หากจะพูดถึงรถ Eco Car แล้วคนทั่วไปก็คงจะนึกถึงความประหยัดน้ำมันและความคล่องตัวตอนขับในเมือง และด้วยความที่มันเป็นที่นิยมในเมืองไทยเป็นอย่างมากทำให้ทาง Nissan เปิดตัวเจ้า Note มาแทนที่ Nissan March ตัวท็อปและอัดระบบความปลอดภัยเข้ามาชนิดที่ว่าเจ้าอื่นยังไม่มีใครกล้าให้เลย แถมห้องโดยสารยังกว้างกว่าเดิมอีก เอาล่ะครับ มาดูกันเลยดีกว่าว่าน้อง Note จะแย่งลูกค้าจากยี่ห้ออื่นได้ขนาดไหนกันกับผม Yod Chinchilla
ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกจะเหมือนลูกผสมระหว่าง Honda Jazz GE และ Mercedes-Benz A-Class W169 คือประมาณว่าจับไอ้ 2 คันนี้มารวมกันแล้วหาร 2 ออกมาได้เป็น Nissan Note ความยาวฐานล้อ 2,600 มม. ถือว่ายาวที่สุดในบรรดารถ Eco Car ทั้งหมด อันนี้ส่งผลให้พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขึ้นด้วย ประตูหลังสามารถเปิดได้ถึง 85 องศาทำให้การขึ้น-ลงสะดวก มีกล้องรอบคันให้ทั้งหมด 4 จุดเอาไว้ตรวจจับสิ่งกีดขวาง อันนี้ถือว่าใจป้ำมากที่ให้ระบบนี้มา โดยรวมแล้วผมว่ามันก็ดูโฉบเฉี่ยวนะ แต่มันยังไม่สุดเท่าไหร่ คือมันก็ยังมีมุมผู้ใหญ่นิดนึงนะ ส่วนออพชั่นภายนอกก็ให้มาแบบไม่น่าเกลียด เรียกว่าปล่อยของให้เต็มๆ เลยก็ได้
ออพชั่นภายนอกก็จะมีไฟหน้าแบบ LED Projector แต่ไฟสูงจะเป็น Halogen, ไฟ Signature Light แบบ LED, ไฟตัดหมอกคู่หน้า, ไฟท้าย Signature Light พร้อมไฟเบรก LED, ที่ปัดน้ำฝนหน่วงเวลาหน้า-หลัง, สปอยเลอร์หลัง, กระจกมองข้างพับไฟฟ้า, กล้อง 4 จุดรอบคันไว้ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบคัน, และกล้องมองหลังพร้อมระบบ Intelligent Around View Monitor แบบเดียวกับใน Nissan Teana แสดงผลบนกระจกมองหลัง
มันจะแสดงผลในลักษณะแบบในรูปครับ
ภายใน
ดีไซน์ภายในจะคล้ายๆ กับ Nissan March และ Nissan Almera จะต่างกันแค่ช่องแอร์ตรงกลางที่เป็นวงกลมแต่ใน March และ Almera จะเป็นสี่เหลี่ยม โทนสีภายในเป็นแบบทูโทน ดีไซน์พวงมาลัยเป็นแบบสปอร์ตท้ายตัดซึ่งถ้าสังเกตดีๆ มันจะคล้ายๆ ในรถ Mercedes-Benz รุ่นใหม่ๆ และมันก็จะถูกใช้ในรถ Nissan รุ่นใหม่ๆ ด้วย เบาะคู่หน้าวิสัยทัศน์ถือว่าใช้ได้ เบาะหลังบอกได้เลยครับว่าโคตรพ่อโคตรแม่กว้างเลย แบบคนสูง 176 อย่างผมยืดได้อย่างสบายๆ เลย กว้างกว่ารถ C-Segment บางคันด้วยซ้ำ คือนั่งหลัง 3 คนไม่อึดอัดเลย วัสดุภายในก็เป็นไปตามราคารถ
ออพชั่นภายในจะมีปุ่ม Push Start, หน้าจอ MID แสดงข้อมูลการขับขี่, ระบบเตือนเข้าศูนย์บริการ, พวงมาลัย Multi-Function หุ้มด้วยยูรีเทน, กระจกมองหลังตัดแสง Auto, แอร์ Auto, เบาะผ้าปรับมือ, และเบาะหลังปรับแยก 60:40
ระบบ Infotainment
ระบบ Infotainment จะใช้เครื่องเสียงจาก Kenwood รองรับการเชื่อมต่อ USB, HDMI (ช่องเสียบ USB และ HDMI จะอยู่ในช่องเก็บของตรงคนนั่งด้านหน้า ไม่รู้ทำไมถึงเอาไปไว้ตรงนั้น), CD, DVD, และ AV-in สั่งงานผ่านหน้าจอ LED 7 นิ้ว เสียงออกผ่านลำโพง 4 ตัว คุณภาพเสียงถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในโหมด Default คือมันต้องปรับเบสหนักๆ มันถึงจะดีขึ้นมาหน่อย แล้ว Graphic หน้าจอก็จะดูโบราณนิดนึงด้วย
