สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้น้องน้อยจะมานำเสนอเส้นทางสายชิลเพื่อสร้างความแตกต่างใน จ.ราชบุรี
ปกติแล้วเวลาคนพูดถึง จ.ราชบุรี ก็จะมีแต่สวนผึ้ง แต่วันนี้เว้ยเราจะพาเข้าไปทัวร์ในเมือง
และเราก็มีที่พักในใจอยู่แล้วคือ "บ้านไร่ริมดอยโฮมสเตย์" มันครองใจอยู่ตลอดกาล
เพราะไปพักแล้วมันสุดยอดอ่ะ เหมาะกับการไปเมาเหล้ามาก เอ้ย!!!!!พักผ่อน แฮ่ๆๆ


Day 1
- เริ่ม start ออกจากกรุงเทพแต่เช้าเพราะกลัวรถติด เราจะหาเที่ยวตามเส้นทางไปบ้านไร่กัน.....
ที่แรกเลยพอลงทางด่วนเข้าถนนมหาชัย วิ่งเข้าบ้านแพ้ว แล้วเปิด GPS
ค้นหาร้านกาแฟ เราไปเจออยู่ร้านนึงชื่อว่า "Secret Space" แล้วเราก็วนรถไปเยือน ปรากฎว่า ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไปเจอสวนกระบองเพชรเว้ย จริง ๆ แล้วที่นี้เค้าเน้นขายพวกต้นกระบองเพชร และต้นไม้นานาชนิด แต่ด้วยความที่มันไม่ค่อยมีร้านอาหาร
ทางร้านเลยทำร้านกาแฟขึ้นมา แต่จะบอกว่าที่นี่ถ้าใครจะหาต้นกระบองเพชรถูก ๆ ไปขายต่อน้องน้อยแนะนำเลยค่ะ เพราะมีเยอะมาก
พี่เจ้าของบอกว่าเดือนนึงขายส่งทีเป็น 40k มีพื้นที่ 500 ไร่เลยนะแกเอ๋ย วาร์ปมาที่ร้านกาแฟก่อน ทางเข้ามันจะมีเขาวงกตด้วยนะ เหมาะกับการโพสท่ามาก   คือจะบอกว่ากาแฟดำที่นี่แบบ ดำสมชื่อเพราะเป็นสูตรร้านเค้าเอง เสมือนกาแฟโบราณ กินทีนึงมีจุกไป 10 วัน แต่ถ้าคนชอบคงจะติดใจ แต่น้องน้อยไม่ไหว ราคาก็ไม่แพงนะ ปกติ








พอถ่ายรูปกันอิ่มหนำ เราจะไปดูโอ่งกัน ใน จ.ราชบุรี ถ้าพูดถึงโอ่งมันจะมีอยู่ 2 ที่ ระหว่างรัตนโกสินทร์ กับ เถ้าฮงไถ่
แต่ทางผ่านของเราจะเป็น "เถ้าฮงไถ่" และที่พีคสุดคืออันนี้มันก็จะมีชื่อกว่า ตึงตึงโป๊ะ!!!! อะไรมันจะเป็นใจขนาดเน้!!
เมื่อก่อนเค้าจะทำแต่โอ่งรูปมังกร แต่ปัจจุบันรุ่นลูกมาดูแลเลยมีการประยุกต์ไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงความเก๋ไก๋อยู่
ประเด็นคือ ลูกคนเล็กนางมีฮาเล่ย์เป็นสิบคันหน่อย ๆ อ่ะแก55555 อันนี้ไม่เกี่ยว ความเผือกส่วนตัวล้วน ๆ ไปดูรูปดีฝ่า


  
  



หลังจากไปเที่ยวแค่สองทีเม็มเกือบเต็มละ พุงอันน้อย ๆ ของน้องน้อยเริ่มเตือนว่า เจ้าต้องหาหมูลงท้องแล้วนะ
เพราะฉะนั้นเรามาถึงราชบุรี เราเลยต้องไปกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย(ไม่เกี่ยวนะ) เพราะใกล้กับที่เที่ยวต่อไปที่เราจะไป
แต่อันนี้โดยความชอบส่วนตัวเป็นคนชอบกินก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้ว 5555 ใครไม่กินแต่ฉันจะกิน ฉันจะกิน.......ทีเด็ดที่นี่คือ
พนง.เสิร์ฟเว้ย....เอ้ย!!!! ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย กับลอดช่องน้ำกะทิ คือคอนเฟิมว่าเด็ดมากอ่ะ อร่อยไม่อร่อยดูเอา!!!!






