 (US VISA)
ครั้งแรก คนเดียว ทำทุอย่างด้วยตัวเอง สปอนเซอร์ตัวเองนะคะ
มีแพลนจะไปเที่ยวอเมริกามาสักพัก คิดอยู่ในหัว แต่ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักที
เลยตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องทำอะไรสักอย่างสักที
เริ่มต้นก็คือ search พันทิปก่อนเลย
อ่านนู่นอ่านนี่ จนเริ่มคุ้นเคยกับหน้าตาของแบบฟอร์มและพอจะเข้าใจprocessคร่าวๆ
จากนั้นก็ไปถ่ายรูปก่อนเลยค่ะ ขอพนักงานที่ร้านส่งไฟล์ภาพเข้าอีเมล เพราะแมคบุคของ จขกท.ไม่มีที่ใส่แผ่นค่ะ
หลักจากนั้นก็กรอกข้อมูล อ่านเองกรอกเอง งงใจตัวเองกับบางคำถาม55555 ก็เซิชหาเอาค่ะ
ระหว่างนั้นก็เตรียมเอกสาร จ่ายเงิน
นัดสัมภาษณ์ ซึ่งก็คือวันนี้เลย 7โมง (คิวแรก)
นอนหลับพักผ่อน ตื่นมาเมื่อเช้า ตี5 นิดๆ อาบน้ำแต่งตัว ขับรถออกไปจอดที่ตึกสินธร
นั่งเช็คเอกสารอีกครั้งจนประมาณ 6โมงครึ่ง จึงเริ่มเดินไปสถานฑูต
เอกสารที่ จขกท. เตรียมไปทั้งหมด
1 ใบconfirmation DS160+พาสปอร์ตที่ยังมีอายุมากกว่า6เดือน (ใช้คู่กันตลอดงาน)
2 รูปถ่าย 2*2 (จริงๆเค้าให้เตรียมไป2ใบนะคะ) เราเอาไปใบเดียวเพราะสะเพร่าค่ะ แต่ก็ไม่ได้ใช้เพราะรูปที่อัพโหลดไปชัดเจนดี
3 ใบนัดสัมภาษณ์
4 ใบเสร็จจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าจากธนาคารกรุงศรี
5 ใบรับรองการทำงาน + สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6เดือน
6 statement บัญชี2ธนาคาร
7 ใบเตรียมการท่องเที่ยว แบบไม่ละเอียด
8 ใบขาวเช่าซื้อรถ (ผ่อน)
9 พาสปอร์ตเล่มเก่าอีก2เล่ม
ที่ใช้จริงๆ คือ 1กับ9 ค่ะ
อย่างอื่นไม่ได้แม้แต่จะเอาออกจากแฟ้มเลย
พอออกมามองไปก็เห็นคนต่อคิวเพียบ! นี่ก็งง เหยยยยย คนต่อคิวเยอะขนาดนี้เลยเหรอ
ก็ต่อคิวไปค่ะ เจ้าหน้าที่ก็มาให้เตรียมใบ ds160 และหน้าพาสปอร์ตเล่มล่าสุดเอาไว้เพื่อเช็คตามคิวใบนัด
จากนั้นก็ฝากมือถือ (หนึ่งคนต่อหนึ่งเครื่องใช้บัตรประชาชนเป็นตัวแลก)
ตอนแรกจขกท.กังวลมากนึกขึ้นได้ว่ากุญแจรถเป็นรีโมตจะเข้าได้ไหม หรือจะวิ่งไปฝาก
แต่สุดท้ายก็เข้าได้ค่ะ ไม่ต้องใากด้วยมันผ่านเครื่องแสกนกระเป๋าเข้าไปได้เลย
แสกนร่างกาย แล้วจึงผ่านเข้าไปด้านในค่ะ
เนื่องจากจขกท. นัด7โมงซึ่งเป็นเวลาแรก ก็เลยได้เดินเข้าไปเรื่อยๆเลยค่ะ
ด่านแรก
