วันนี้ได้คุยกับคุณแม่ คุณแม่บอกว่าชอบมีคนมาปรึกษาว่าเลี้ยงลูกยังไงให้ได้ดี เพราะเห็นพวกผมและน้องๆเรียบร้อยดูเชื่อฟังแม่มาก (พวกผมมันสายดื้อเงียบ ดื้อด้วยเหตุผล แต่เอาจริงๆไม่เคยชนะเหตุผลเลย ก็ยอมสิครับ ดื้อไปทำไรอารมณ์เสียปล่าวๆ 555)
ซึ่งจริงๆมันสรุปสั้นๆได้ สามช่วงอายุ ซึ่งพอฟังไปแล่ว เออ ก็อย่างที่ตัวเองโดนมานั่นแหละ จะว่าดีไหม ก็อาจจะดีในบางมุม อาจจะแย่ในบางมุม แต่พอมาฟังตอนนี้ขำแทบตาย ดื่มน้ำอยู่นี่สำลักเลย (ส่วนน้องๆนี่หน้าเหวอออกเลย 555)
คำพูดสอนสั้นๆ
"ตอนแรกเกิดเลี้ยงอย่างราชา"
"โตขึ้นมานิดหน่อย เลี้ยงแบบทาส"
"โตขึ้นมาอีก(วัยรุ่น+)ก็เลี้ยงแบบเพื่อน"
ขยายความซักนิด ตอนฟังนี่ขำมาก(คนอื่นคงไม่ขำด้วย)
ตอนเด็กๆก็คือเลี้ยงให้ดี เด็กๆมันตายง่าย(แม่จ้าแม่พูดอะไรแบบนี้ คือกะว่าถ้าทำไรมาก ตีมากเด็กตายใช่ป่ะ 555555)
โตขึ้นมาหน่อย (ไม่ตายง่ายล่ะ) เลี้ยงแบบ ทาส คือทำไรให้เป็นทั้งหมด(ทำเป็นใช่ว่าต้องลงมือทำเองทุกอย่าง แต่อย่างน้อยต้องทำให้เป็นไม่งั้นจะคุมคนได้ยังไง) ไม่ได้เลี้ยงให้สบาย (คือมันก็สบายแหละแต่ไม่ได้แบบไข่ในหิน หรือเด็กสปอย) ทำผิดก็ทำโทษหนักหน่อย(หนักหน่อยของแม่คือโคตรหนักสำหรับคนทั่วไปพูดงี้นึกถึงตัวเองตอนอนุบาลแม่บอกว่า ไอ้เรานี่แสบมาก ไปรร ทำผิดคนอื่นครูตี ร้องไห้ ไอ้เราโดนตีล่ะหัวเราะบอกนี่ตีหรอ แค่เนี่ย โถ่แม่ตียังเจ็บกว่าอีก [ไอ้เด็กโง่ีทีหลังครูเลยฟ้องแม่เอาโดนหนักซะ555], และแม่ลองเปรียบเทียบ โดยที่คุณแม่เล่าถึงควาญช้าง เลี้ยงช้าง ไม่ว่าช้างจะโตแค่ไหนแต่เพราะมันเคยถูกทำโทษโดยการล่ามโซ่แต่เด็กเวลามันทำผิด พอโตขึ้นมันก็จะยังกลัวเนอะและจะเชื่องเวลาถูกล่ามโซ่เพราะเหมือนรู้ตัวว่าืำผิดแล้วเนอะถึงแม้ว่าตอนนี้มันตัวใหญ่กว่าควาญช้างแล้วก็ตาม (นึกย้อนกลับไปก็เจอโหดไผม ลองนึกดู ตอนเด็กๆจำได้เคยเล่นน้ำลาย เจอตีปากทีเดียว จำและเลิกเล่นน้ำลายเลย #แม่โหด #รักลูกถึงตี )
พอเริ่มโตขึ้นมาอีกก็เลี้ยงแบบเป็นเพื่อน คืออยู่กันแบบเพื่อน มีอะไรคุยกันบอกกัน ปรึกษากัน ซึ่งมันก็ดีแหละ มันจะไม่มีมาแบบ ทำตัวนอกคอกไม่ไปเรียนเพราะประท้วงอยากได้รถอะไรพวกนี้ 5555 (แม่มีเสริมแถมยังดี เนื่องจากเด็กมันเคยเป็นทาสมาก่อน บอกอะไรมันจะฟัง ไม่งั้นรู้นะว่าจะโดนอะไร 5555 #โชคดีแม่เป็นคนมีเหตุผล #แม่พูดไปขำไป #ดูมีอารมณ์ขัน #ลูกๆทำไมขำไม่ออก 55)