พอพุงน้อย ๆ เริ่มขยายตัว เราก็เริ่มไปย่อยต่อที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี หรือศาลากลางเก่านั้นเอง ที่นี่ก็จะดูมีสาระหน่อย
เสียค่าบำรุงรักษาและดูแล คนละ 20 บาท ถูกกว่าตั๋วหนังอีก ที่นี่จะเป็นแหล่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ จ.ราชบุรี ได้ดีทีเดียว










พอเริ่มซึมซับหน่อย ๆ เราควรไป Street art ต่อ แต่เค้าว่ามีถึง 3 ที่ คือ ข้าง ๆ พิพิธภัณฑสถาน ,สถานีรถไฟ และห้างโรบินสัน
แต่ตอนเดินไปเดินมา มันไปสะดุดตาที่ร้านนี้เว้ย!!!!!! "ร้านกาแฟ d kunst Tao Hong Tai" คือมันเป็นร้านกาแฟแบบบ้านไม่เก่า ๆ อ่ะ
และที่นี่ยังเคยเป็นโรงเรียนสอนพิมพ์ดีดมาก่อนด้วย ภายในตกแต่งได้แบบถูกใจวัยรุ่นมาก คือสบาย ๆ มีหลายมุม แถมข้างบนชั้นสามของร้าน
ยังทำเป็น Gallery อีกต่างหาก คือดีงานอ่ะแกร๊.....แต่.....แต่.....แต่ Gopro น้องน้อยมันดันงอแงเลยไม่มีภาพมาให้ดูเลย แต่ยังดีที่ยังมีวิวในร้านหลงเหลือ





เริ่มใกล้จะเย็นละ เราเลยกะไปพิชิต "อุทยานหินเขางู" เพราะกลัวมืดก่อนที่จะเข้าไปโฮมสเตย์ เพราะมันจะมีคนอยู่ประเภทนึง
ที่ไม่ว่าจะไปไหน หรือไปที่เดิม ๆ ก็ยังหลง ก็น้องน้อยนี่ไง555555 ไปไหนเราต้องพึ่ง GPS เสมือนเป็นแฟนที่ไม่มีใครทำแทนได้
จากร้านกาแฟไปอุทยานหินเขางูใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเองเว้ย และแล้วเราก็ได้มาพบนักร้องสุดหล่อ เหวยๆๆๆๆๆๆๆๆ โฟกัสวิวก่อนดีกว่า55555
คือเวลาที่แนะนำควรมาตอนพระอาทิตย์ขึ้นและตกนาจาเด็ก ๆ แต่เราไปเร็วไปหน่อย ด้วยความที่กลัวหลง เลยรีบจัด เอาวิวตามรายทางไปก่อนละกัน











หลังจากไปมั่ว ๆ กับนักร้องและธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว เราจะไปดูค้างคาวร้อยล้านที่ "วัดเขาช่องพราน" กันต่อเลยครับ
เพราะน้องน้อยกะว่าวันเดียวเอาคุ้มอ่ะ เพราะอะไรรู้มั้ย คือน้องน้อยศึกษาเส้นทางมาระดับนึง มันเป็นทางผ่านทั้งหมด เลยอยากเที่ยวให้ครบขาไป
เพราะขากลับเกรงว่าสภาพร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย เพราะพักที่นี่ทีไรมันแบบปลดปล่อยความเป็นตัวเองสุด ๆ 5555555
วาร์ปมาที่วัดเขาช่องพรานแพร๊บ.....คือพอไปถึงจะมีพระเป็นผู้รายงานสด และทุกวันอาทิตย์จะมีตลาดนัดของกินเยอะแยะไปหมด ใครที่ลด นน. อยู่
สถานที่นี้ไม่แนะนำค่ะ เพราะแต่ละอย่างมันแบบฟินเว่อออออออออ!!!!!!!  ในส่วนของเวลาที่เราจะเห็นค้างคาวคือไม่แน่นอนนะ
แต่ที่ชัวร์คือจะได้เห็นมันแน่นอนถ้าทุกคนมีความอดทนในการรอ ซึ่งพระท่านบอกว่ามันไม่มีเวลาที่แน่นอน แต่อยู่ในราว  6 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม ประมาณนี้
จะไม่ดิฟกันมาก แต่วันที่น้องน้อยไป น้องน้อยได้เห็นค้างคาวตอน 18.16 น. ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดีงาม5555 คือจะบอกว่าแต่ก่อนค้างค้าวจะมีเยอะกว่านี้
แต่มันตายไปเพราะโดนงูกินบ้าง บินชนสายไฟบ้างไรงี้ แต่ถ้าถามว่ายังมีเยอะอยู่ไหม ให้ภาพมันอธิบายดีกว่า.......