เจ้าหน้าที่ขอแค่ใบds160 กับพาสปอร์ตเล่มล่าสุด เอาไปแยกใส่แฟ้มให้แล้วบอกว่าอ่านผ้ายตรงบันไดแล้วเดินเข้าห้องไปเลยค่ะ
ด่านที่สอง (เป็นคนไทยทั้งหมด)
ตอนเช้าๆยังไม่ค่อยเปิดค่ะ จขกท เดินเข้าไปมีคิวก่อนหน้าประมาณ15คิว 2คิวแรกเป็นพระสงฆ์ค่ะ
เท่าที่แอบส่อง ตรงนี้บางคนนานมากค่ะ ถามกันนานมากจริงๆ
ก็ค่อยๆเรียกตามแถวจนถึงเจ้าของกระทู้
เจ้าหน้าที่คนไทย : สวัสดีค่ะ
จขกท. : สวัสดีค่ะ (ยิ้มแย้ม) ยื่นแฟ้มเข้าไปในช่องซึ่งมันยิ่งกว่าช่องแลกเหรียญบีทีเอส แอบขูดมือนิดนึง
เจ้าหน้าที่คนไทย : เคยครอบครองวีซ่ายูเอสมาก่อนมั้ยคะ
จขกท : ไม่เคยค่ะ
เจ้าหน้าที่คนไทย : ไปนานแค่ไหนคะเนี่ย
จขกท : 10วันค่ะ
เจ้าหน้าที่คนไทย : ให้พิมพ์นิ้วมือ แล้วก็แจ้งให้ไปรอสัมภาษณ์
รู้สึกทำไมเร็วจังนิ แล้วเอกสารก็เหมือนเดิมในแฟ้มที่ด่านแรกขอไปมีแต่ ใบds160 กับพาสปอร์ต
ไม่เอาอะไรเพิ่มเลย แต่ก็เดินตามทางไปต่อคิวค่ะ
ด่านที่สาม (สุดท้าย)
ระหว่างที่ช่องอื่นยังไม่เสร็จ จขกท. มายืนต่อคิวเป็นคนที่7 สำหรับการสัมภาษณ์จริงๆแล้วค่ะ
ช่องสัมภาษณ์ค่อยๆเปิดทีละช่อง เป็น3ช่อง
มีท่านกงศุล ชาวafrican-american ทางช่องซ้ายสุด ต่อมาเป็น ฝรั่งผู้ชาย และช่องที่สามเป็นฝรั่งผู้หญิงค่ะ
พระสงฆ์สองท่านแรก ไม่ผ่านทั้งสอง
คนที่รอต่อคิวอยู่นี่คือเห็นการสัมภาษณ์ทั้งหมดนะคะ อาจจะได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง แต่ก็พอจะเข้าใจสถานการ์ณ
จขกท เป็นคนสัมภาษณ์ คนที่สามขอท่านกงศุลฝรั่งผู้หญิงนะคะ
กงศุล : ไปหนายคะ
จขกท : นิวยอร์กค่ะ
กงศุล : ไปทำอะรายคะ
จขกท : ไปเที่ยวค่ะ อยากไปนิวยอร์กมากๆมานานแล้วค่ะ
กงศุล : what have you planed to do in Newyork City?
จขกท : ตอบภาษาอังกฤษนะคะ ไปเซนทรัลปาร์คถ่ายรูป ดูพาเรดวันแต้งส์กิฟวิ่ง
กงศุล : ทำงานที่ ...... มากี่ปีแล้วคะ
จขกท : สามปีกว่าค่ะ
กงศุล : เคยไปเที่ยวที่หนายมาบ้าง
จขกท : ร่ายไปเลยค่ะ ประมาณ 10ประเทศ
กงศุล : มีพาสปอร์ตเล่มเก่าหมายคะ
จขกท : มีค่ะ (ยื่นให้ โดนช่องขูดมืออีกแล้ว)
กงศุล : เปิดๆๆๆ ในระหว่างนั้นก็เอาแฟ้มของจขกท.ไปใส่ไว้ในถาดข้างหลัง (ตอนนั้นยังไม่มีคนผ่านก่อนหน้า)
วีซ่าผ่านนะคะ จะส่งให้ภายในหนึ่งอาทิตย์
จขกท : อะไรนะคะ (คือได้ยินว่าวีซ่าผ่าน แต่จะให้ระยะเวลาแค่1อาทิตย์ เบลอไปอีก)
กงศุล : your Visa has been approved, you will receive it within one week.