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์จะใช้ตัวเดียวกับ Nissan March ก็คือเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 106 นืวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ถ้าเทียบไซส์รถกับไซส์เครื่องยนต์แล้วมันจะชวนให้คิดว่ารถต้องอืดแน่นอนซึ่งมันก็อืดจริงๆ นั่นแหละ คือช่วงความเร็ว 0-80 ก็ขึ้นเร็วอยู่แต่หลังจากนั้นจะเริ่มตัน พอหลัง 120 จะเริ่มไปต่อยาก คือถ้าจะหวังเรื่อง Performance ก็คงต้องหันไปคบคู่แข่งของมันแทน อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 16.3 วินาที
เกียร์เป็นแบบ XTRONIC CVT พร้อม D-Step Logic ที่ช่วยให้การตอบสนองเกียร์ดีขึ้นกว่าเดิม เวลา Boost หรือว่าลากรอบทำได้ดีขึ้น มันจะมีสองจังหวะคือช่วงแรกรอบจะไปค้างที่ 3,000 เสร็จแล้วต้องกดคันเร่งลงไปอีกแล้วมันจะลากต่อให้ ทำให้เร่งแซงได้ดีขึ้น แต่จริงๆ ผมไม่แนะนำให้ทำแบบนี้กับเกียร์ CVT บ่อยๆ เพราะจะทำให้เกียร์พังเร็ว มันไม่ได้ทนเท่าเกียร์ Torque Converter
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 17.4 กม./ลิตร ก็ถือว่าไม่เลวด้วยขนาดรถที่มันใหญ่ขึ้น
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ
ระบบความปลอดภัยใน Nissan Note นี่พูดได้เลยรับว่าเด่นกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพวกที่เป็นระบบ Active Safety ประกอบไปด้วย
• ระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (FCW)
• ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ทั้งบุคคลและยานยนต์ (FEB/PFEB)
• ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ (LDW) อันนี้ทำงาน Sensitive มาก
• ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวรอบตัวรถ (MOD)
ส่วนระบบความปลอดภัยพื้นฐานก็จะมีระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA, ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังจากในรถ, และถุงลมนิรภัยคู่หน้า
Test Drive
โอเค มาทดลองขับกันเลยดีกว่า ตอนออกตัวก็ถือว่าพุ่งในระดับเครื่อง 1.2 และสามารถลากยาวได้ถึงย่านความเร็วที่ 80 หลังจากนั้นมันจะเริ่มขึ้นช้าและเริ่มตันที่ประมาณ 120-130 ก็อย่างที่ผมบอกไว้ครับ คือคิดว่ามันจะอืดแล้วมันก็อืดจริงๆ การตอบสนองเกียร์ดีขึ้นกว่าเดิมเพราะมี D-Step Logic เข้ามาช่วย สามารถบูสได้มันส์ขึ้น ช่วงล่างถือว่ามั่นคงจนถึง 120 แต่หลังจากนั้นมิอาจทราบได้เพราะผมเหยียบได้แค่นี้ เสียงรบกวนบอกเลยครับว่า ดังชิหายเลย เสียงลมเข้ามาเยอะพอสมควร ส่วนระยะเบรกถือว่าทำได้ดีมาก Balance น้ำหนักดี แถมเบรกได้อย่างนุ่มนวลด้วย อันนี้เป็นเอกลักษณ์ของรถ Nissan ครับ โดยรวมแล้วมันสามารถใช้เป็นรถครอบครัวในเมืองได้ครับ แต่ถ้าจะขับทางไกลก็จะไม่ค่อยเหมาะซะเท่าไหร่ คือมันเป็นรถทุกเพศทุกวัยจริงๆ ครับ ผู้ใหญ่หลายคนน่าจะถูกใจในความกว้างของมัน ส่วนวัยรุ่นก็สามารถซื้อมาขับได้อย่างไม่น่าเกลียด