คือฟินมว๊าาาากกกกกอ่ะแกร๊!!!!!!!! เริ่มจะมืดละน้องน้อยว่าเราเข้าที่พักกันเถอะ!!!!!
น้องน้อยชอบมาพักที่ "บ้านไร่ริมดอย โฮมสเตย์" เพราะอะไรรู้มั้ย??? เพราะมากี่ทีที่นี่จะพัฒนาและสร้างสรรค์บริเวณรอบ ๆ อยู่เรื่อย
คือมีที่ถ่ายรูปเยอะขึ้น และเมื่อก่อนยังไม่มีโรงอาหารนะ(เค้าเรียกอะไรไม่รู้ขอโทดด้วยนะค้าบ) แต่ตอนนี้พี่เจ้าของนางสร้างแบบใหญ่โตมหึมา
อลังการงานสร้างมาก คือเราชอบมากนะ มีที่สำหรับปั่นจักรยานด้วย และที่นี่ใกล้ที่เที่ยวเยอะมาก ไม่ว่าจะสวนผึ้ง เขางู หรือที่เที่ยวในตัวเมือง
คือแบบใกล้หมดอ่ะ คือดีอ่ะ น้องน้อยชอบ อีกอย่างนะ...น้องน้อยกินข้าวเยอะ แม่เจ้าของที่นี่เค้าใจดีเค้าทำให้เราเยอะมาก คุ้มกับราคาหลักร้อย
ที่รวมอาหารมื้อเย็น - เช้า มากอ่ะ คนที่นี่เป็นกัน คุยกันเสมือนรู้จักกันมาสิบปี เหมือนเป็นพ่อแม่พี่ป้าน้าอาพี่น้อง ไรงี้เล๊ยยยย!!! นี่งงใจมาก5555
คือถ้าใครกำลังมองหาที่พักหลักร้อยไม่คิดไรมาก อยากแนะนำที่นี่มากเหมาะกับการพักผ่อน พอพักเสร็จอยากไปไหนต่อ ออกจากที่นี่ไป ก็ไปได้ง่าย
สะดวกกกกกกมว๊ากกกกกกกกกก มาดูภาพปลากรอบกันดีฝ่า














Day 2
เป็นวันที่เราต้องกลับไปเผชิญชะตากรรมละ แต่ยังไม่วายหาร้านกาแฟจิบเบา ๆ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาพบกับ "ร้านบ้านกาแฟริมเขา"
คือทั้งวิวและรสชาดของที่นี่เลอค่ามาก


หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพวนไปค่ะ วนไปแบบอารมณ์ยังค้างกับบ้านไร่อยู่ ไว้เรามาพบกันใหม่นะแจ๊ะ
*จบบริบูรณ์*
***คือใครอยากทราบราคาที่พักติดต่อได้ที่เพจนางตามลิงค์ด้านล่างนะ เพราะน้องน้อยไม่รู้รายละเอียด และไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ประการใด***
https://www.facebook.com/baanrairimdoi/?fref=ts
**แต่ส่วนตัวแล้วชอบพักคืนละ 700 แบบรวมอาหารเช้า(คุ้มดี555) แต่เราแอบเห็นคนมานอนกางเต๊นท์ด้วยนะ**
*ผิดพลาดประการใดน้องน้อยต้องขออภัยด้วยนะคะ
*ขออนุญาตเจ้าของที่พักด