นอกนั้นยังบอกเสนอเค้าวิธีคุมลูก ดูแลลูก บลาๆซะโหดฉบับแม่ผม 555
(ตัวอย่างง่ายๆ สมมุติงอแงนอกบ้าน พากลับบ้านเรียกมาดีๆ ตีเสร็จ พาออกไปใหม่ ถ้างอแงอีก พากลับมาตีใหม่ วน loop เลยครับ คุณแม่สาย extreme มีแต่หักไม่มีงอ บอกคำไหนคำนั้น ไอ้ที่ว่าดุๆ ดุแต่ปาก เกิดมายังไม่มีใครดุกว่าแม่ผมเล้ยยย #แอบแม่แปป #ถึงดุแต่ก็รักนะ #ตอนเด็กๆก็ว่าแม่ดุแหละแต่ไม่เห็นจะกลัวแม่ซักที (ถ้าไม่ทำผิด) #จริงๆแม่ใจดีจะตาย นึกถึงตอนแม่ต้องแสดงละครโมโหน้องทีไรล่ะขำทุกที )
สุดท้ายก็พอบอกไปคนที่มาปรึกษาหน้าเหวอเลยครับ ฮามากมาย ไม่มีใครคิดว่าแม่ดุขนาดนี้ เพราะคนอื่นมองจะบอกว้า แม่เรานี่ดีเนอะ ใจดีมาก บลาๆๆ ชมแม่เรานู้นนี่นั่น (ไอ้ลูกมันหัวเราะ หึหึ อยู่ในใจ แบบว่า แน่จริงมาเห็นตอนลูกๆโดนทำโทษดิ แล้วจะเปลี่ยนความคิด)
แม่ก็บอกว่าถ้าทำตามสเต็ปนี้แต่เด็กๆมันจะไม่มีมา พวกแบบ งอแง ไม่เชื่อฟัง อะไรแบบนี้หรอก #มันคงตายแต่เด็กไปแล้วมั้ง #ของอย่างนี้มันใช้ไม่ได้กับทุกครอบครัวเนอะ #ถึงยังไงก็รักแม่คร๊าบ
เพื่อนๆ แม่ๆทั้งหลายคิดยังไงบ้างครับ หุหุ
เมื่อผมคุยกับคุณแม่เรื่องการเลี้ยงลูก
ซึ่งจริงๆมันสรุปสั้นๆได้ สามช่วงอายุ ซึ่งพอฟังไปแล่ว เออ ก็อย่างที่ตัวเองโดนมานั่นแหละ จะว่าดีไหม ก็อาจจะดีในบางมุม อาจจะแย่ในบางมุม แต่พอมาฟังตอนนี้ขำแทบตาย ดื่มน้ำอยู่นี่สำลักเลย (ส่วนน้องๆนี่หน้าเหวอออกเลย 555)
คำพูดสอนสั้นๆ
"ตอนแรกเกิดเลี้ยงอย่างราชา"
"โตขึ้นมานิดหน่อย เลี้ยงแบบทาส"
"โตขึ้นมาอีก(วัยรุ่น+)ก็เลี้ยงแบบเพื่อน"
ขยายความซักนิด ตอนฟังนี่ขำมาก(คนอื่นคงไม่ขำด้วย)
ตอนเด็กๆก็คือเลี้ยงให้ดี เด็กๆมันตายง่าย(แม่จ้าแม่พูดอะไรแบบนี้ คือกะว่าถ้าทำไรมาก ตีมากเด็กตายใช่ป่ะ 555555)
โตขึ้นมาหน่อย (ไม่ตายง่ายล่ะ) เลี้ยงแบบ ทาส คือทำไรให้เป็นทั้งหมด(ทำเป็นใช่ว่าต้องลงมือทำเองทุกอย่าง แต่อย่างน้อยต้องทำให้เป็นไม่งั้นจะคุมคนได้ยังไง) ไม่ได้เลี้ยงให้สบาย (คือมันก็สบายแหละแต่ไม่ได้แบบไข่ในหิน หรือเด็กสปอย) ทำผิดก็ทำโทษหนักหน่อย(หนักหน่อยของแม่คือโคตรหนักสำหรับคนทั่วไปพูดงี้นึกถึงตัวเองตอนอนุบาลแม่บอกว่า