สรุป
• ดีไซน์ภายนอกมาจากลูกผสมจากรถรุ่นอื่น แต่มันก็ดูโฉบเฉี่ยว
• ฐานล้อโคตรยาวถ้าเป็น Eco Car
• ภายในกว้าง โปร่ง และนั่งสบาย
• วัสดุภายในถือว่าแย่ในบางจุด แต่ก็เป็นไปตามราคารถ
• การวางตำแหน่งปุ่มใช้งานง่าย
• ขึ้น-ลงง่าย
• ระบบ Infotainment ยังไม่ค่อยดี ต้องแก้หลายจุดอยู่
• ช่องเสียบ USB และ HDMI ไม่สะดวกเลย
• เครื่องอืดไปหน่อย เหมาะกับการใช้ในเมืองอย่างเดียว
• การตอบสนองเกียร์ดีกว่าเดิม บูสได้มันส์ขึ้น
• ระบบความปลอดภัยเด่นสุดใน Segment และทำงานได้ไว
• ช่วงล่างถือว่าโอเคในช่วงความเร็วไม่เกิน 120
• การเก็บเสียงไม่ดี เสียงเข้ามาค่อนข้างเยอะ
• เบรกดีมาก นุ่มสุดๆ
• เป็นรถเล็กที่สามารถใช้งานได้ทั้งบ้าน
• เด็กขับได้ ผู้ใหญ่ขับดี
• ใช้ในเมืองโอเค แต่นอกเมืองจะไม่ค่อยเหมาะ
• เหมาะกับสาวออฟฟิศและเด็กมหาลัย
Nissan Note 1.2 VL ตั้งราคาอยู่ที่ 640,000 บาท ถ้าดูเผินๆ มันจะแพงกว่าคู่แข่ง อาจทำให้หลายๆ คนเปลี่ยนใจได้ แต่ถ้าใครต้องการรถที่ปลอดภัยและขับง่าย คันนี้ก็น่าจะเหมาะครับ
คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่รีแนะนำร้านอาหาร แนะนำที่เที่ยวได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla หรือติดตามผ่านทาง Facebook Page: Chinchilla_autoholic ได้ตามลิ้งค์นี้ครับ
https://www.facebook.com/chinchillaautoholic/?ref=ts&fref=ts ไปกด Like กด Follow กันเยอะๆ นะครับ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic
รีวิว: 2017 Nissan Note 1.2 VL โดดเด่นที่ระบบความปลอดภัยและห้องโดยสารที่กว้างขวาง
ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกจะเหมือนลูกผสมระหว่าง Honda Jazz GE และ Mercedes-Benz A-Class W169 คือประมาณว่าจับไอ้ 2 คันนี้มารวมกันแล้วหาร 2 ออกมาได้เป็น Nissan Note ความยาวฐานล้อ 2,600 มม. ถือว่ายาวที่สุดในบรรดารถ Eco Car ทั้งหมด อันนี้ส่งผลให้พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขึ้นด้วย ประตูหลังสามารถเปิดได้ถึง 85 องศาทำให้การขึ้น-ลงสะดวก มีกล้องรอบคันให้ทั้งหมด 4 จุดเอาไว้ตรวจจับสิ่งกีดขวาง อันนี้ถือว่าใจป้ำมากที่ให้ระบบนี้มา โดยรวมแล้วผมว่ามันก็ดูโฉบเฉี่ยวนะ แต่มันยังไม่สุดเท่าไหร่ คือมันก็ยังมีมุมผู้ใหญ่นิดนึงนะ ส่วนออพชั่นภายนอกก็ให้มาแบบไม่น่าเกลียด เรียกว่าปล่อยของให้เต็มๆ เลยก็ได้
ออพชั่นภายนอกก็จะมีไฟหน้าแบบ LED Projector แต่ไฟสูงจะเป็น Halogen, ไฟ Signature Light แบบ LED, ไฟตัดหมอกคู่หน้า, ไฟท้าย Signature Light พร้อมไฟเบรก LED, ที่ปัดน้ำฝนหน่วงเวลาหน้า-หลัง, สปอยเลอร์หลัง, กระจกมองข้างพับไฟฟ้า, กล้อง 4 จุดรอบคันไว้ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบคัน, และกล้องมองหลังพร้อมระบบ Intelligent Around View Monitor แบบเดียวกับใน Nissan Teana แสดงผลบนกระจกมองหลัง