จขกท: ขอบคุณมากค่ะ
เดินออกมาอย่างโล่งอกโล่งใจ
โล่งจนแบบ อะไรรรรร นี่เสร็จหรือยัง ฉันต้องไปไหนต่ออีกนิ?
เฟ้งฟ้างงงง เลยเดินกลับไปหาเจ้าหน้าที่แถวๆประตู
เอ่อ ขอโทษนะคะ ถ้าสัมภาษณ์เสร็จแล้วต้องทำอะไรต่อไหมคะ
เจ้าหน้าที่ถามว่าผ่านไหมคะ เราตอบผ่านค่ะ เจ้าหน้าที่บแกกลับบ้านไปได้เลยค่ะ
จขกท.ก็เดินสวนทางคนที่เข้ามาใหม่ค่ะ ย้อนทางเดิม
รับของคืน
พี่รปภ.เปิดประตูให้ จขกท.กล่าวขอบคุณ
พี่รปภ. ถามว่าผ่านไหมครับ เราตอบผ่าน
พี่รปภ. บอก ไปฉลองเลยนะครับ 555555
ใช้เวลาไปทั้งหมดไม่เกินครึ่งชม. รวมทั้งเวลาตอนแรกที่ต่อแถวด้วย
ทั้งหมดเอกสารที่เอาไป มีแค่พาสปาร์เล่มเก่าอย่างเดียวที่ถูกขอดู
ใบรับรองการทำงานไม่ขอดูเลย แต่จขกท. เขียนเกี่ยวกับหน้าที่ที่ทำอย่างละเอียดและเป็นความจริง
ตอนตอบคำถามมีความมั่นใจ
ทั้งหมดนี้คิดว่า DS160 ที่เรากรอกมีความสำคัญมากค่ะ ข้อมูลทุกอย่างควรจะถูกต้องและเป็นความจริง
เวลาตอบคำถามเราจะมีความมั่นใจ อย่าโกหกเค้านะคะ ทุกๆคำพูดจะมีการลงบันทึกไปด้วยหากไม่ผ่านครั้งหน้ามาสัมภาษณ์มันจะตีกันเองในคำตอบ
อีกอย่างหากเป็นพนักงานบริษัท บริษัทที่ทำอยู่ก็มีส่วนช่วยให้ดูน่าเชื่อถือได้ค่ะ
ตอนสัมภาษณ์ กงศุลพูดชื่อบริษัทของเราออกมาเหมือนคุ้นเคยมากค่ะ (เป็นบริษัทอเมริกัน)
การแต่งตัวก็สำคัญไม่น้อยนะคะ ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวหรูหรา แต่แต่งตัวให้ถูกกาลเทศะ น่าจะมีผลต่อการพิจารณานะคะ
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ
ราคาวีซ่าไม่ใช่น้อยเลย ขอแล้วก็อยากให้ได้เนอะ
มีคำถามสอบถามได้นะคะ จะตอบเท่าที่สามารถตอบได้ค่ะ : )
ปล. เราเข้าไปอย่างไม่มีความรู้เลยว่ากงศุลคนไหนเป็นที่เลื่องลือว่าโหดร้ายตอนนั้นคือแบบใครก็ได้
ตื่นเต้นนิดหน่อยไม่มากเท่าไหร่
สัมภาษณ์งานหรือพรีเซ้นต์หน้าห้องเรียนยังตื่นเต้นมากกว่าอีกค่ะ สู้ๆนะคะ
ปล. ประตูแต่ละประตูหนักมากค่ะ เปิดแทบไม่ไหว