ไอ้เรานี่แสบมาก ไปรร ทำผิดคนอื่นครูตี ร้องไห้ ไอ้เราโดนตีล่ะหัวเราะบอกนี่ตีหรอ แค่เนี่ย โถ่แม่ตียังเจ็บกว่าอีก [ไอ้เด็กโง่ีทีหลังครูเลยฟ้องแม่เอาโดนหนักซะ555], และแม่ลองเปรียบเทียบ โดยที่คุณแม่เล่าถึงควาญช้าง เลี้ยงช้าง ไม่ว่าช้างจะโตแค่ไหนแต่เพราะมันเคยถูกทำโทษโดยการล่ามโซ่แต่เด็กเวลามันทำผิด พอโตขึ้นมันก็จะยังกลัวเนอะและจะเชื่องเวลาถูกล่ามโซ่เพราะเหมือนรู้ตัวว่าืำผิดแล้วเนอะถึงแม้ว่าตอนนี้มันตัวใหญ่กว่าควาญช้างแล้วก็ตาม (นึกย้อนกลับไปก็เจอโหดไผม ลองนึกดู ตอนเด็กๆจำได้เคยเล่นน้ำลาย เจอตีปากทีเดียว จำและเลิกเล่นน้ำลายเลย #แม่โหด #รักลูกถึงตี )
พอเริ่มโตขึ้นมาอีกก็เลี้ยงแบบเป็นเพื่อน คืออยู่กันแบบเพื่อน มีอะไรคุยกันบอกกัน ปรึกษากัน ซึ่งมันก็ดีแหละ มันจะไม่มีมาแบบ ทำตัวนอกคอกไม่ไปเรียนเพราะประท้วงอยากได้รถอะไรพวกนี้ 5555 (แม่มีเสริมแถมยังดี เนื่องจากเด็กมันเคยเป็นทาสมาก่อน บอกอะไรมันจะฟัง ไม่งั้นรู้นะว่าจะโดนอะไร 5555 #โชคดีแม่เป็นคนมีเหตุผล #แม่พูดไปขำไป #ดูมีอารมณ์ขัน #ลูกๆทำไมขำไม่ออก 55)
นอกนั้นยังบอกเสนอเค้าวิธีคุมลูก ดูแลลูก บลาๆซะโหดฉบับแม่ผม 555
(ตัวอย่างง่ายๆ สมมุติงอแงนอกบ้าน พากลับบ้านเรียกมาดีๆ ตีเสร็จ พาออกไปใหม่ ถ้างอแงอีก พากลับมาตีใหม่ วน loop เลยครับ คุณแม่สาย extreme มีแต่หักไม่มีงอ บอกคำไหนคำนั้น ไอ้ที่ว่าดุๆ ดุแต่ปาก เกิดมายังไม่มีใครดุกว่าแม่ผมเล้ยยย #แอบแม่แปป #ถึงดุแต่ก็รักนะ #ตอนเด็กๆก็ว่าแม่ดุแหละแต่ไม่เห็นจะกลัวแม่ซักที (ถ้าไม่ทำผิด) #จริงๆแม่ใจดีจะตาย นึกถึงตอนแม่ต้องแสดงละครโมโหน้องทีไรล่ะขำทุกที )
สุดท้ายก็พอบอกไปคนที่มาปรึกษาหน้าเหวอเลยครับ ฮามากมาย ไม่มีใครคิดว่าแม่ดุขนาดนี้ เพราะคนอื่นมองจะบอกว้า แม่เรานี่ดีเนอะ ใจดีมาก บลาๆๆ ชมแม่เรานู้นนี่นั่น (ไอ้ลูกมันหัวเราะ หึหึ อยู่ในใจ แบบว่า แน่จริงมาเห็นตอนลูกๆโดนทำโทษดิ แล้วจะเปลี่ยนความคิด)
แม่ก็บอกว่าถ้าทำตามสเต็ปนี้แต่เด็กๆมันจะไม่มีมา พวกแบบ งอแง ไม่เชื่อฟัง อะไรแบบนี้หรอก #มันคงตายแต่เด็กไปแล้วมั้ง #ของอย่างนี้มันใช้ไม่ได้กับทุกครอบครัวเนอะ #ถึงยังไงก็รักแม่คร๊าบ
เพื่อนๆ แม่ๆทั้งหลายคิดยังไงบ้างครับ หุหุ