มันจะแสดงผลในลักษณะแบบในรูปครับ
ภายใน
ดีไซน์ภายในจะคล้ายๆ กับ Nissan March และ Nissan Almera จะต่างกันแค่ช่องแอร์ตรงกลางที่เป็นวงกลมแต่ใน March และ Almera จะเป็นสี่เหลี่ยม โทนสีภายในเป็นแบบทูโทน ดีไซน์พวงมาลัยเป็นแบบสปอร์ตท้ายตัดซึ่งถ้าสังเกตดีๆ มันจะคล้ายๆ ในรถ Mercedes-Benz รุ่นใหม่ๆ และมันก็จะถูกใช้ในรถ Nissan รุ่นใหม่ๆ ด้วย เบาะคู่หน้าวิสัยทัศน์ถือว่าใช้ได้ เบาะหลังบอกได้เลยครับว่าโคตรพ่อโคตรแม่กว้างเลย แบบคนสูง 176 อย่างผมยืดได้อย่างสบายๆ เลย กว้างกว่ารถ C-Segment บางคันด้วยซ้ำ คือนั่งหลัง 3 คนไม่อึดอัดเลย วัสดุภายในก็เป็นไปตามราคารถ
ออพชั่นภายในจะมีปุ่ม Push Start, หน้าจอ MID แสดงข้อมูลการขับขี่, ระบบเตือนเข้าศูนย์บริการ, พวงมาลัย Multi-Function หุ้มด้วยยูรีเทน, กระจกมองหลังตัดแสง Auto, แอร์ Auto, เบาะผ้าปรับมือ, และเบาะหลังปรับแยก 60:40
ระบบ Infotainment
ระบบ Infotainment จะใช้เครื่องเสียงจาก Kenwood รองรับการเชื่อมต่อ USB, HDMI (ช่องเสียบ USB และ HDMI จะอยู่ในช่องเก็บของตรงคนนั่งด้านหน้า ไม่รู้ทำไมถึงเอาไปไว้ตรงนั้น), CD, DVD, และ AV-in สั่งงานผ่านหน้าจอ LED 7 นิ้ว เสียงออกผ่านลำโพง 4 ตัว คุณภาพเสียงถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในโหมด Default คือมันต้องปรับเบสหนักๆ มันถึงจะดีขึ้นมาหน่อย แล้ว Graphic หน้าจอก็จะดูโบราณนิดนึงด้วย
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์จะใช้ตัวเดียวกับ Nissan March ก็คือเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 106 นืวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ถ้าเทียบไซส์รถกับไซส์เครื่องยนต์แล้วมันจะชวนให้คิดว่ารถต้องอืดแน่นอนซึ่งมันก็อืดจริงๆ นั่นแหละ คือช่วงความเร็ว 0-80 ก็ขึ้นเร็วอยู่แต่หลังจากนั้นจะเริ่มตัน พอหลัง 120 จะเริ่มไปต่อยาก คือถ้าจะหวังเรื่อง Performance ก็คงต้องหันไปคบคู่แข่งของมันแทน อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 16.3 วินาที
เกียร์เป็นแบบ XTRONIC CVT พร้อม D-Step Logic ที่ช่วยให้การตอบสนองเกียร์ดีขึ้นกว่าเดิม เวลา Boost หรือว่าลากรอบทำได้ดีขึ้น มันจะมีสองจังหวะคือช่วงแรกรอบจะไปค้างที่ 3,000 เสร็จแล้วต้องกดคันเร่งลงไปอีกแล้วมันจะลากต่อให้ ทำให้เร่งแซงได้ดีขึ้น แต่จริงๆ ผมไม่แนะนำให้ทำแบบนี้กับเกียร์ CVT บ่อยๆ เพราะจะทำให้เกียร์พังเร็ว มันไม่ได้ทนเท่าเกียร์ Torque Converter
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 17.4 กม./ลิตร ก็ถือว่าไม่เลวด้วยขนาดรถที่มันใหญ่ขึ้น
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ
ระบบความปลอดภัยใน Nissan Note นี่พูดได้เลยรับว่าเด่นกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพวกที่เป็นระบบ Active Safety ประกอบไปด้วย
• ระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (FCW)
• ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ทั้งบุคคลและยานยนต์ (FEB/PFEB)
• ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ (LDW) อันนี้ทำงาน Sensitive มาก
• ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวรอบตัวรถ (MOD)
ส่วนระบบความปลอดภัยพื้นฐานก็จะมีระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA, ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังจากในรถ, และถุงลมนิรภัยคู่หน้า
Test Drive
โอเค มาทดลองขับกันเลยดีกว่า ตอนออกตัวก็ถือว่าพุ่งในระดับเครื่อง 1.2 และสามารถลากยาวได้ถึงย่านความเร็วที่ 80 หลังจากนั้นมันจะเริ่มขึ้นช้าและเริ่มตันที่ประมาณ 120-130 ก็อย่างที่ผมบอกไว้ครับ คือคิดว่ามันจะอืดแล้วมันก็อืดจริงๆ การตอบสนองเกียร์ดีขึ้นกว่าเดิมเพราะมี D-Step Logic เข้ามาช่วย สามารถบูสได้มันส์ขึ้น ช่วงล่างถือว่ามั่นคงจนถึง 120 แต่หลังจากนั้นมิอาจทราบได้เพราะผมเหยียบได้แค่นี้ เสียงรบกวนบอกเลยครับว่า ดังชิหายเลย เสียงลมเข้ามาเยอะพอสมควร ส่วนระยะเบรกถือว่าทำได้ดีมาก Balance น้ำหนักดี แถมเบรกได้อย่างนุ่มนวลด้วย อันนี้เป็นเอกลักษณ์ของรถ Nissan ครับ โดยรวมแล้วมันสามารถใช้เป็นรถครอบครัวในเมืองได้ครับ แต่ถ้าจะขับทางไกลก็จะไม่ค่อยเหมาะซะเท่าไหร่ คือมันเป็นรถทุกเพศทุกวัยจริงๆ ครับ ผู้ใหญ่หลายคนน่าจะถูกใจในความกว้างของมัน ส่วนวัยรุ่นก็สามารถซื้อมาขับได้อย่างไม่น่าเกลียด
สรุป
• ดีไซน์ภายนอกมาจากลูกผสมจากรถรุ่นอื่น แต่มันก็ดูโฉบเฉี่ยว
• ฐานล้อโคตรยาวถ้าเป็น Eco Car
• ภายในกว้าง โปร่ง และนั่งสบาย
• วัสดุภายในถือว่าแย่ในบางจุด แต่ก็เป็นไปตามราคารถ
• การวางตำแหน่งปุ่มใช้งานง่าย
• ขึ้น-ลงง่าย
• ระบบ Infotainment ยังไม่ค่อยดี ต้องแก้หลายจุดอยู่
• ช่องเสียบ USB และ HDMI ไม่สะดวกเลย
• เครื่องอืดไปหน่อย เหมาะกับการใช้ในเมืองอย่างเดียว
• การตอบสนองเกียร์ดีกว่าเดิม บูสได้มันส์ขึ้น
• ระบบความปลอดภัยเด่นสุดใน Segment และทำงานได้ไว
• ช่วงล่างถือว่าโอเคในช่วงความเร็วไม่เกิน 120
• การเก็บเสียงไม่ดี เสียงเข้ามาค่อนข้างเยอะ
• เบรกดีมาก นุ่มสุดๆ
• เป็นรถเล็กที่สามารถใช้งานได้ทั้งบ้าน
• เด็กขับได้ ผู้ใหญ่ขับดี
• ใช้ในเมืองโอเค แต่นอกเมืองจะไม่ค่อยเหมาะ
• เหมาะกับสาวออฟฟิศและเด็กมหาลัย
Nissan Note 1.2 VL ตั้งราคาอยู่ที่ 640,000 บาท ถ้าดูเผินๆ มันจะแพงกว่าคู่แข่ง อาจทำให้หลายๆ คนเปลี่ยนใจได้ แต่ถ้าใครต้องการรถที่ปลอดภัยและขับง่าย คันนี้ก็น่าจะเหมาะครับ
คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่รีแนะนำร้านอาหาร แนะนำที่เที่ยวได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla หรือติดตามผ่านทาง Facebook Page: Chinchilla_autoholic ได้ตามลิ้งค์นี้ครับ https://www.facebook.com/chinchillaautoholic/?ref=ts&fref=ts ไปกด Like กด Follow กันเยอะๆ นะครับ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic